พิจิตร - สาวฉันทนาโรงงานเอคโค่ เจ้าของร้านขายของชำ หอพัก ใกล้นิคมฯ พิจิตร ครวญกันทั่วหน้า พิษค่าแรง 300 ส่งผลแล้ว หอพัก-แผงก๋วยเตี๋ยวร้าง ขณะที่สาวโรงงานบอกได้ค่าแรง 200 กว่าก็เอา อยากอยู่ใกล้บ้าน
รายงานข่าวจากจังหวัดพิจิตร แจ้งว่า หลังบริษัท เอคโค่ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานผลิตรองเท้าที่ขยายโรงงานเข้ามาลงทุนที่นิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือตอนล่าง (พิจิตร) อ.วชิรบารมี จ.พิจิตร เมื่อ 6 ปีที่ผ่านมา ก่อนที่จะประกาศปิดไลน์การผลิตเพื่อยุบรวมกับบริษัทแม่ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ตั้งแต่ 12 พ.ย. 56 ที่ผ่านมา ทำให้พนักงานที่มีอยู่ 1,138 คนต้องตกงานบางส่วน ตลอดจนส่งผลกระทบต่อธุรกิจเกี่ยวเนื่องรอบข้างทันที
ล่าสุด นายนราพัฒน์ แก้วทอง ส.ส.พิจิตร เขต 2 พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่โรงงานตั้งอยู่ ได้ลงพื้นที่ไปดูบริษัท เอคโค่ฯ ซึ่งพบว่าประตูโรงงานปิดมีแต่ รปภ.และพนักงาน 3-4 คนที่อยู่เฝ้าโรงงาน และอธิบายว่าโรงงานต้องปิดตัวเนื่องจากในอดีตเมื่อ 6-7 ก่อนมาตั้งโรงงานในส่วนภูมิภาค โดยเลือกจังหวัดพิจิตรเพราะเห็นว่าแรงงานส่วนใหญ่เป็นภาคการเกษตรมีฝีมือและความขยัน ซึ่งหลังฤดูกาลทำนาก็จะว่างงานจึงเปิดโรงงานขึ้น อีกทั้งเห็นว่าค่าแรงสมัยนั้นก็อยู่ในระดับต่ำเพียงแค่ 142 บาท ถูกกว่าค่าแรงในกรุงเทพฯและปริมณฑล
แต่พอรัฐบาลชุดปัจจุบันที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ได้ประกาศให้ค่าแรง 300 บาทเท่ากันทั่วประเทศ ทำให้บริษัทฯ มีต้นทุนเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว รวมทั้งสินค้าที่ผลิตก็ต้องขนวัตถุดิบจากโรงงานแม่ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา มาป้อนให้คนงานที่พิจิตรผลิตรองเท้า เสร็จแล้วก็ต้องขนกลับไปที่ จ.พระนครศรีอยุธยาอีก ทำให้เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มต้นทุนซ้ำซ้อน จนต้องประกาศปิดโรงงานที่พิจิตร และยุบรวมกิจการให้ไปอยู่ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ส่วนคนงานทั้งหมดถ้าสมัครใจทำงานที่อยุธยา ที่กำลังเพิ่มไลน์การผลิตด้วย บริษัทฯ ก็ยินดีรับทั้งหมด แถมมีค่าเดินทางให้ 4,000 บาท ช่วยค่าเช่าหอพักเดือนละ 2,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน ซึ่งขณะนี้มีพนักงานสมัครใจลงทะเบียนขอไปอยู่ที่อยุธยาเกือบ 400 คนแล้ว
น.ส.เจนจิรา ทองดอนเถื่อน อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 45/2 บ้านบัวยาง หมู่ 9 ต.หนองหลุม อ.วชิรบารมี จ.พิจิตร หนึ่งในสาวโรงงานบริษัท เอคโค่ เล่าว่า เธอทำงานที่นี่มา 3 ปีครึ่ง มีความผูกพันและรักบริษัทมาก มาทำงานคราวแรกได้ค่าแรงแค่ 142 บาท ก็พออยู่ได้ เพราะบริษัทมีสวัสดิการค่าอาหาร-ค่าน้ำมันจักรยานยนต์ให้ รวมถึงมีค่าทำงานล่วงเวลา เดือนหนึ่งๆ ก็ได้เงินเดือนมากกว่า 10,000 บาท
เมื่อรัฐบาลพรรคเพื่อไทยประกาศค่าแรง 300 บาทเท่ากันทั่วประเทศ ตอนแรกก็ดีใจจนเนื้อเต้น เพราะได้รับเงินเพิ่มอีกเกือบเท่าตัว แต่มาตอนนี้ต้องมาตกงาน ซึ่งก่อนโรงงานปิดก็ได้เงินชดเชยมา 106,000 บาท ไม่ได้ดีใจที่ได้เงินแสน สงสารนายจ้าง อยากให้โรงงานกลับมาเปิดอีกครั้ง เพราะอยากทำงานใกล้บ้าน
