ผลสอบชัด เหตุอาคาร ม.เทคโนฯ กาฬสินธุ์ถล่ม ผู้รับเหมาไร้ประสิทธิภาพ-ไม่มีใบอนุญาต

กาฬสินธุ์ - คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีอาคารเรียนรวม 9 ชั้นถล่มระหว่างก่อสร้าง เกิดจากผู้รับเหมาใช้อุปกรณ์ก่อสร้างไม่มาตรฐาน ชี้ชัดผู้รับเหมาและผู้ควบคุมการก่อสร้างขาดใบอนุญาตก่อสร้างอาคารสูง เสนอ ผวจ.กาฬสินธุ์ตรวจสอบระเอียดตั้งแต่ชั้น 1 ระบุพบไม่ได้มาตรฐานต้องทุบทิ้งก่อสร้างใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการตรวจสอบอาคารเรียนรวม 9 ชั้น ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตกาฬสินธุ์ พังถล่มตรงชั้น 6 ขณะทำการเทปูนคอนกรีตหนักแค่ 26 ตัน สาเหตุจากคานเทปูนในรูปแบบโพสเทนชันไม่ได้มาตรฐาน ส่งผลให้คนงานก่อสร้างบาดเจ็บ 2 ราย และผู้ว่าราชการจังหวัดได้ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง

ล่าสุดวันนี้ ( 11 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมชั่วคราวบริเวณจุดก่อสร้างอาคาร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตกาฬสินธุ์ คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง กรณีอาคารเรียนรวม 9 ชั้นถล่มระหว่างก่อสร้าง นำโดยนายสุรพจน์ รัชชูศิริ รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ นายอดิเรก วัฒนาอุดมชัย โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดกาฬสินธุ์ ผู้แทนช่างโยธาธิการ อบจ.กาฬสินธุ์ ผู้แทนช่างโยธาธิการเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ และ นายจิระพันธ์ ห้วยแสน รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตกาฬสินธุ์ เป็นตัวแทนในการตรวจสอบปัญหาอาคารถล่ม เข้าติดตามปัญหาดังกล่าว

โดยมีกลุ่มวิศวกร ผู้ควบคุมการก่อสร้างของ บริษัท วี.สถาปัตย์ จำกัด เข้าทำการชี้แจงต่อคณะกรรมการฯ แต่ไม่เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนเข้านั่งฟัง แต่อนุญาตให้ถ่ายภาพก่อนการประชุมที่จะเริ่มขึ้น

จากนั้นคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงฯ ได้ประชุมหารือในทางลับ โดยที่ประชุมสรุปที่จะเสนอสาเหตุการพังถล่มลงมาว่า เกิดจากการใช้วัสดุอุปกรณ์เทคานที่ไม่ได้มาตรฐาน กับปัญหาผู้ควบคุมงานตัวแทนจากทางมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล จังหวัดนครราชสีมา รวมถึงวิศวกรควบคุมการก่อสร้างของ บริษัท วี.สถาปัตย์ จำกัด ไม่มีใบอนุญาตก่อสร้างอาคารสูง

นายสุรพจน์ รัชชูศิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ผลการสอบถามข้อเท็จจริงเบื้องต้น ผู้รับจ้างของบริษัท วี.สถาปัตย์ จำกัด ยอมรับว่าสาเหตุการถล่มของพื้นอาคารคอนกรีตบริเวณชั้นที่ 6 นั้นเกิดจากปัญหานั่งร้านมีปัญหา

คณะกรรมการฯ ได้ตรวจสอบก็พบตรงกันว่า การตั้งนั่งร้าน รวมถึงอุปกรณ์ตรงชั้น 6 ไม่ได้มาตรฐาน จึงทำให้เกิดการดีดตัวแล้วพังถล่มลงมา ซึ่งก็ทำให้คนงานก่อสร้างได้รับบาดเจ็บ 2 คน และโชคดีที่ไม่มีใครเสียชีวิต แต่ในกรณีนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดได้กำชับให้ทำการสอบสวนข้อเท็จจริงในทุกแง่มุมตามหลักวิชาการ เพราะการก่อสร้างอาคารเรียนรวม 9 ชั้น เมื่อสร้างแล้วเสร็จจะต้องมีคณาจารย์ นักศึกษา และประชาชนทั่วไปเข้ามาใช้อาคารนี้ การตรวจสอบจึงต้องสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนผู้ใช้อาคารเรียนว่าจะต้องไม่เกิดปัญหา

