บุรีรัมย์ - สองอดีตผู้ใหญ่บ้าน อ.ประโคนชัย พร้อมพยานและเจ้าบ้าน บุกร้องอำเภอ จี้เชือดผู้ใหญ่บ้านนำคนเขมรมาสวมทะเบียนลูกบ้านที่เสียชีวิต หลังร้องมานานร่วมปีแต่เรื่องยังเงียบ ซ้ำผู้ใหญ่บ้านขู่จะฟ้องผู้ร้องเรียน
เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (27 พ.ค.) นายสมบัติ แก้วประโคน พร้อมนายรัตน์ อินทร์ประโคน สองอดีตผู้ใหญ่บ้านบ้านโจด หมู่ 5 ต.ประทัดบุ อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ พร้อมพยาน และเจ้าบ้าน เข้าร้องเรียนต่อทางอำเภอประโคนชัย ให้เร่งสอบเอาผิดนายสมศักดิ์ จีนประโคน ผู้ใหญ่บ้านบ้านโจด ที่ใช้ตำแหน่งหน้าที่ในทางมิชอบ โดยการรับรองคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชาเข้าไปสวมในทะเบียนบ้านแทนชื่อของนายสำราญ เรครอง ซึ่งเป็นลูกชายของนายสำรวย เรครอง และนางแนด เรครอง ที่เสียชีวิตไปแล้ว แต่ยังไม่จำหน่ายชื่อออกจากทะเบียนราษฎรเพื่อให้คนต่างด้าวดังกล่าวได้สัญชาติไทย
ทั้งนี้ เชื่อว่าการกระทำครั้งนี้น่าจะแลกกับผลประโยชน์บางอย่าง ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ผิดทั้งวินัยและกฎหมาย โดยที่ผ่านมาทั้งอดีตผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังทางอำเภอประโคนชัยและทำเรื่องร้องถึงนายกรัฐมนตรี แต่จนถึงขณะนี้เวลาผ่านไปนานร่วมปีแล้วเรื่องก็ยังเงียบหาย อีกทั้งผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าวกลับขู่จะฟ้องร้องผู้ที่ทำการร้องเรียน
จึงได้พากันมาติดตามความคืบหน้า พร้อมเร่งรัดให้ทางอำเภอเร่งทำการสอบข้อเท็จจริง เพื่อเอาผิดทางวินัยต่อนายสมศักดิ์ และหากเป็นไปได้ให้ทางอำเภอสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่ของนายสมศักดิ์ไว้ก่อนจนกว่าผลการสอบสวนจะแล้วเสร็จ
ต่อมา นายสมโภชน์ ชั่งทอง ปลัดอำเภอประโคนชัย มารับเรื่องร้องแทนนายอำเภอประโคนชัย พร้อมชี้แจงว่า หลังจากได้รับเรื่องร้องเรียนทางอำเภอได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง เบื้องต้นสอบพบมีการสวมทะเบียนจริง จึงส่งเรื่องให้อัยการจังหวัดพิจารณาสั่งฟ้องตามขั้นตอน ซึ่งขณะนี้เรื่องก็อยู่ในชั้นศาล โดยล่าสุดศาลได้ตัดสินจำคุกบุคคลต่างด้าวที่เข้ามาสวมทะเบียนแล้ว
ส่วนผู้ใหญ่บ้านที่ถูกร้องเรียนว่าให้การสนับสนุน หรือรับรองการสวมทะเบียนยังให้การปฏิเสธ ทางอัยการจึงได้แยกฟ้อง และล่าสุดศาลได้นัดสืบพยานคดีผู้ใหญ่บ้านอีกครั้งในวันที่ 11 มิถุนายนนี้
สำหรับกรณีที่ทางอดีตผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านต้องการให้สั่งพักการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ใหญ่บ้านไว้ก่อนนั้น จะนำเสนอทางอำเภอ และคณะกรรมการที่แต่งตั้งขึ้นมาสอบสวนว่าจะมีมติอย่างไร ซึ่งหลังได้รับฟังคำชี้แจงทางอำเภอแล้วต่างพอใจจึงได้พากันเดินทางกลับ