ศูนย์ข่าวขอนแก่น - คันดินบ่อหมักก๊าซชีวภาพ โรงแป้งมันแก่นศิริสตาร์ช อ.พระยืน ทรุดตัว น้ำเสียกว่า 50,000 ลูกบาศก์เมตร ท่วมนาข้าวกว่า 500 ไร่เสียหายยับ ประปาหมู่ 5 เสียหาย ชาวบ้าน 53 ครัวเรือนเดือดร้อน เจ้าของโรงงานยันพร้อมเยียวยาผู้เสียหายทุกกรณี ขณะที่อุตสาหกรรมขอนแก่นสั่งปิดโรงงานรอตรวจแบบก่อสร้าง
วันนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงงานแป้งมันบริษัท แก่นศิริสตาร์ช จำกัด ต.ขามป้อม อ.พระยืน จ.ขอนแก่น นายกิตติพงศ์ สุขภาคกุล นายอำเภอพระยืน พร้อมด้วยนายภาวี ม่วงน้อย หัวหน้าฝ่ายโรงงานอุตสาหกรรม สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดขอนแก่น เข้าตรวจสอบบ่อหมักก๊าซชีวภาพหรือไบโอแก๊ส ซึ่งคันดินกั้นบ่อพังทลาย เป็นเหตุให้น้ำเสียกว่า 50,000 ลูกบาศก์เมตร ไหลทะลักเข้าท่วมนาข้าวรอบโรงงานเสียหายกว่า 500 ไร่
น้ำเสียจากบ่อหมักยังไหลชะหน้าดินถนนทางเข้าหมู่บ้านด้านหน้าโรงงานเสียหายอย่างหนัก ต้นข้าวล้มเสียหายตามแรงไหลของน้ำ น้ำเสียส่งกลิ่นเน่าเหม็นคละคลุ้งไปทั่ว ซึ่งชาวบ้านไม่มั่นใจว่าจะส่งผลกระทบต่อสุขอนามัย และพืชผลทางการเกษตรหรือไม่ จึงอยากให้หน่วยงานรัฐตรวจสอบด้วย
นายกิตติพงศ์ สุขภาคกุล นายอำเภอพระยืน กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากกำนันตำบลขามป้อมว่า เมื่อเวลา 24.00 น. คันดินกั้นบ่อหมักก๊าซชีวภาพทรุดตัวและพังทลาย เป็นเหตุให้ไหลออกไปท่วมพื้นที่การเกษตรรอบโรงงาน ซึ่งคนงานและชาวบ้านช่วยกันอุดคันดินเสร็จเวลาประมาณ 03.00 น. จึงควบคุมน้ำเสียไม่ให้รั่วไหลได้
จากการสำรวจเบื้องต้น น้ำเสียท่วมที่นารอบโรงงานกว่า 500 ไร่ ซึ่งจะต้องตรวจสอบคุณภาพน้ำว่าจะส่งผลเสียหายต่อพืชผลเกษตรอย่างไรต่อไป ขณะเดียวกันน้ำเสียได้ไหลปะปนในบ่อประปาหมู่บ้าน หมู่ 5 เป็นเหตุให้ไม่สามารถใช้อุปโภคบริโภคได้ ประชาชน 53 ครัวเรือนเดือดร้อน ซึ่งสาเหตุที่ทำให้คันดินทรุดน่าจะเป็นเพราะพื้นที่เป็นดินทราย เมื่อน้ำซึมทำให้เกิดการทรุดตัวดังกล่าว
นายสมร หาญพะยอม ชาวนา กล่าวว่า ตนมีที่นา 14 ไร่ ข้าวกำลังตั้งท้องสวยงาม แต่น้ำเสียจากโรงงานแป้งมันไหลทะลักออกมานั้นทำให้นาข้าวเสียหายทั้งหมด เพราะแรงของน้ำที่ไหลออกมาทำให้ต้นข้าวหลุดออกไปทั้งต้น แม้แต่ป้ายคอนกรีตใกล้กับนาข้าวยังล้ม ซึ่งปีนี้ไม่น่าจะได้ผลผลิตข้าว ทั้งไม่มั่นใจกับน้ำเสียที่ท่วมนาข้าวว่าจะส่งผลเสียต่อนาข้าวและชาวบ้านในระยะยาวหรือไม่
ด้านนายจำรัส ห่วงสกุล เจ้าของโรงงานแป้งมัน กล่าวว่า บ่อหมักก๊าซชีวภาพเพิ่งดำเนินการแล้วเสร็จประมาณ 50% เริ่มทดสอบหมักก๊าซชีวภาพมาตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา โดยตามแบบก่อสร้างจะต้องสร้างโดมคลุมบ่ออีกชั้นเพื่อควบคุมกลิ่นก๊าซชีวภาพไม่ให้ปะปนกับอากาศภายนอก เหตุคันดินพังทลายดังกล่าวคิดเป็นมูลค่าความเสียหายประมาณ 30 ล้านบาท
ส่วนความเสียหายที่เกิดขึ้นจะมีการสำรวจอย่างเป็นทางการอีกครั้ง และพร้อมให้การเยียวยาความเสียหาย ส่วนน้ำประปาของชุมชนหมู่ 5 จะต่อน้ำประปาของโรงงานไปให้ชาวบ้านทั้ง 53 ครัวเรือนใช้ จนกว่าจะซ่อมแซมประปาหมู่บ้านกลับมาใช้งานได้
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดขอนแก่นได้เก็บตัวอย่างน้ำไปตรวจสอบ พร้อมกับตรวจแบบก่อสร้างเป็นไปตามที่ขอไว้หรือไม่ เบื้องต้นได้สั่งปิดโรงงานแป้งมันก่อน จนกว่าผลการตรวจสอบทั้งแบบก่อสร้าง การขออนุญาตเพิ่มเติมจากแบบ ตลอดจนการสร้างบ่อหมักก๊าซชีวภาพได้ผ่านการอนุมัติแล้วหรือไม่ ซึ่งต้องมีวิศวกรที่ชำนาญการเข้ามาตรวจสอบโครงสร้างทั้งหมด ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบตามมาอีก