xs
xsm
sm
md
lg

กองปราบฯ ลงพื้นที่เชียงใหม่รับร้องทุกข์คดีหลอกซื้อเมล็ดอินทผลัม สูญหลายสิบล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - กองปราบตั้งศูนย์ปฏิบัติการส่วนแยกที่เชียงใหม่ ให้ผู้เสียหายถูกบริษัทหลอกให้ซื้อเมล็ดพันธุ์อินทผลัมไปเพาะ สัญญาว่าจะรับซื้อต้นกล้าคืน สุดท้ายถูกเบี้ยวเสียหายหลายสิบล้าน พบมีเจ้าทุกข์ทั้งเชียงใหม่ เชียงราย พะเยา และลำพูน

จากกรณีเกษตรกรในจังหวัดเชียงใหม่ เดินทางเข้าร้องทุกข์ที่กองบังคับการปราบปราม เมื่อวันที่ 25 กันยายนที่ผ่านมา ว่า ถูกบริษัท พอเพียงพัฒนา วิสาหกิจชุมชน จำกัด ซึ่งมีนายทักษิน ศรีรินทร์ เป็นเจ้าของบริษัท ตั้งอยู่เลขที่ 214/2 หมู่ 6 ถนนเชียงใหม่-ดอยสะเก็ด ต.สันทรายน้อย อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ หลอกให้ซื้อเมล็ดอินทผลัม ราคาเมล็ดละ 30 บาท ไปเพาะกล้า โดยทำสัญญาว่าจะรับซื้อต้นกล้าคืนเมื่ออายุ 3 เดือน ราคาต้นละ 60 บาท แต่กลับไม่รับซื้อคืนทำให้เกษตรกรได้รับความเสียหายมูลค่าหลายสิบล้านบาท

วันนี้ (8 ต.ค.) กองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปราม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการส่วนแยก ที่สถานีวิทยุเสียงสามยอด จ.เชียงใหม่ เพื่อให้เกษตรกรผู้เสียหายจาก จ.เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา และลำพูน เข้าร้องทุกข์ ให้ปากคำ และให้ข้อมูล ซึ่งมีผู้เสียหายเข้าให้ปากคำจำนวนมาก

โดย พ.ต.อ.ธนาวุฒิ ท้วมสมบูรณ์ ผู้กำกับการกองบังคับการ 4 ตำรวจกองปราบปราม กล่าวว่า เดินทางมาครั้งนี้เพื่อสอบปากคำประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน และเพื่อลดภาระในการเดินทางของประชาชน เบื้องต้นมีผู้เสียหายจากคดีนี้ใน 4 จังหวัด ทั้งนี้ จ.เชียงใหม่ มีผู้ได้รับความเสียหายมากที่สุด ขณะนี้กว่า 30 ราย รายที่ได้รับความสุดเสียหายมากที่สุด 6 ล้านบาท รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 50 ล้านบาท และยังมีผู้เสียหายเพิ่มเติมอีก

เนื่องจากโครงการนี้เป็นโครงการระยะยาว และเปิดดำเนินการมาต่อเนื่อง กว่าผู้เสียหายจะได้รับผลกระทบอย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาในการเพาะกล้ากว่า 6 เดือน ซึ่งตำรวจกองปราบได้ออกหมายเรียกกรรมการผู้จัดการมาแล้ว 1 ครั้ง แต่มีเพียงตัวแทนมาให้ปากคำ โดยจะออกหมายเรียกอีกครั้ง หากยังไม่มาพบจะออกหมายจับ ซึ่งเบื้องต้นตำรวจต้องการให้อีกฝ่ายได้มาชี้แจงเพื่อความเป็นธรรม

ด้านนายวิโรจน์ สลุลพันธ์ เกษตรกร อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า ลงทุนซื้อเมล็ดพันธุ์ 10,000 เมล็ด รวม 3 แสนบาท ขณะนี้ต้นกล้ากว่า 6,000 ต้น ยังไม่มีการมารับซื้อ เมื่อสอบถามก็ได้รับการบ่ายเบี่ยงมาตลอด และยังติดสัญญาเรื่องที่ทำไว้กับทางบริษัท จึงไม่สามารถนำต้นกล้าไปจำหน่าย หรือดำเนินการใดๆ ได้ เงินที่ลงทุนก็ไม่ได้รับคืน อีกทั้งต้องเสียค่าใช้จ่ายดูแลต้นกล้า

ขณะนี้มั่นใจว่าโดนหลอก จึงได้เข้าแจ้งความต่อทางกองปราบ เพราะต้องการให้บริษัทรับผิดชอบ เนื่องจากที่ผ่านมาตัดสินใจไปกู้เงินมาลงทุน เพราะเห็นเป็นเศรษฐกิจพอเพียง มีการอ้างตลอดว่าเกี่ยวข้องกับโครงการพระราชดำริ จึงตัดสินใจเข้าร่วม

ส่วนนายบุญมี อุทธโยธา ชาว อ.แม่ใจ จ.พะเยา กล่าวว่า ลงทุนไปกว่า 300,000 บาท ตอนนี้มีภาระหนี้สินที่ต้องใช้ดอกเบี้ย ส่วนต้นกล้าอายุ 9 เดือนแล้ว ไปสอบถามก็ได้รับการบ่ายเบี่ยงเช่นเดียวกัน และยังถูกหลอกให้นำต้นกล้าที่เพาะแล้วกว่า 2,000 ต้นไปด้วย โดยไม่ได้รับเงินค่าต้นกล้าแต่อย่างใด

สำหรับบริษัทดังกล่าวนั้นผู้เสียหายต่างยืนยันว่า ยังคงเปิดดำเนินการลักษณะดังกล่าวอยู่อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งยังคงมีผู้ที่ไม่ทราบข่าวเข้าไปซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูก ขณะที่ผู้เสียหายเดินทางเข้าไปทวงถามเรื่องการรับซื้อต้นกล้าคืน กลับได้รับคำตอบว่า เป็นคนละบริษัท และคนส่วนกันให้ไปตามเรื่องเดิมเอง ซึ่งผู้เสียหายเชื่อว่ามีกระบวนการที่ไม่ชอบมาพากลอยู่


กำลังโหลดความคิดเห็น