ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ซีพีเอฟยืนยันฟาร์ม และเนื้อไก่ของบริษัทปลอดภัย และข่าวลือไข้หวัดนกในฟาร์มไม่เป็นความจริง
นายธีรศักดิ์ อุรุนานนท์ รองประธานคณะผู้บริหาร บริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ กล่าวว่า เนื้อไก่ของบริษัททั้งที่จำหน่ายในประเทศไทย และส่งออกปลอดภัยสามารถบริโภคได้ เพราะเลี้ยงมาจากฟาร์มมาตรฐานด้วยระบบ “คอมพาร์ตเมนต์” ซึ่งเป็นระบบที่ได้รับการรับรองจากองค์การระบาดสัตว์ระหว่างประเทศ (OIE) และโรงงานแปรรูปอาหารที่ได้มาตรฐานระดับโลก
นอกจากนี้ ประเทศไทยจะมีโอกาสส่งออกเนื้อไก่สดไปยังสหภาพยุโรป (อียู) ได้มากขึ้น หลังจากกลุ่มประเทศดังกล่าวประกาศยกเลิกการห้ามนำเข้าไก่ส่ดตั้งแต่ต้นที่ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ข่าวลือเรื่องไข้หวัดนกระบาดในประเทศไทย จะเป็นการทำลายอุตสาหกรรมส่งออกเนื้อไก่ของประเทศไทยโดยรวม หากอียูไม่มันใจในคุณภาพเรื่องความปลอดภัยทางอาหารอีกครั้ง รวมทั้งญี่ปุ่น กำลังตรวจสอบอย่างใกล้ชิดในขั้นสุดท้ายก่อนจะพิจารณาอนุญาตให้นำเข้าไก่สดจากไทย
“บริษัทติดตามการส่งผ่านข้อมูลผ่านสื่อสังคมออนไลน์อย่างใกล้ชิด เพราะที่ผ่านมา มีการส่งผ่านข้อมูลไข้หวัดนกระบาดผ่านสื่อดังกล่าว ทำให้เกิดความเสียหายโดยเฉพาะการส่งออกภาพรวมของประเทศ บริษัทฯ ขอยืนยันว่า ข่าวลือ หรือข้อมูลเกี่ยวกับไข้หวัดนกในประเทศไทยไม่ว่ากรณีใดๆ ไม่เป็นความจริง” นายธีรศักดิ์กล่าว
นายธีรศักดิ์ กล่าวว่า ธุรกิจไก่ปีนี้ดีกว่าปีที่แล้ว เนื่องจากปีที่แล้วการผลิตไก่แปรรูปไม่เพียงพอต่อความต้องการ ขณะที่ปีนี้ไทยจะสามารถส่งออกเนื้อไก่สดไปยังตลาดอียูได้อีกด้วย คาดว่าสถานการณ์ในช่วงไตรมาสสุดท้ายน่าจะดีขึ้น ทั้งราคา และการส่งออก สำหรับธุรกิจไก่ของซีพีเอฟปีนี้คาดว่าจะโต 15-20% ส่วนการส่งออกจะโต 10-15% บริษัทฯ จะมีรายได้จากธุรกิจไก่สดและไก่แปรรูปมูลค่ารวมประมาณ 14,000 ล้านบาท โดยคาดว่ายอดส่งออกของบริษัทฯ จะเพิ่มจาก 80,000 ตัน ในปีที่ผ่านมา เป็น 100,000 ตันในปีนี้ แยกเป็นไก่แปรรูป 80,000 ตัน และไก่สด 20,000 ตัน
ช่วงที่ผ่านมา เกษตรกรบางรายลดการผลิตลง ส่งผลให้ปริมาณไก่ที่ออกสู่ตลาดลดลงเหลือประมาณ 24-25 ล้านตัว/สัปดาห์ จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีผลผลิตออกสู่ตลาดประมาณ 26-27 ล้านตัว/สัปดาห์ สอดคล้องกับความต้องการของตลาด และส่งผลดีต่อการส่งออกที่คาดว่าไทยจะส่งออกได้ 530,000 ตัน
