ร้อยเอ็ด - คืบหน้าคดีเช่ารถแล้วเชิดไปจำนำที่ร้อยเอ็ด ล่าสุด ผกก.สภ.ร้อยเอ็ดเผย พงส.ให้เจ้าของรถเช่ารับรถคืนไปแล้ว ส่วนอีก 5 คันยึดไว้ตรวจสอบความเป็นมา หลังพบ 2 คันเป็นรถสวมทะเบียน ขณะที่ “ผบก.ร้อยเอ็ด” สั่งตั้งกรรมการสอบเอาผิดนายตำรวจยศ “พ.ต.ท.” ที่พัวพันกับการรับจำนำรถผิดกฎหมาย ซึ่งมีหลักฐานชัดเจนและเจ้าตัวออกปากยอมรับว่าทำจริง
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีเจ้าของรถเช่าจากกรุงเทพฯ ถูกคนเช่ารถนำรถไปจำนำไว้ที่แห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.ร้อยเอ็ด หลังจากเช่ารถครบกำหนดแล้วไม่ยอมนำรถไปคืน จึงได้ใช้ GPS ตรวจสอบตามหารถ ปรากฏพบอยู่ในสถานที่รับจำนำรถผิดกฎหมาย จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจนำหมายศาลไปยึดรถคืน และพบรถผิดกฎหมายไม่มีหลักฐานอีก 5 คัน แต่ปรากฏว่าเมื่อเจ้าหน้าที่นำหมายศาลไปขอตรวจค้นคนรับจำนำกลับหลบหนีไปและได้ส่งนายตำรวจยศ พ.ต.ท.ขอเข้าเคลียร์ แต่เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมไม่ยอมจึงยึดรถทั้งหมดไปตรวจสอบหลักฐานตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันนี้ (17 ต.ค.) พ.ต.อ.กิตตรัตช์ น้อยโพนทอง ผกก.สภ.เมืองร้อยเอ็ด เปิดเผยว่า นางสาวณัฐมล สุขเมือง อายุ 36 ปี เจ้าของรถเช่าจากกรุงเทพมหานคร ซึ่งเข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.ไพรวัลย์ นาวัลย์ พงส.ชำนาญการพิเศษ และขอนำหมายศาลจังหวัดร้อยเอ็ด เข้าไปขอตรวจค้นและยึดรถยนต์เก๋งฮอนด้า แจ๊ซ สีขาว ทะเบียน ญร 9463 กทม. มาได้ ได้ใช้หลักฐานมารับรถคืนไปแล้ว
ส่วนที่เหลืออีก 5 คันยังคงยึดไว้เพื่อตรวจสอบความเป็นมาว่าเข้าไปอยู่ในสถานที่เดียวกันนั้นได้อย่างไร และคนที่นำมาเป็นเจ้าของรถหรือไม่ เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่าไม่ใช่รถที่โจรกรรมมา พร้อมกันนั้นก็จะประสานไปยัง สภ.ทุกแห่งว่ามีการแจ้งความรถหาย หรือถูกโจรกรรมมาหรือไม่
ทางด้าน พล.ต.ต.ณรงค์วิทย์ พ่วงเภตรา ผบก.ภ.จว.ร้อยเอ็ด เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและปรากฏเห็น พ.ต.ท.สุชาติ วรรณณา รอง ผกก.ฝ่ายอำนวยการ ภ.จว.ร้อยเอ็ด เข้าไปเกี่ยวข้องกับการยึดรถผิดกฎหมาย 6 คันดังกล่าวนั้น ตำรวจรายนี้เรามีข้อมูลจากสำนักงานตำรวจภูธรภาค 4 มาก่อนแล้วว่ามักจะเข้าไปพัวพันกับการรับจำนำรถมาโดยตลอด แม้จะไม่เคยสอบสวนเอาผิดแต่ก็เรียกมาเตือนว่าให้เลิกการกระทำดังกล่าวเพราะทำให้ตำรวจเสื่อมเสียชื่อเสียง แต่เรื่องก็เงียบไป
