xs
xsm
sm
md
lg

ต้นสังกัดดาบตำรวจมืออุ้มสาวใหญ่ปัดไม่เกี่ยวข้อง ชี้ไล่ออกนานแล้ว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ด.ต.สมบูรณ์ หนูรักษา
ฉะเชิงเทรา - ต้นสังกัดดาบตำรวจมืออุ้มสาวใหญ่ปัดไม่เกี่ยวข้องมานานแล้ว หลังหน่วยเหนือมีคำสั่งไล่ออกจากราชการ ขณะเพื่อนฝูงไม่มีใครคบหาด้วย ปูดมีมูลเหตุกดดันหนักก่อนลงมืออุ้ม ทำเจ้าตัวหมดหนทางรอดพ้นคุก เหตุจากศาลอุทธรณ์ยืนจำคุก 7 ปี

วันนี้ (23 ก.ย.) พ.ต.อ.สมศักดิ์ สุนาวิน ผกก.สภ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวถึงกรณี ด.ต.สมบูรณ์ หนูรักษา อายุ 46 ปี อดีตนายตำรวจชั้นประทวน สภ.บ้านโพธิ์ ก่อเหตุอุ้ม น.ส.สุภาวดี ศุขจรัส อายุ 58 ปี อดีตข้าราชการครู ก่อนก่อเหตุขับรถชน ด.ช.อดิศักดิ์ ขุนจันทร์ อายุ 14 ปี เสียชีวิตในท้องที่ สภ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และได้ตัดสินใจยิง น.ส.สุภาวดี จนเสียชีวิต ก่อนจะยิงตัวตายตามว่า คดีเก่ากรณีข่มขืนนั้นเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2554 ก่อนที่ตนจะมารับตำแหน่ง ผกก. และเหตุที่เกิดก็อยู่ในฝั่งท้องที่ สภ.แสนภูดาษ อ.บ้านโพธิ์

หลังก่อเหตุ ด.ต.สมบูรณ์ ได้มีคำสั่งจากกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งขณะนั้น พล.ต.ต.มณฑล มีอนันต์ ผบก.ภ.จว. ไล่ให้ออกจากราชการ ลงวันที่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2554 และให้มีผลย้อนหลังจนถึงวันที่ 28 มีนาคม 2554 โดยที่เจ้าตัวได้มาเซ็นรับทราบคำสั่งเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2554

จากการสอบถามผู้ใต้บังคับบัญชาทราบว่า ด.ต.สมบูรณ์ เป็นตำรวจตู้ยามประจำตำบลคลองบ้านโพธิ์ ตำแหน่ง ผบ.หมู่ป. ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านพักของผู้เสียหาย โดย ด.ต.สมบูรณ์ มีบุตรชาย 2 คน มาเรียนพิเศษกับผู้เสียหายเนื่องจากทางผู้เสียหายนั้นมีชื่อเสียงด้านการสอนภาษาอังกฤษ รวมทั้งมีอัธยาศัยดี เด็กที่เคยมาเรียนด้วยนั้นมักจะสอบเรียนต่อได้ในสถานศึกษาที่ดี โดยเฉพาะนักเรียนแพทย์หลายคน จนทำให้คนใน อ.บ้านโพธิ์ ส่งลูกเข้าไปเรียนพิเศษด้วย

ขณะเดียวกัน ด.ต.สมบูรณ์ ได้ไปรับส่งบุตรชายทั้ง 2 คนที่เรียนพิเศษกับผู้เสียหาย จนเกิดความคุ้นเคยกัน และผู้เสียหายไว้วางใจให้ขับรถพาไปติดต่อธุระ และพาไปเบิกจ่ายเงินกับทางธนาคารอยู่บ่อยครั้ง เพราะเห็นว่าเป็นตำรวจผู้เสียหายจึงไว้ใจ ประกอบกับผู้เสียหายไม่ได้ซื้อรถใช้เอง และไม่ได้คิดว่าจะมีอะไรนอกเหนือจากคนที่รู้จักกัน จึงไหว้วานให้ไปรับส่งทุกครั้ง แต่ผู้เสียหายได้จ่ายเงินค่าตอบแทนให้โดยตลอด

