ลำปาง - ช้างท้องอืดจากปางช้างเชียงใหม่รอดแล้ว 2 ล้ม 1 เชือก หลังถูกส่งเข้า รพ.ช้างลำปางนานถึง 1 สัปดาห์ ขณะที่ “พังแตงโม” ช้างของกลางนับวันยิ่งร่อแร่ เป็นอัมพาต-แผลกดทับติดเชื้อ
วันนี้ (29 ก.ย.) นายสัตวแพทย์ ดร.สิทธิเดช มหาสาวังกุล หัวหน้าฝ่ายการแพทย์ โรงพยาบาลช้าง ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง กล่าวถึงอาการของช้างป่วยที่ถูกส่งตัวมารักษาที่โรงพยาบาลช้างว่า ช้างท่องเที่ยวจากปางช้างใน อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ มีอาการท้องอืด และบวมกาง 3 เชือกจากการกินหญ้าเนเปียร์ และหญ้าบาน่าใบแก่เข้าไปจำนวนมาก ล้มไป 1 เชือก เป็นช้างเพศเมีย และเป็นช้างแม่ลูกอ่อน คือ พังไพฑูรย์
ส่วนอีก 2 เชือก หลังรักษานานถึง 1 สัปดาห์ขณะนี้หายเป็นปกติ และเจ้าของได้นำกลับไปยังปางช้างแล้ว พร้อมกับลูกช้างน้อยพังน้องพลอย ซึ่งเป็นลูกช้างของพังไพฑูรย์
โดยก่อนที่เจ้าของช้างจะนำช้างกลับ ทางคณะสัตวแพยท์ได้กำชับให้เจ้าของปางช้างดูแลช้างที่มีอยู่มากกว่า 50 เชือกให้ดีเพื่อลดความสูญเสียประชากรช้างไทยที่เหลืออยู่ไม่ถึง 5,000 เชือกไม่ให้ล้มเพราะท้องอืด และท้องบวมกางจากการให้อาหารอีก ซึ่งทำให้ช้างล้มไปแล้ว 2 เชือกในระยะ 3 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะหญ้าใบหญ้าแก่ในระยะนี้อย่าให้ช้างกินมากนัก
ส่วนอาการของช้างน้อยพังแตงโม อายุ 3 ปี เพศเมีย ช้างของกลางที่ป่วยด้วยอาการกระดูกสันหลังทับเส้นประสาทเป็นอัมพาตส่วนท้ายส่งผลทำให้ขาหลังใช้การไม่ได้ ยังจำเป็นต้องอยู่ในสายค้ำยัน โดยต้องใช้เครนยกพยุงตัวขึ้นลงวันละ 2 ครั้งเพื่อผ่อนคลาย แต่อาการยังน่าห่วงมาก เนื่องจากบาดแผลกดทับที่มีทั่วตัว รวมถึงบริเวณด้านท้ายลำตัวลุกลามอย่างต่อเนื่องจนเป็นแผลลึก และกว้าง ติดเชื้อเล็กน้อย ทางคณะสัตวแพทย์ยังต้องทำการล้างแผลเพื่อควบคุมเชื้อทุกวัน วันละ 2 ครั้ง ทั้งยังรักษาด้วยการฝังเข็ม เพื่อกระตุ้นระบบประสาท และการรับรู้ของช้าง
“สิ่งที่น่าห่วงคือ ขณะนี้ช้างเริ่มกินอาหารน้อยลง แต่ก็ถือว่ากินได้บ้าง ทั้งกล้วย แคนตาลูป อ้อย และนมถั่วเหลือง ที่จะให้ควาญช้างป้อนวันละ 2 ลิตร”
สำหรับช้างน้อยเชือกนี้นับวันจะมีชีวิตที่สั้นลงเรื่อยๆ จากอาการป่วยหนัก ซึ่งจากการประเมินเบื้องต้นช้างน้อยอาจจะมีชีวิตอยู่ไม่ถึง 2 เดือน แต่ก็ขึ้นอยู่กับกำลังใจของช้างที่จะสู้กับอาการบาดเจ็บด้วยการกินน้ำ นม และอาหารได้หรือไม่