แต่หลังจากที่เห็นภาพไปปรากฏในข่าวและคลิปทำให้ทราบว่ายังคงสร้างความเสียหายให้แก่วงการตำรวจ แถมยังพบว่าเข้าไปต่อรองขอยุติการจับกุมยึดรถกับชุดจับกุม ยิ่งมีความชัดเจนว่ายังคงมีพฤติกรรมการรับจำนำรถ ซึ่งใครหรือตำรวจทำไม่ได้ เพราะต้องซื้อ-ขายและต้องมีหลักฐานถูกต้องตามกฎหมาย
ส่วนรถยนต์ที่ยึดมาได้ก็ให้ความเป็นธรรมต่อผู้เสียหายคือให้เจ้าของรถที่แจ้งความและมีหลักฐานชัดเจนในการเป็นเจ้าของได้รับรถคืนไปแล้ว ส่วนตำรวจรายที่เกี่ยวข้องและมีภาพความผิดปรากฏชัดเจนได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ชลิฎ วงษ์เจริญกิจ รอง ผบก.ภ.จว.ร้อยเอ็ด ฝ่ายปราบปราม เป็นหัวหน้าชุดสอบสวนความผิดทางวินัย กำชับให้เร่งดำเนินการให้มีข้อสรุปภายใน 7 วันเพื่อลงโทษทางวินัย
พร้อมกันนั้นก็ให้มีการขยายผลไปยังผู้เกี่ยวข้อง เพราะเชื่อแน่ว่านายตำรวจรายนี้จะต้องไม่ทำงานคนเดียว และมีเครือข่ายเชื่อมโยงไปหลายจังหวัด เพราะรถที่พบก็มาจากหลายจังหวัด ซึ่งต้องเร่งตรวจสอบหาความชัดเจนถึงที่มาของรถ เพราะในเบื้องต้นก็พบแล้วว่ามีรถถึง 2 คันที่ยึดมามีการสวมทะเบียนของคันอื่น และนอกจากนั้นยังมีเต็นท์รถแห่งหนึ่งในจังหวัดร้อยเอ็ดเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งก็จะเรียกตัวมาสอบสวนต่อไปว่ามีส่วนเกี่ยวข้องด้วยอย่างไร
ผบก.ภ.จว.ร้อยเอ็ดกล่าวอีกว่า หลังเกิดเหตุมีการเรียกตัวตำรวจรายนี้มาพบแล้วและก็ยอมรับว่าได้มีการเปิดรับจำนำรถจริง ซึ่งถือว่ามีความผิดชัดเจน ส่วนจะเอาผิดถึงขั้นไหนอย่างไรต่อไป ต้องรอผลการสอบสวนของคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีเจ้าของรถเช่าจากกรุงเทพฯ ถูกคนเช่ารถนำรถไปจำนำไว้ที่แห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.ร้อยเอ็ด หลังจากเช่ารถครบกำหนดแล้วไม่ยอมนำรถไปคืน จึงได้ใช้ GPS ตรวจสอบตามหารถ ปรากฏพบอยู่ในสถานที่รับจำนำรถผิดกฎหมาย จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจนำหมายศาลไปยึดรถคืน และพบรถผิดกฎหมายไม่มีหลักฐานอีก 5 คัน แต่ปรากฏว่าเมื่อเจ้าหน้าที่นำหมายศาลไปขอตรวจค้นคนรับจำนำกลับหลบหนีไปและได้ส่งนายตำรวจยศ พ.ต.ท.ขอเข้าเคลียร์ แต่เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมไม่ยอมจึงยึดรถทั้งหมดไปตรวจสอบหลักฐานตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันนี้ (17 ต.ค.) พ.ต.อ.กิตตรัตช์ น้อยโพนทอง ผกก.สภ.เมืองร้อยเอ็ด เปิดเผยว่า นางสาวณัฐมล สุขเมือง อายุ 36 ปี เจ้าของรถเช่าจากกรุงเทพมหานคร ซึ่งเข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.ไพรวัลย์ นาวัลย์ พงส.ชำนาญการพิเศษ และขอนำหมายศาลจังหวัดร้อยเอ็ด เข้าไปขอตรวจค้นและยึดรถยนต์เก๋งฮอนด้า แจ๊ซ สีขาว ทะเบียน ญร 9463 กทม. มาได้ ได้ใช้หลักฐานมารับรถคืนไปแล้ว
