พิจิตร - งานแข่งเรือพิจิตรชิงถ้วยพระราชทาน และชิงแชมป์แห่งประเทศไทย เริ่มแล้ววันนี้ เฟ้นหาเจ้าความเร็วแห่งสายน้ำ เรือ 48 ลำ จาก 4 ประเภท ลงจ้ำ 120 เที่ยว นักท่องเที่ยวแห่ชม-โรงแรมทุกแห่งเต็ม เชื่อมั่นเม็ดเงินสะพัดไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท
รายงานข่าวจากจังหวัดพิจิตร แจ้งว่า งานแข่งขันเรือยาวประเพณี ณ ลำน้ำน่าน หน้าวัดท่าหลวง อ.เมืองพิจิตร ชิงถ้วยรางวัลถึง 2 ใบ คือ เป็นถ้วยพระราชทานจากในหลวง และถ้วยรางวัลจากสมาคมเรือยาวแห่งประเทศไทย ระหว่างวันที่ 7-8 ก.ย.56 ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วด้วยริ้วขบวนเรือพระราชพิธีจำลองอัญเชิญถ้วยพระราชทานที่ยิ่งใหญ่เต็มท้องน้ำ
จากนั้นก็จะมีการแข่งขันเรือยาวที่แบ่งออกไป 4 ประเภท รวมแล้ว 48 ลำ ที่จะแข่งขันกันมากถึง 120 เที่ยว เพื่อคัดให้เหลือเรือที่เก่งที่สุดในแต่ละประเภท ให้เข้าไปชิงเจ้าความเร็วแห่งสายน้ำในวันชิงชนะเลิศ คือ วันที่ 8 กันยายน 2556 โดยจะมีการถ่ายทอดสดในช่วงเวลา 14.00-16.00 น. ผ่านสถานีโทรทัศน์ Thai PBS
โดยเรือแต่ละประเภทที่ลงชิงชัยปีนี้ได้แก่ เรือยาวใหญ่ 12 ลำ (41-55 ฝีพาย) 1.เทพทองคำ พิจิตร 2.หนุ่มเมืองนนท์ นนทบุรี 3.สิงห์ปทุม ปทุมธานี 4.พรพระยาตาก ชัยนาท 5.เทพสุริยะ สุรินทร์ 6.เทพนรสิงห์ 88 สระบุรี 7.สาวสวยสุภาพร ร้อยเอ็ด 8.ยุทธการนาวา ชลบุรี 9.เจ้าแม่ประดู่ทอง ชลบุรี 10.เจ้าขุนเณรพรพ่อโต นครปฐม 11.เทพอัมรินทร์ อุบลราชธานี 12.เทพพิษณุ พิษณุโลก
จากการวิเคราะห์ของเซียนเรือยาววิเคราะห์ว่า เรือที่มีโอกาสจะเข้าไปชิงในรอบชิงชนะเลิศนั้นเรือต้องมีฝีพายดี ฝึกซ้อมมาดี มีเทคนิคจังหวะการพาย นายหัวคนส่งสัญญาณนกหวีด และเคาะหัวเรือปลุกขวัญฝีพายจะต้องรู้จังหวะ รวมถึงท้ายเรือต้องคัดท้ายให้ไปได้สวย รวมถึงตัวเรือต้องไหลลื่น
ที่สำคัญสายน้ำหน้าวัดท่าหลวงฝั่งตะวันออกมักจะได้เปรียบในช่วงตอนต้น ส่วนตอนปลายสายน้ำตรงฝั่งตะวันตกก็ไม่ใช่เป็นรอง จึงคาดว่า เรือยุทธการนาวา จาก จ.ชลบุรี ซึ่งใช้ฝีพายที่เป็นทหารเรือ ฉายยา “มนุษย์กบ” กับ เรือเทพนรสิงห์ 88 ที่มีจุดแข็งคือ เป็นเรือที่ได้รับสมญานามว่า “พยัคฆ์ร้ายไม่มีวันตาย” น่าจะเป็นเรือเต็งคู่ที่จะเข้าไปแข่งชิงถ้วยพระราชทานสูงกว่าทุกลำ
