ศูนย์ข่าวศรีราชา - ปัญหาขยะเมืองพัทยาเกินเยียวยาหลังพบมีขยะตกค้างเพียบ ชาวบ้านต้องทนสภาพปัญหากลิ่นเหม็น มลพิษ และน้ำเน่าเสีย ด้านเจ้าหน้าที่ชี้ต้องใช้เวลาสร้างกว่า 2 ปีจึงแล้วเสร็จ ด้าน สม.พัทยา จี้ตรวจสอบสัญญาสัมปทานการจัดเก็บ ทำให้ขยะตกค้างจำนวนมาก
วันนี้ (1 ต.ค.) นายอนุพงษ์ พุทธนวรัตน์ สมาชิกสภาเมืองพัทยา เขต 1 กล่าวในที่ประชุมสภาเมืองพัทยา เกี่ยวกับปัญหาขยะมูลฝอยเมืองพัทยาว่า ปัจจุบันเริ่มรุนแรงมากยิ่งขึ้นจนเกินกำลังเยียวยาแก้ไขจากภาครัฐ เนื่องจากปริมาณขยะมูลฝอยที่ผู้รับเหมานำมากองรวมกันไว้บริเวณจุดพักขยะภายในซอยสุขุมวิท 3 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรีนั้น มีปริมาณมาก และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องกว่าอดีตที่ผ่านมา ส่งผลให้ประชาชนในบริเวณใกล้เคียงกินรัศมีกว่า 1 ตารางกิโลเมตร ได้รับความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัสจากปัญหามลพิษทางกลิ่น
ที่สำคัญ ในช่วงเวลาที่มีฝนตกลงมาอย่างหนักทำให้น้ำฝนชะเอาสิ่งปฏิกูลเน่าเหม็นไหลมากับน้ำเข้าสู่บ้านเรือนประชาชนจนจะทนสภาพไม่ไหว แต่เมืองพัทยาก็ยังไม่มีแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ชัดเจนแต่อย่างใด ทั้งๆ ที่รับทราบปัญหา และเสนอเรื่องมาแล้วหลายครั้ง
ด้านนายสนิท บุญมาฉาย สมาชิกสภาเมืองพัทยา กล่าวว่า นอกจากปัญหาภายในจุดพักขยะแล้ว บนพื้นที่ชุมชนเกาะล้านเองก็ประสบปัญหารุนแรง เนื่องจากเมืองพัทยาไม่สามารถขนถ่ายขยะจากเกาะมาทิ้งยังฝั่งได้ จนทำให้ปริมาณขยะสะสมต้องไปขุดหน้าดินเพื่อฝังกลบเป็นการชั่วคราว บริเวณเขานม หน้าหาดแสม ซึ่งขณะนี้ปริมาณขยะเกินปริมาณการกักเก็บก่อมลพิษอย่างรุนแรง ทำลายระบบนิเวศ และการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ปัญหาขยะมูลฝอยบนฝั่งพัทยาก็พบว่า มีการตกค้างกองหมักหมมตามแหล่งชุมชน และแหล่งท่องเที่ยวสำคัญมากมาย ทำลายภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยว จึงอยากให้เมืองพัทยาทำการตรวจสอบสัญญาสัมปทานกับผู้รับเหมาเกี่ยวกับประสิทธิภาพการจัดเก็บ ทั้งอุปกรณ์ กำลังขน ยานพาหนะว่าเพียงพอ และมีประสิทธิภาพตามเงื่อนไขสัญญาหรือไม่
นายสุธีร์ ทับหนองฮี ผู้อำนวยการส่วนสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมเมืองพัทยา กล่าวว่า หลังจากที่ถูกประชาชนปิดพื้นที่ทิ้งขยะในตำบลเขาไม้แก้ว เมืองพัทยา จึงจำเป็นต้องประสานไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นข้างเคียงเพื่อขนถ่ายขยะไปทิ้ง ประกอบด้วย เทศบาลนครแหลมฉบัง และเทศบาลตำบลศรีราชา แต่ด้วยปริมาณขยะที่มีมาก และระยะทางในการขนถ่ายที่ไกลขึ้นจึงต้องประสบกับความล่าช้าไปบ้าง
อย่างไรก็ตาม เมืองพัทยาได้ทำสัญญาว่าจ้างให้ผู้รับเหมาก่อสร้างโรงคัดแยก และรีไซเคิลขยะขึ้น ก่อนส่งต่อไปยังนิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดชลบุรี ซึ่งสามารถรองรับปัญหาได้ แต่คงต้องใช้ระยะเวลากว่า 2 ปีในการดำเนินการจึงจะแล้วเสร็จ แต่เมื่อเกิดปัญหา และผลกระทบอย่างรุนแรงก็คงต้องนำเรื่องหารือกับผู้บริหาร และผู้เกี่ยวข้องเพื่อหาทางในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าต่อไป
