พบเหยื่อถูกยิงถล่มบ้านกลางแม่สาย ทวงเงินที่ทำธุรกิจกับคนฝั่งเพื่อนบ้าน

เชียงราย - พบกลุ่มเจ้าของบ้านหรูในแม่สายถูกยิงถล่มด้วยอาวุธปืนกว่าครึ่งร้อยนัดกลางดึก ก่อนติดป้ายเขียนอักษรด้วยลายมือ “ทวงเงินที่ถูกโกง” ทำธุรกิจกับฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน แถมเจอทวงด้วยอาวุธสงคราม

รายงานข่าวจาก จ.เชียงรายแจ้งว่า หลังเกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงใส่บ้านเลขที่ 529/26 ม.4 ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย และได้มีการแจ้งเหตุต่อ ร.ต.อ.จักรพงษ์ ศรีวานิชสกุล ร้อยเวร สภ.แม่สาย ราวเที่ยงคืนเศษของวันที่ 15 ก.ย. 56 ที่ผ่านมา เมื่อเจ้าหน้าที่รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบเป็นบ้านคอนกรีตและมีรั้วเป็นเหล็ก สภาพถูกกระสุนปืนสงครามนานาชนิดระดมยิงเข้าที่รั้วบ้าน ฝาบ้าน กระจกหน้าต่าง ประตู ฯลฯ จนเป็นรูพรุนไม่ต่ำกว่า 40-50 นัด ปลอกกระสุนปืนตกเกลื่อนพื้นที่ จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน และสายตรวจไปดูแลความปลอดภัย

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบกับ น.ส.อพิชญา แซ่หลอ อายุ 24 ปี สื่อสารด้วยภาษาไทยไม่ชัดเจนยืนให้การอย่างหวาดกลัวต่อเหตุการณ์ว่า บ้านหลังดังกล่าวเป็นของนายเฉินหมิง แซ่เจียว ชาว อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ส่วนตนเป็นผู้ขออาศัยอยู่ที่บ้าน พร้อมกับญาติพี่น้องอีก 5 คน แต่ช่วงกลางดึกได้ยินเสียงปืนยิงมาจากถนนหน้าบ้านใส่ตัวบ้านและรั้ว จึงตกใจแต่ก็หลบอยู่ในบ้าน

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตรวจสอบบริเวณบ้าน พบที่รั้วมีกระดาษใบใหญ่พร้อมข้อความเขียนวางเอาไว้ในลักษณะข่มขู่ให้ใช้หนี้ ไม่เช่นนั้นครอบครัวจะต้องรับผิดชอบ

ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้สอบสวนนายเฉินหมิงให้การว่า ก่อนเกิดเหตุขณะที่ตนพร้อมครอบครัวก็นอนหลับพักผ่อนอยู่ในบ้านเช่นกัน เมื่อได้ยินเสียงปืนจึงหลบอยู่ กระทั่งสงบลงจึงโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ

เจ้าหน้าที่จึงบันทึกข้อมูลและเก็บหลักฐานต่างๆ เอาไว้ พร้อมพาผู้เสียหายไปสอบปากคำเพื่อหารายละเอียดมูลเหตุของการยิงข่มขู่ครั้งนี้

ล่าสุดทางพนักงานสอบสวนได้เรียกสอบเจ้าของบ้านผู้เสียหายในเบื้องต้นแล้ว โดยมีรายงานว่า นายเฉินหมิงมีการติดต่อค้าขายกับกลุ่มนักธุรกิจในพื้นที่ชายแดนฝั่งประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ติดกับ อ.แม่สายด้วย และหลังเกิดเหตุคาดว่าจะเดินทางกลับ อ.ฝาง เพื่อความปลอดภัยพร้อมกับคนอื่นๆ ในบ้านที่ต่างเป็นญาติกันทั้งหมด

ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าตามปกติแก๊งทวงหนี้ในประเทศไทยจะไม่นิยมใช้อาวุธปืนสงครามหลายกระบอกยิงถล่มบ้านเรือน อย่างมากเป็นแค่การใช้ปืนพกสั้นหรือยาว แต่ไม่ถึงขั้นใช้อาวุธสงครามยิงถล่มอย่างครั้งนี้ ซึ่งคาดว่าในรายนี้คนร้ายน่าจะมีอยู่ไม่ต่ำกว่า 2-3 คน และอาศัยชายแดนไทย-พม่าที่อยู่ติดกันหลบหนีไปหลังก่อเหตุช่วงกลางคืน