เช่นเดียวกับ น.ส.ยุพา พันธ์ขอ อายุ 33 ปี ชาวอำเภอวชิรบารมี ซึ่งได้เงินชดเชยมา 75,000 บาท และ น.ส.อารีรัตน์ แซ่วี อายุ 30 ปี เป็นชาวอำเภอวชิรบารมี ซึ่งได้เงินชดเชยมา 80,000 บาท รวมถึง น.ส.พรพนา ชื่นสมบัติ อายุ 33 ปี ชาวตำบลหนองหลุม อำเภอวชิรบารมี ซึ่งได้เงินชดเชยมา 110,000 บาท ทุกคนบอกทำนองเดียวกันว่า ก่อนหน้านี้ทำงานที่ บ.เอคโค่ ได้อยู่ใกล้บ้าน รายได้ดี ผู้จัดการ-หัวหน้าแผนก ล้วนใจดีรักลูกน้องเหมือนลูกหลาน เพื่อนๆทุกคนก็รักใคร่สามัคคีมีกิจกรรมร่วมกัน ทั้งแข่งขันกีฬา จัดงานปีใหม่และอื่นๆ ทำให้มีความสุขมาก
แต่วันนี้โรงงานต้องมาปิดกิจการลงเพราะพิษค่าแรง 300 บาท ที่ทำให้เถ้าแก่ทนไม่ไหว ในอดีตพวกเราได้ค่าแรงน้อยแต่ก็มีความสุข เราอยู่ได้และเจ้าของบริษัทอยู่ได้ แต่วันนี้เราอยู่ได้แต่เจ้าของโรงงานอยู่ไม่ได้
“ตอนนี้ยอมรับว่ายังเคว้งคว้างตัดสินใจไม่ถูกว่าจะอยู่ที่พิจิตร หรือจะไปอยู่ที่ บ.เอคโค่ บริษัทแม่ที่อยุธยาดี คงต้องขอปรึกษากับครอบครัวก่อน”
ขณะที่ น.ส.โสพิศ สุขเจริญ อายุ 33 ปี เป็นชาวตำบลท่าขมิ้น อ.โพทะเล จ.พิจิตร ทำงานที่ บ.เอคโค่ มา 1 ปี 5 เดือน ซึ่งได้รับเงินชดเชยจากการปิดโรงงาน 70,000 บาท และ น.ส.วรรณ อายุ 28 ปี เป็นชาว ต.เตาปูน อ.สอง จ.แพร่ ซึ่งทำงานที่ บ.เอคโค่ มา 3 ปี ได้รับเงินชดเชยจากการปิดโรงงาน 100,000 บาท ก็เล่าในลักษณะเดียวกัน แต่เธอทั้งคู่ยังคงพักอยู่ที่หอพัก เนื่องจากตัดสินใจจะไปทำงานที่ จ.พระนครศรีอยุธยา
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองบอกว่าถ้าเลือกได้อยากให้โรงงานกลับมาเปิดเหมือนเดิม ได้ค่าแรง 200 กว่าบาท มีโอที-มีสวัสดิการก็พอใจแล้ว
ส่วนนางสมรักษ์ เรืองสิงห์ อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4/10 หมู่ 9 ต.หนองหลุม อ.วชิรบารมี จ.พิจิตร ซึ่งเดิมมีอาชีพทำนาและมีที่ดินอยู่ตรงข้ามกับนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือตอนล่างพิจิตร เล่าให้ฟังว่า เมื่อ 7 ปีก่อน โรงงานเริ่มมาตั้งกิจการก็มีคนงานมาถามหาที่พัก ตนจึงเริ่มสร้างห้องเช่าแค่ 7 ห้อง ให้เช่าเดือนละ 1,500 บาท และได้อาศัยขายของชำด้วย จากนั้นโรงงานเอคโค่ ขยายกิจการมีพนักงานเพิ่มขึ้นเป็นพันคน ตนจึงตัดสินใจเอาโฉนดที่นาไปเข้าธนาคาร กู้เงินมาเกือบ 7 ล้านบาท สร้างห้องเช่าทั้งหมด 55 ห้อง ต้องส่งธนาคารเดือนละแสนกว่าบาท
“ก่อนหน้านั้น 1-2 ปี มีรายได้งาม พนักงานคึกคัก ตอนนี้เหลือคนเช่าห้องพักแค่ 2 ห้อง ซึ่งเป็นคนขายก๋วยเตี๋ยวแถวหน้านิคมอุตสาหกรรม และแถวตลาดนัด และเมื่อไม่มีสาวโรงงานก๋วยเตี๋ยวก็ขายไม่ได้ ทำท่าว่าจะขอย้ายออกเร็วๆนี้เหมือนกัน ก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำอย่างไรกันต่อไป”
นางสมรักษ์บอกว่า ที่ต้องเป็นเช่นนี้เพราะนโยบายค่าแรง 300 บาททั่วประเทศ เขาจึงไม่มาตั้งโรงงานในต่างจังหวัดสู้อยู่ในกรุงเทพฯ หรือปริมณฑลก็มีค่าเท่ากัน จึงเป็นเหตุให้ต้องปิดโรงงานและทำให้ธุรกิจ-กิจการที่อยู่รอบข้างโรงงานต้องพลอยล่มสลายไปด้วยดังกล่าว