นครพนม - เจ้าคณะอำเภอบ้านแพง เจ้าอาวาสวัดปทุมมาราม แกะสลักพุทธประวัติแบบภาพนูนสูงบนไม้ตะเคียนทองอายุร่วม 2,000 ปี เผยต้องการปลุกจิตสำนึกให้เยาวชนร่วมอนุรักษ์พระพุทธศาสนา สืบทอดพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
วันนี้ (10 ก.ย.) ที่วัดปทุมมาราม ต.นาเข อ.บ้านแพง จ.นครพนม พระครูปิยคามเขตคณาภิรักษ์ หรือพระอาจารย์จินดา อายุ 43 ปี เจ้าอาวาสวัดปทุมมาราม และเจ้าคณะอำเภอบ้านแพง ได้พาผู้สื่อข่าวไปชมไม้ตะเคียนทองยักษ์ อายุราว 2,000 ปี ยาวประมาณ 20 เมตร เส้นรอบวงโคนต้น 5 เมตร ที่ผ่านการแกะสลักเป็นภาพนูนสูงรูปพระพุทธเจ้า ปางปรินิพพาน 2 ด้าน พร้อมภาพพุทธประวัติอย่างสวยงามลงตัว
พระครูปิยคามเขตคณาภิรักษ์ กล่าวว่า ได้บวชเรียนศึกษาพระธรรมมานานกว่า 23 พรรษา เพื่อต้องการสืบทอดพระพุทธศาสนา จึงได้มาพัฒนาดูแลวัดแห่งนี้ซึ่งเป็นวัดบ้านเกิดต่อจากเจ้าอาวาสองค์เดิม จนมีความตั้งใจว่าจะสร้างอุโบสถ แต่ต้องการทำด้วยไม้เพื่อให้เกิดความสวยงาม หาดูได้ยาก และเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มาเที่ยวชม
โดยก่อนหน้านั้นหลายปีได้เกิดนิมิตว่า มีผู้หญิงคนหนึ่งมาบอกว่า ต้องการมาอยู่อาศัยในวัดเพื่อช่วยพัฒนาวัด ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ต่อมาไม่นาน ได้เกิดความบังเอิญมีชาวบ้านมาบอกว่า มีคนพบไม้ตะเคียนขนาดใหญ่ที่ห้วยบางทราย จ.มุกดาหาร เมื่อปี 2554 จึงอยากได้มาไว้ที่วัด เพราะเชื่อว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในนิมิต
แต่เมื่อไปดูแล้วพบว่ามีขนาดใหญ่มาก ยาวประมาณ 20 เมตร เส้นรอบวง 5 เมตร เชื่อว่ามีอายุไม่ต่ำกว่า 2,000 ปี จึงได้พยายามเคลื่อนย้ายไม้ตะเคียนยักษ์ต้นนี้มาไว้ที่วัด ซึ่งต้องมีการผ่านกระบวนการทางกฎหมายหลายขั้นตอนกว่าจะขนนำมาได้ และหาช่างมาแกะสลัก โดยอาตมาเป็นคนออกแบบ เนื่องจากมีความรู้พื้นฐาน และชอบศึกษาเกี่ยวกับงานศิลปะอยู่แล้ว
โดยออกแบบแกะสลักให้เป็นรูปพระพุทธเจ้า ปางปรินิพพานทั้ง 2 ด้าน ลักษณะเป็นภาพนูนสูง ด้านหนึ่งจะลงสีให้สวยงาม อีกด้านจะคงสภาพเดิมเพื่อให้เห็นลักษณะความสวยงามของเนื้อไม้ และแก่นแท้ของไม้ตะเคียน ส่วนที่เหลือแกะสลักเป็นรูปพุทธประวัติ และพุทธสาวก สื่อความหมายของพระพุทธศาสนากับสังคมยุคปัจจุบัน เพื่อให้ประชาชนที่มาทำบุญที่วัดได้เกิดปัญญา สำนึกในหลักธรรมคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และช่วยกันทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา และเป็นแหล่งท่องเที่ยวของ จ.นครพนม
พระครูปิยคามเขตคณาภิรักษ์ กล่าวว่า ภายในวัดยังได้สะสมรากไม้ตะเคียน รวมถึงไม้ที่กลายเป็นหินที่ได้มาจากญาติโยมที่บริจาคให้ เพื่อที่จะนำมาก่อสร้างอุโบสถรากไม้ เน้นความสวยงามตามธรรมชาติ เนื่องจากวัดยังไม่มีพระอุโบสถที่จะใช้ปฏิบัติกิจของสงฆ์ รวมถึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวต่อไปในอนาคต โดยหากประชาชน หรือผู้ที่สนใจอยากมาเที่ยวชมก็ยินดี
ด้านนายพร้อมพันธ์ กุลภา อายุ 60 ปี กล่าวว่า ยอมรับว่าทึ่งในความคิดของพระครูปิยคามเขตคณาภิรักษ์ เนื่องจากตามความเชื่อนั้นไม้ตะเคียนมีความขลังในตัวอยู่แล้ว เป็นไม้ที่มีเจ้าแม่ปกปักรักษา ยิ่งมีการแกะสลักเป็นภาพพระพุทธเจ้า รวมถึงพุทธสาวกลงไปทำให้เกิดความสวยงามมากขึ้น เชื่อว่าหากใครได้มาเห็นจะต้องยอมรับในความสวยงาม หาดูได้ยาก และน่าจะเป็นที่เดียวของประเทศไทย
จึงอยากเชิญชวนประชาชน และนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชม พร้อมกราบไหว้เจ้าแม่ตะเคียนทอง และร่วมกันบริจาคพัฒนาวัดให้เป็นที่ท่องเที่ยว ซึ่งในอนาคตจะได้เห็นพระอุโบสถรากไม้แห่งแรกของประเทศไทย