อุบลราชธานี - กลุ่มชายฉกรรจ์ที่เป็นลูกน้องอดีตนายทหารดังในกรุงเทพฯ ยกพวกครึ่งร้อยจับตัวยามโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในจังหวัดอุบลราชธานี ก่อนเข้าตัดสายไฟหยุดการผลิตพลังงานไฟฟ้า แต่เกิดหลงทางเจอทางหลวงจับตัวไว้ได้ 17 คน ให้การปฏิเสธอ้างไม่ได้ลงมือแค่มายืนคุมเชิง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 10 ต.ค. พ.ต.ท.อุทัย ปุชิน พนักงานสอบสวน สภ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี ได้รับแจ้งมีกลุ่มชายฉกรรจ์แต่งกายคล้ายทหาร และตำรวจในชุดสีดำใช้รถตู้ 3 คัน เป็นพาหนะเข้าจับตัวยามรักษาการณ์บริษัทพีทีไดร์ว ประเทศไทย จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จากแผงโซลาร์เซลล์ ตั้งอยู่เลขที่ 232 หมู่ 5 บ้านคันลึม ถ.พิบูลมังสาหาร-โขงเจียม ต.ทรายมูล อ.พิบูลมังสาหาร และได้ตัดสายเชื่อมต่อกระแสไฟฟ้าของบริษัทได้รับความเสียหาย
หลังเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมกับ พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ แสงจันทร์ ผกก. ทราบชื่อยามที่ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์อุ้มตัวไปคือ นายประสงค์ อ้วนศรี อายุ 53 ปี และนายวีระชัย สุภาสาย อายุ 52 ปี ทั้งคู่เป็นเป็นคนในหมู่บ้านคันลึม
โดยทั้งคู่ถูกชายฉกรรจ์ชุดแรกสวมชุดซาฟารีสีดำ ประมาณ 7 คน เข้าควบคุมตัวขณะกำลังเปลี่ยนเวรยามผลัดดึก คุมตัวขึ้นรถมุ่งหน้าไปจังหวัดศรีสะเกษ
เมื่อรถแล่นผ่านตัวจังหวัดศรีสะเกษไปประมาณ 7-8 กิโลเมตร คนร้ายได้ปล่อยตัวยามทั้งสอง จึงได้โบกรถเข้ามาว่าจ้างรถในตัวจังหวัดเดินทางกลับ และโทรศัพท์แจ้งนายอมรเทพ รัตนภรณ์ ผู้จัดการบริษัทดังกล่าวแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ทราบเรื่อง
จากการตรวจสอบภายในตัวอาคารสำนักงานที่ใช้ตั้งเครื่องเก็บกระแสไฟฟ้าที่ได้จากพลังงานแสงอาทิตย์ กลุ่มคนร้ายชุดที่ 2 ที่มากับรถตู้อีก 2 คัน ประมาณ 30 คน ได้ใช้คีมตัดสายไฟฟ้าภายในจนเสียหาย และใช้ของแข็งทุบทำลายแผงโซ่ลาร์เซลล์ ที่ตั้งอยู่ด้านนอก รวมทั้งได้ขโมยเอาเครื่องบันทึกภาพกล้องทีวีวงจรปิด จอใช้ดูภาพมูลค่าประมาณ 80,000 บาท ขึ้นรถหลบหนีไป
ต่อมา พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงประจำตูยามบ้านดอนจิก ถ.พิบูลมังสาหาร-สิรินธร อ.พิบูลมังสาหาร ได้ควบคุมตัวชายฉกรรจ์แต่งชุดดำ จำนวน 17 คน ซึ่งโดยสารมากับรถตู้ทะเบียน ฮง 76 กรุงเทพมหานคร มีนายพิทักษ์ อุทธิยา อายุ 48 ปี บ้านเดิมอยู่อำเภอขุนตาล จ.เชียงราย เป็นคนขับ ส่วนผู้โดยสารที่เหลืออายุระหว่าง 25-50 ปี มีภูลำเนาอยู่ในกรุงเทพฯ
จากสอบสวนปากคำคนทั้งหมดให้การว่า ร่วมเดินทางมากับพวกที่หลบหนีไปได้มาที่โรงงานผลิตกระสแไฟฟ้าบริษัทพีทีไดร์ว ประเทศไทย จำกัด จริง แต่ไม่ได้เข้าไปทำลายทรัพย์สิน หรือขโมยข้าวของตามที่ถูกแจ้ง เพียงยืนคุมเชิงอยู่ภายนอก และไม่รู้จักกับชายฉกรรจ์ที่มากับรถตู้อีก 2 คัน
เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาทั้ง 17 คน ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อหลบหนี ร่วมกันบุกรุกเข้าไปในอาคารที่เก็บรักษาทรัพย์สิน ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ และข่มขืนจิตใจผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพโดยร่วมกันเกินกว่า 5 คน พร้อมคุมตัวเข้าห้องควบคุมรอการดำเนินคดี
สำหรับบริษัทพีทีไดร์ว ประเทศไทย จำกัด ก่อนหน้านี้ ถูกบริษัทเซ็นเตอร์พอยท์อินดัสทรี กรุงเทพฯ ยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดพระโขนง กรณีไม่ชำระหนี้ และศาลได้มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่บังคับคดีทำการยึดทรัพย์ลงวันที่ 28 ส.ค.2556 โดยห้ามเคลื่อนย้าย หรือถ่ายโอนทรัพย์สินให้ผู้อื่น
ส่วนกลุ่มชายฉกรรจ์ที่ถูกจับพบมีอาชีพเป็นการ์ดของบริษัท รปภ.ของอดีตนายทหารคนดังในกรุงเทพฯ ซึ่งปัจจุบันผันตัวไปเป็นนักการเมืองท้องถิ่นในจังหวัดบ้านเกิดที่ภาคเหนือ ซึ่งพนักงานสอบสวนจะได้เรียกผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ปากคำ เพื่อหาความเชื่อมโยงในการบุกเข้าทำลายทรัพย์สินครั้งนี้ต่อไป