นายสุรพจน์ระบุอีกว่า ในด้านงบประมาณที่ตั้งไว้จำนวน 282,850,000 บาท โครงการก่อสร้างนี้เป็นการก่อสร้างแบบกรณีพิเศษ ตกลงจ้างและมีคู่สัญญาจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล จังหวัดนครราชสีมา และหลักการก่อสร้างที่ผ่านมา ตามระเบียบนั้นโครงการนี้สามารถทำการก่อสร้างด้วยวิธีการตั้งกรรมการควบคุมดูแลอาคารจากคนกลางของมหาวิทยาลัยฯ

ทั้งนี้ ก็จำเป็นต้องดำเนินการไปตามหลักวิชาการในด้านการก่อสร้างอาคารสูงทั้งสองฝ่าย ตามระเบียบ ทั้งกลุ่มผู้รับจ้างของบริษัท วี.สถาปัตย์ จำกัด และตัวแทนผู้ว่าจ้างควบคุมอาคารในฝั่งของมหาวิทยาลัยฯ จำต้องมีวิศวกร ผู้มีใบอนุญาตประกอบการ

คณะกรรมการฯ พบว่า ในประเด็นนี้ฝ่ายผู้รับจ้างของบริษัท วี.สถาปัตย์ จำกัด ไม่มีใบอนุญาตในระดับสามัญเพื่อควบคุมการก่อสร้างอาคารสูง รวมถึงฝ่ายมหาวิทยาลัยฯ ก็ไม่มีผู้แทนที่มีความรู้ทางวิศวกรควบคุมอาคารสูงมาดำเนินการก่อสร้าง ผลการพังทลายจึงเกิดจากปัญหาที่ไม่มีบุคลากรที่มีความรู้ในเรื่องนี้ตรวจสอบ

นายสุรพจน์กล่าวต่อว่า กรณีนี้จะนำเสนอต่อผู้ว่าราชการจังหวัดใน 2 ประเด็น คือ 1. สาเหตุการพังทลายเกิดจากอุปกรณ์เทคานไม่ได้มาตรฐาน และ 2. ไม่มีวิศวกรผู้มีความรู้ในการก่อสร้างอาคารสูง ซึ่งจะมีการเสนอให้มีการตรวจสอบตั้งแต่ชั้นที่ 1 ถึงชั้นที่ 6

เบื้องต้นผู้รับจ้างของบริษัท วี.สถาปัตย์ จำกัด ก็พร้อมที่จะรื้อชั้น 6 ที่พังลงมาทั้งหมด จากนั้นก็จะมีวิศวกรเข้าตรวจสอบ ซึ่งหากพบว่ามีปัญหาในชั้นที่ 5 ก็คงจะต้องดำเนินการรื้อทิ้งเพื่อสร้างใหม่เช่นกัน

ด้าน นายจิระพันธ์ ห้วยแสน รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตกาฬสินธุ์ ในฐานะคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงฯ กล่าวว่า ปัญหาการก่อสร้างมั่นใจว่าเกิดจากอุปกรณ์ที่ใช้เทคานอ่อนล้า จึงทำให้เกิดเป็นอุบัติเหตุ ทั้งนี้ยอมรับว่าภายในเกิดปัญหาขาดผู้ควบคุมงานที่มีความรู้

แต่ในส่วนของผู้รับเหมาก็มีความพยายามในการก่อสร้างอย่างเต็มที่ การพังทลายจึงเป็นอุบัติเหตุ ซึ่งก็จะให้ดำเนินการรื้อชั้น 6 และทำการตรวจสอบ ทั้งนี้ยืนยันว่าทุกอย่างจะดำเนินการด้วยความโปร่งใส

“คิดว่าเรื่องนี้หากเปรียบเทียบก็เหมือนกับการที่ผมได้ขับรถยนต์ ซึ่งผมก็มีความระวังอยู่แล้ว แต่วันหนึ่งรถที่ผมขับเกิดไปเฉี่ยวชน ได้รับความเสียหาย ก็เป็นอุบัติเหตุที่ก็ไม่ต่างอะไรจากอาคารถล่ม จึงขอให้พี่น้องสื่อมวลชนได้ช่วยติดตามเรื่องนี้ด้วย” นายจิระพันธ์ กล่าว