ส่วนที่เหลืออีก 5 คันยังคงยึดไว้เพื่อตรวจสอบความเป็นมาว่าเข้าไปอยู่ในสถานที่เดียวกันนั้นได้อย่างไร และคนที่นำมาเป็นเจ้าของรถหรือไม่ เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่าไม่ใช่รถที่โจรกรรมมา พร้อมกันนั้นก็จะประสานไปยัง สภ.ทุกแห่งว่ามีการแจ้งความรถหาย หรือถูกโจรกรรมมาหรือไม่
ทางด้าน พล.ต.ต.ณรงค์วิทย์ พ่วงเภตรา ผบก.ภ.จว.ร้อยเอ็ด เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและปรากฏเห็น พ.ต.ท.สุชาติ วรรณณา รอง ผกก.ฝ่ายอำนวยการ ภ.จว.ร้อยเอ็ด เข้าไปเกี่ยวข้องกับการยึดรถผิดกฎหมาย 6 คันดังกล่าวนั้น ตำรวจรายนี้เรามีข้อมูลจากสำนักงานตำรวจภูธรภาค 4 มาก่อนแล้วว่ามักจะเข้าไปพัวพันกับการรับจำนำรถมาโดยตลอด แม้จะไม่เคยสอบสวนเอาผิดแต่ก็เรียกมาเตือนว่าให้เลิกการกระทำดังกล่าวเพราะทำให้ตำรวจเสื่อมเสียชื่อเสียง แต่เรื่องก็เงียบไป
แต่หลังจากที่เห็นภาพไปปรากฏในข่าวและคลิปทำให้ทราบว่ายังคงสร้างความเสียหายให้แก่วงการตำรวจ แถมยังพบว่าเข้าไปต่อรองขอยุติการจับกุมยึดรถกับชุดจับกุม ยิ่งมีความชัดเจนว่ายังคงมีพฤติกรรมการรับจำนำรถ ซึ่งใครหรือตำรวจทำไม่ได้ เพราะต้องซื้อ-ขายและต้องมีหลักฐานถูกต้องตามกฎหมาย
ส่วนรถยนต์ที่ยึดมาได้ก็ให้ความเป็นธรรมต่อผู้เสียหายคือให้เจ้าของรถที่แจ้งความและมีหลักฐานชัดเจนในการเป็นเจ้าของได้รับรถคืนไปแล้ว ส่วนตำรวจรายที่เกี่ยวข้องและมีภาพความผิดปรากฏชัดเจนได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ชลิฎ วงษ์เจริญกิจ รอง ผบก.ภ.จว.ร้อยเอ็ด ฝ่ายปราบปราม เป็นหัวหน้าชุดสอบสวนความผิดทางวินัย กำชับให้เร่งดำเนินการให้มีข้อสรุปภายใน 7 วันเพื่อลงโทษทางวินัย
พร้อมกันนั้นก็ให้มีการขยายผลไปยังผู้เกี่ยวข้อง เพราะเชื่อแน่ว่านายตำรวจรายนี้จะต้องไม่ทำงานคนเดียว และมีเครือข่ายเชื่อมโยงไปหลายจังหวัด เพราะรถที่พบก็มาจากหลายจังหวัด ซึ่งต้องเร่งตรวจสอบหาความชัดเจนถึงที่มาของรถ เพราะในเบื้องต้นก็พบแล้วว่ามีรถถึง 2 คันที่ยึดมามีการสวมทะเบียนของคันอื่น และนอกจากนั้นยังมีเต็นท์รถแห่งหนึ่งในจังหวัดร้อยเอ็ดเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งก็จะเรียกตัวมาสอบสวนต่อไปว่ามีส่วนเกี่ยวข้องด้วยอย่างไร
ผบก.ภ.จว.ร้อยเอ็ดกล่าวอีกว่า หลังเกิดเหตุมีการเรียกตัวตำรวจรายนี้มาพบแล้วและก็ยอมรับว่าได้มีการเปิดรับจำนำรถจริง ซึ่งถือว่ามีความผิดชัดเจน ส่วนจะเอาผิดถึงขั้นไหนอย่างไรต่อไป ต้องรอผลการสอบสวนของคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นก่อน