สองเด็กชายแปดริ้วถูกน้ำพัดหาย ชาวบ้านช่วยรอดกลับมาได้เพียงหนึ่งราย

ฉะเชิงเทรา-สองเด็กชายแปดริ้วถูกน้ำพัดหายไปกับกระแสที่เชี่ยวกราก ขณะชาวบ้านช่วยกันค้นหาพบแล้วหนึ่ง ส่วนอีกรายยังไร้เงา เหตุเกิดขณะพากันมาลงเล่นสนุกกับมวลน้ำที่ไหลบ่าข้ามจังหวัดจากปราจีนฯ ด้านหน่วยกู้ภัยฯ ยุติการค้นหาแล้ว เชื่ออาจลอยไปไกลตามมวลน้ำออกนอกจุดเกิดเหตุ ก่อนเตรียมวางแผนการค้นหาใหม่อีกรอบในวันรุ่งขึ้น

วันนี้ (7 ต.ค.) ร.ต.ท.ปัณณธร ชัยธนะสมบัติ ร้อยเวรสอบสวน สภ.ราชสาส์น จ.ฉะเชิงเทรา ได้รับแจ้งเกิดเหตุมีเด็กชายวัยรุ่น 2 คน ถูกกระแสน้ำพัดหายไปขณะพากันออกมาลงเล่นน้ำที่กำลังไหลบ่าข้ามถนนบนเส้นทางสายพนมสารคาม-บ้านสร้าง พื้นที่รอยต่อระหว่าง หมู่ 12 และ 13 ต.ดงน้อย อ.ราชสาส์น จึงประสานหน่วยกู้ภัยจากมูลนิธิกู้ภัยพนมฯ ก่อนเดินทางไปสอบสวนยังที่เกิดเหตุ

ที่เกิดเหตุเป็นจุดที่กำลังมีน้ำไหลบ่าข้ามถนนท่วมพื้นผิวการจราจรอย่างเชี่ยวกราก ระดับความสูงของน้ำจากผิวถนนประมาณ 30-50 ซม. โดยแรงปะทะของมวลน้ำนั้นมีกระแสค่อนข้างแรง ซึ่งขณะที่ผู้สื่อข่าวเข้าไปยืนอยู่ในช่องของการไหลตรงจุดที่กำลังมีมวลน้ำเชี่ยวกรากนั้น มีแรงดันน้ำมากจนสามารถทำให้คนที่ยืนอยู่เซถลาไปตามแรงดันของมวลน้ำได้

ซึ่งลักษณะของที่เกิดเหตุนั้น ด้านใต้พื้นผิวของถนนนั้นเป็นช่องทางน้ำไหลที่มีการวางท่อน้ำผ่านลอดใต้พื้นผิวถนน ขนาดกว้าง 1 เมตร จำนวน 2 ท่อ และมีคลองชวดเดือยรับน้ำจากปลายท่อ ส่งให้น้ำไหลผ่านหมู่บ้านไปได้ แต่ขณะเกิดเหตุนั้นมองไม่เห็นสภาพว่าเป็นคลองเนื่องจากผิวน้ำด้านบนสูงขึ้นมาเสมอกันหมด จนมองเห็นว่าท้องน้ำอยู่ในระดับเดียวกัน

จากการสอบถามผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทราบว่า ทั้ง 2 คนได้พากันมาลงเล่นน้ำร่วมกันกับเพื่อนๆ ซึ่งเป็นกลุ่มเครือญาติกัน จำนวน 5-6 คน โดยมี น.ส.สุภาพร พาเหาะ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9 ม.2 ต.เกาะขนุน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ผู้เป็นน้าเป็นผู้มา และได้ลงเล่นน้ำด้วยกัน

ซึ่งเด็กชายทั้งคู่ได้ออกไปเล่นน้ำห่างจากแนวถนนประมาณ 6 เมตร จากนั้นได้ถูกแรงของน้ำดูดเข้าไปยังบริเวณภายในท่อน้ำใต้ถนน ก่อนที่ ด.ช.ธีรพงศ์ ไทยนาพา อายุ 12 ปี อยู่บ้านเลขที่ 564/3 ม.2 ต.เกาะขนุน อ.พนมสารคาม จะหายไป และ ด.ช.อัคศักดิ์ แสงมาศ อายุ 12 ปี อยู่บ้านไม่ทราบเลขที่ภายในชุมชนสวนมะม่วง ต.พนมสารคาม ได้ลอยไปติดอยู่ที่ต้นสะแกข้างปากท่อจึงได้เกาะยึดไว้ได้ ก่อนที่ชาวบ้านจะเข้ามาช่วยเหลือไว้ได้ทันจนรอดตายได้อย่างหวุดหวิด

หลังเกิดเหตุ ทางอาสาสมัครมูลนิธิหน่วยกู้ภัยพนมฯ ได้พยายามใช้เรือท้องแบนออกตระเวนค้นหาตามท้ายน้ำที่ไหลผ่านไปตามจุดต่างๆ และใช้เครื่องชุดประดาน้ำดำลงไปดูยังบริเวณใต้น้ำตรงจุดเกิดเหตุแล้วแต่ไม่พบ จนกระทั่งพลบค่ำจึงได้ยกเลิกทำการค้นหา และได้เตรียมที่จะวางแผนการค้นหาใหม่อีกครั้งในวันพรุ่งนี้ต่อไป

ด้านนายสมพงษ์ ไทยนาพา อายุ 43 ปี ผู้เป็นบิดาของเด็กชายเคราะห์ร้ายผู้สูญหาย กล่าวว่า ได้พาครอบครัวพร้อมญาติๆ หลายคนมาลงเล่นน้ำกันตรงบริเวณที่เกิดเหตุนี้ ตั้งแต่ในวันแรกๆ ที่มีมวลน้ำไหลบ่าผ่านพื้นที่ลงมาจาก จ.ปราจีนบุรี โดยได้เล่นโยนรับส่งกันโดยที่ไม่รู้ว่ามีร่องน้ำที่เป็นคลองอยู่ตรงนี้ จนมาเกิดเหตุร้ายขึ้นกับครอบครัวในวันนี้ หลังจากบรรดาญาติๆ คนในครอบครัวได้พากันกลับมาลงเล่นน้ำตรงจุดเดิมอีกครั้ง