วันนี้ (1 ต.ค.) นายอนุพงษ์ พุทธนวรัตน์ สมาชิกสภาเมืองพัทยา เขต 1 กล่าวในที่ประชุมสภาเมืองพัทยา เกี่ยวกับปัญหาขยะมูลฝอยเมืองพัทยาว่า ปัจจุบันเริ่มรุนแรงมากยิ่งขึ้นจนเกินกำลังเยียวยาแก้ไขจากภาครัฐ เนื่องจากปริมาณขยะมูลฝอยที่ผู้รับเหมานำมากองรวมกันไว้บริเวณจุดพักขยะภายในซอยสุขุมวิท 3 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรีนั้น มีปริมาณมาก และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องกว่าอดีตที่ผ่านมา ส่งผลให้ประชาชนในบริเวณใกล้เคียงกินรัศมีกว่า 1 ตารางกิโลเมตร ได้รับความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัสจากปัญหามลพิษทางกลิ่น
ที่สำคัญ ในช่วงเวลาที่มีฝนตกลงมาอย่างหนักทำให้น้ำฝนชะเอาสิ่งปฏิกูลเน่าเหม็นไหลมากับน้ำเข้าสู่บ้านเรือนประชาชนจนจะทนสภาพไม่ไหว แต่เมืองพัทยาก็ยังไม่มีแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ชัดเจนแต่อย่างใด ทั้งๆ ที่รับทราบปัญหา และเสนอเรื่องมาแล้วหลายครั้ง
ด้านนายสนิท บุญมาฉาย สมาชิกสภาเมืองพัทยา กล่าวว่า นอกจากปัญหาภายในจุดพักขยะแล้ว บนพื้นที่ชุมชนเกาะล้านเองก็ประสบปัญหารุนแรง เนื่องจากเมืองพัทยาไม่สามารถขนถ่ายขยะจากเกาะมาทิ้งยังฝั่งได้ จนทำให้ปริมาณขยะสะสมต้องไปขุดหน้าดินเพื่อฝังกลบเป็นการชั่วคราว บริเวณเขานม หน้าหาดแสม ซึ่งขณะนี้ปริมาณขยะเกินปริมาณการกักเก็บก่อมลพิษอย่างรุนแรง ทำลายระบบนิเวศ และการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ปัญหาขยะมูลฝอยบนฝั่งพัทยาก็พบว่า มีการตกค้างกองหมักหมมตามแหล่งชุมชน และแหล่งท่องเที่ยวสำคัญมากมาย ทำลายภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยว จึงอยากให้เมืองพัทยาทำการตรวจสอบสัญญาสัมปทานกับผู้รับเหมาเกี่ยวกับประสิทธิภาพการจัดเก็บ ทั้งอุปกรณ์ กำลังขน ยานพาหนะว่าเพียงพอ และมีประสิทธิภาพตามเงื่อนไขสัญญาหรือไม่
นายสุธีร์ ทับหนองฮี ผู้อำนวยการส่วนสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมเมืองพัทยา กล่าวว่า หลังจากที่ถูกประชาชนปิดพื้นที่ทิ้งขยะในตำบลเขาไม้แก้ว เมืองพัทยา จึงจำเป็นต้องประสานไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นข้างเคียงเพื่อขนถ่ายขยะไปทิ้ง ประกอบด้วย เทศบาลนครแหลมฉบัง และเทศบาลตำบลศรีราชา แต่ด้วยปริมาณขยะที่มีมาก และระยะทางในการขนถ่ายที่ไกลขึ้นจึงต้องประสบกับความล่าช้าไปบ้าง
อย่างไรก็ตาม เมืองพัทยาได้ทำสัญญาว่าจ้างให้ผู้รับเหมาก่อสร้างโรงคัดแยก และรีไซเคิลขยะขึ้น ก่อนส่งต่อไปยังนิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดชลบุรี ซึ่งสามารถรองรับปัญหาได้ แต่คงต้องใช้ระยะเวลากว่า 2 ปีในการดำเนินการจึงจะแล้วเสร็จ แต่เมื่อเกิดปัญหา และผลกระทบอย่างรุนแรงก็คงต้องนำเรื่องหารือกับผู้บริหาร และผู้เกี่ยวข้องเพื่อหาทางในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าต่อไป