ต่อมา วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2554 ผู้เสียหายได้ให้ผู้ก่อเหตุพาไปเบิกเงินที่ธนาคาร แต่หลังจากเสร็จธุระแล้วผู้ก่อเหตุกลับไม่พาผู้เสียหายมาส่งยังที่บ้าน กลับพาขับรถข้ามแม่น้ำบางปะกงไปยังเขต สภ.แสนภูดาษ และพาเข้าไปในโรงแรมพักกาย ซึ่งเป็นโรงแรมม่านรูด เลขที่ 58/1 หมู่ 1 ต.คลองประเวศ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อเวลา 14.55 น. และใช้อาวุธปืนข่มขู่ ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย

และวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา 13.00 น. ผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.นิพนธ์ ดลพัลลภ พนักงานสอบสวน (สบ 3) สภ.แสนภูดาษ ให้ดำเนินคดี ด.ต.สมบูรณ์ รวม 3 ข้อหา กรณีใช้อาวุธปืนข่มขู่บังคับ กักขังหน่วงเหนี่ยว และข่มขืนกระทำชำเรา ส่วนความคืบหน้าของคดีนั้น ทางศาลอุทธรณ์มีคำสั่งพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้จำคุก ด.ต.สมบูรณ์ 7 ปี โดยไม่รอลงอาญา

ขณะเดียวกัน ด.ต.สมบูรณ์ ได้ยื่นขอประกันตัวเพื่อขอต่อสู้คดีในชั้นฎีกา จนมาก่อเหตุลักพาตัวเมื่อช่วงเวลา 08.30-09.00 น. วานนี้ (22 ก.ย.) ซึ่ง สภ.บ้านโพธิ์ ได้พยายามติดตาม และวิทยุกระจายข่าวแจ้งเพื่อสกัดจับ โดยตามไปทันที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์

ทั้งนี้ ด.ต.สมบูรณ์ หลังถูกสั่งไล่ออกจากราชการก็ไม่ได้เข้ามาที่ สภ.บ้านโพธิ์ เนื่องจากเพื่อนตำรวจไม่ยุ่งเกี่ยว หรือคบหาด้วย และเชื่อว่าน่าจะกลับไปอยู่ที่บ้านเกิดที่บ้านเลขที่ 8 หมู่ 6 ต.หาดพันไกร อ.เมือง จ.ชุมพร เนื่องจากหลังก่อเหตุแล้ว ด.ต.สมบูรณ์ รีบหย่าขาดจากภรรยาเดิม เพื่อที่จะแสดงให้เห็นว่ามีความต้องการอยู่กินร่วมกับทางผู้เสียหาย และเพื่อง่ายต่อการเจรจาขอให้ทางผู้เสียถอนฟ้อง

จนเมื่อวานนี้ ด.ต.สมบูรณ์ ได้พาพี่สาวคือ นางมณฑา หนูรักษา ไปขอเจรจากับทางญาติสนิทของผู้เสียหาย เพื่อให้ผู้เสียหายยินยอมที่จะกลับคำให้การในชั้นศาลฎีกา แต่ทางญาติของผู้เสียหายได้แต่รับฟัง แต่ไม่ได้มีทีท่าตอบรับ จึงทำให้ทางฝ่าย ด.ต.สมบูรณ์ หมดหนทางที่จะต่อสู้ทางคดีจึงได้ลงมือก่อเหตุ

ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากตำรวจ สภ.แสนภูดาษ ว่า ที่ผ่านมานั้น ด.ต.สมบูรณ์ ไม่ได้ถูกควบคุมตัวไว้ เนื่องจากไม่มีพฤติการณ์ที่จะหลบหนี และยังเดินทางเข้ามามอบตัว รับทราบข้อกล่าวหาด้วยความสมัครใจ พนักงานสอบสวนจึงต้องปล่อยตัวไปชั่วคราวตามกฎหมายใหม่

แต่ในชั้นฎีกานั้น ด.ต.สมบูรณ์ มีพฤติกรรมหลบหนีศาล โดยไม่เข้าไปรายงานตัวต่อศาลตามนัดมาหลายครั้งแล้วจนมาตัดสินใจก่อเหตุดังกล่าวขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น