นายศรศักดิ์ แสนสมบัติ อธิบดีกรมเจ้าท่า กล่าวว่า ขณะนี้การขจัดคราบน้ำมันบริเวณอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด เข้าสู่ใกล้เคียงสภาพเดิม โดยขั้นตอนหลังจากนี้จะเริ่มเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟู และรวบรวมผลกระทบความเสียหายที่จะมาจาก 2 ส่วนคือ 1.ภาคประชาชน ประกอบด้วย ชาวบ้าน ผู้ประกอบการธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ และ 2.ภาครัฐ ประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ลงพื้นที่ปฏิบัติงาน เช่น กองทัพเรือ กรมเจ้าท่า กรมควบคุมมลพิษ กรมอุทยานและพันธุ์พืช เบื้องต้นทาง ปตท.ยินยอมชดใช้ค่าเสียหายทุกประการ หากไม่มีการชดใช้กรมเจ้าท่าถึงจะฟ้องร้องค่าเสียหายทางแพ่ง แต่ถ้ามีการสรุปและพบว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดจากความประมาท ทางกรมเจ้าท่าจะฟ้องร้องคดีทางอาญา
โดยในวันพรุ่งนี้ (6 ส.ค.) กรมเจ้าท่าจะเชิญนักธุรกิจ สื่อมวลชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ไปลงพื้นที่บริเวณอ่าวพร้าว เพื่อตรวจสอบการทำความสะอาด ขณะเดียวกันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเก็บตัวอย่างทราย น้ำ ในบริเวณพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐาน โดยกำลังรอผลสรุปจากกรมควบคุมมลพิษว่า สารปนเปื้อนน้ำทะเลมีความปลอดภัยให้เปิดอ่าวพร้าวได้หรือไม่ ภายในวันที่ 13 สิงหาคมนี้ ในส่วนของกรมอนามัยจะตรวจสอบความปลอดภัยทางอาหารด้วย
สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้น ยังไม่สามารถประเมินได้ เพราะว่าอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล และ ปตท.จะเริ่มส่งแผนการฟื้นฟูให้กรมเจ้าท่าพิจารณา และสรุปภายในเดือนสิงหาคมนี้
โดยในวันพรุ่งนี้ (6 ส.ค.) กรมเจ้าท่าจะเชิญนักธุรกิจ สื่อมวลชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ไปลงพื้นที่บริเวณอ่าวพร้าว เพื่อตรวจสอบการทำความสะอาด ขณะเดียวกันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเก็บตัวอย่างทราย น้ำ ในบริเวณพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐาน โดยกำลังรอผลสรุปจากกรมควบคุมมลพิษว่า สารปนเปื้อนน้ำทะเลมีความปลอดภัยให้เปิดอ่าวพร้าวได้หรือไม่ ภายในวันที่ 13 สิงหาคมนี้ ในส่วนของกรมอนามัยจะตรวจสอบความปลอดภัยทางอาหารด้วย
สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้น ยังไม่สามารถประเมินได้ เพราะว่าอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล และ ปตท.จะเริ่มส่งแผนการฟื้นฟูให้กรมเจ้าท่าพิจารณา และสรุปภายในเดือนสิงหาคมนี้