ส่วนเรือยาวกลาง 12 ลำ 31-40 ฝีพาย ประกอบด้วย 1.ไกรทองกระทิงแดง พิจิตร 2.พญาชาละวันสิงห์ลีโอ 2 พิจิตร 3.ไกรทอง 2 พิจิตร 4.พรพระแก้ว สิงห์บุรี 5.จักรนารายณ์ สระบุรี 6.เจ้าแม่ประดู่เงิน ชลบุรี 7.เขลางค์นคร ลำปาง 8.เจ้าแม่ธรรมเนียม ร้อยเอ็ด 9.แม่นางคำสิงห์ ร้อยเอ็ด 10.เศรษฐีเรือทอง ลพบุรี 11.เทพส่องแสง ปทุมธานี 12.เจ้าแม่คำเครือ มหาสารคราม
เซียนเรือวิเคราะห์ให้เรือไกรทองกระทิงแดง ของวัดหัวดง จ.พิจิตร กับเรือจักรนารายณ์ จาก จ.สระบุรี และเรือพรพระแก้ว จาก จ.สิงห์บุรี น่าจะเรือที่จะเข้าชิงชนะเลิศคว้าถ้วยรางวัล เพราะทุกลำมีฝีพายที่โดดเด่น และหาตัวจับยากในการจ้ำพายไม่แพ้กัน
ขณะที่เรือภายในจังหวัดพิจิตร 8 ลำ (41-55 ฝีพาย) ประกอบด้วย 1.เพชรประกายมาศ วัดกำแพงดิน 2.แม่พิกุลทอง วัดบึงตะโกน 3.ธนูทอง รังนก 4.ขุนเพ่ง ปากทาง 5.ศรพรหมมาศ วังกรด 6.พญาชาละวันสิงห์ลีโอ 1 อบต.ไผ่ขวาง 7.พญาราชสีห์ วัดหาดมูลกระบือ 8.ดาวเทียม วัดบึงตะโกน
เซียนเรือวิเคราะห์ว่า เรือขุนเพ่ง ของ ต.ปากทาง กับเรือพญาชาวะวันสิงห์ลีโอ 1 ของ อบต.ไผ่ขวาง และเรือศรพรหมมาศ วังกรด ทั้ง 3 ลำนี้ จะเป็นผู้มีสิทธิครองถ้วยด้วยกันทุกลำ ถ้าจะพลิกล็อกก็ต้องระวังเรือพญาราชสีห์ วัดหาดมูลกระบือ กับเรือดาวเทียม วัดบึงตะโกน ที่ฝีมือก็ไม่เป็นสองรองใคร
ในส่วนของเรือยาวเล็ก 16 ลำ (ไม่เกิน 30 ฝีพาย) เซียนเรือวิเคราะห์ว่า เรือชาละวันสิงห์ลีโอ 3 ของพิจิตร ซึ่งใช้ฝีพายจากหมู่บ้านบางพระนอน จ.สิงห์บุรี เรียกได้ว่าฟิตเปรี๊ยะกับเรือพรหมประทาน ใช้ชุดฝีพายที่เป็นแชมป์เก่าของเมื่อปีที่แล้วจากเรือพิษณุมาเป็นผู้จ้ำพาย
นอกจากนี้ ก็ยังมีเรือที่ประมาทไม่ได้ คือ เรือพระนเรศวร เรือพรเมธี เรือจันทร์เจ้า เรือแม่โขงเอกนาวา ที่เอ่ยมานี้เก่งด้วยกันทุกลำ และอาจจะสร้างเซอร์ไพรส์ได้ทุกเมื่อ
สำหรับเงินรางวัลในแต่ละประเภทมีรวมกว่า 2 ล้านบาท จึงรับรองได้ว่าจะมีการแข่งขันกันอย่างดุเดือดแน่นอน ตลอด 10 วัน 10 คืน
ขณะนี้โรงแรมที่พักของจังหวัดเต็มแล้วทุกแห่ง เนื่องจากคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวไม่น้อยกว่า 3 หมื่นคน มาสัมผัสกลิ่นอายของประเพณีแข่งเรือ และนมัสการหลวงพ่อเพชร พระศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองชาวพิจิตร และคาดว่าจะมีเงินสะพัดไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท
นอกจากนี้ ภายในงานก็จัดให้มีมหรสพ และการจำหน่ายสินค้าราคาถูกจากกองคาราวานที่ขนของดีจากทั่วทุกภาคมาจำหน่ายอย่างมากมายด้วย