นายธีรศักดิ์ อุรุนานนท์ รองประธานคณะผู้บริหาร บริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ กล่าวว่า เนื้อไก่ของบริษัททั้งที่จำหน่ายในประเทศไทย และส่งออกปลอดภัยสามารถบริโภคได้ เพราะเลี้ยงมาจากฟาร์มมาตรฐานด้วยระบบ “คอมพาร์ตเมนต์” ซึ่งเป็นระบบที่ได้รับการรับรองจากองค์การระบาดสัตว์ระหว่างประเทศ (OIE) และโรงงานแปรรูปอาหารที่ได้มาตรฐานระดับโลก
นอกจากนี้ ประเทศไทยจะมีโอกาสส่งออกเนื้อไก่สดไปยังสหภาพยุโรป (อียู) ได้มากขึ้น หลังจากกลุ่มประเทศดังกล่าวประกาศยกเลิกการห้ามนำเข้าไก่ส่ดตั้งแต่ต้นที่ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ข่าวลือเรื่องไข้หวัดนกระบาดในประเทศไทย จะเป็นการทำลายอุตสาหกรรมส่งออกเนื้อไก่ของประเทศไทยโดยรวม หากอียูไม่มันใจในคุณภาพเรื่องความปลอดภัยทางอาหารอีกครั้ง รวมทั้งญี่ปุ่น กำลังตรวจสอบอย่างใกล้ชิดในขั้นสุดท้ายก่อนจะพิจารณาอนุญาตให้นำเข้าไก่สดจากไทย
“บริษัทติดตามการส่งผ่านข้อมูลผ่านสื่อสังคมออนไลน์อย่างใกล้ชิด เพราะที่ผ่านมา มีการส่งผ่านข้อมูลไข้หวัดนกระบาดผ่านสื่อดังกล่าว ทำให้เกิดความเสียหายโดยเฉพาะการส่งออกภาพรวมของประเทศ บริษัทฯ ขอยืนยันว่า ข่าวลือ หรือข้อมูลเกี่ยวกับไข้หวัดนกในประเทศไทยไม่ว่ากรณีใดๆ ไม่เป็นความจริง” นายธีรศักดิ์กล่าว
นายธีรศักดิ์ กล่าวว่า ธุรกิจไก่ปีนี้ดีกว่าปีที่แล้ว เนื่องจากปีที่แล้วการผลิตไก่แปรรูปไม่เพียงพอต่อความต้องการ ขณะที่ปีนี้ไทยจะสามารถส่งออกเนื้อไก่สดไปยังตลาดอียูได้อีกด้วย คาดว่าสถานการณ์ในช่วงไตรมาสสุดท้ายน่าจะดีขึ้น ทั้งราคา และการส่งออก สำหรับธุรกิจไก่ของซีพีเอฟปีนี้คาดว่าจะโต 15-20% ส่วนการส่งออกจะโต 10-15% บริษัทฯ จะมีรายได้จากธุรกิจไก่สดและไก่แปรรูปมูลค่ารวมประมาณ 14,000 ล้านบาท โดยคาดว่ายอดส่งออกของบริษัทฯ จะเพิ่มจาก 80,000 ตัน ในปีที่ผ่านมา เป็น 100,000 ตันในปีนี้ แยกเป็นไก่แปรรูป 80,000 ตัน และไก่สด 20,000 ตัน
ช่วงที่ผ่านมา เกษตรกรบางรายลดการผลิตลง ส่งผลให้ปริมาณไก่ที่ออกสู่ตลาดลดลงเหลือประมาณ 24-25 ล้านตัว/สัปดาห์ จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีผลผลิตออกสู่ตลาดประมาณ 26-27 ล้านตัว/สัปดาห์ สอดคล้องกับความต้องการของตลาด และส่งผลดีต่อการส่งออกที่คาดว่าไทยจะส่งออกได้ 530,000 ตัน