เลือดเจ้าพระยา ตอนที่ 10
เลอสรรเดินมาที่ท่าเรือกับศรีนวล บรรยากาศตอนนี้ดูเงียบสงบ ปราศจากผู้คน
“ถึงจะผ่านมา 20 ปี แต่เมื่อกลับมาที่นี่ ความทรงจำทุกอย่างก็กลับมาเหมือนเดิม”
“มันไม่สายไปหน่อยหรือคะคุณเลอสรร”
“ศรีนวลเป็นรักแรก เป็นความรักฝังใจ ไม่ว่ากี่ปีผมก็จะไม่ลืม ว่าแต่ศรีนวลเถอะ คงจะลืมผมแล้วใช่มั้ย”
ศรีนวลน้ำตาคลอ สะเทือนใจ
“ศรีนวลไม่เคยลืม ไม่เคยลืมคำสัญญาที่หลอกลวง ไม่เคยลืมความรักของคนใจดำ ไม่เคยลืมความเจ็บปวดทรมานที่ถูกทอดทิ้งมาตลอด 20 ปี คุณจะกลับมาทำไมอีกก็ในเมื่อคุณแต่งงานมีลูกมีเมียไปแล้ว จะกลับมาที่นี่อีกทำไม”
ศรีนวลน้ำตาไหลพรากด้วยความสะเทือนใจ เลอสรรรู้สึกสงสารเห็นใจ
ชาวบ้าน ผู้ใหญ่ต้อง ดาว บุญเหลือจับกลุ่มพูดคุยกันอย่างเคร่งเครียดที่หน้าบ้านกำนันธง ขณะที่กำนันธงนั่งนิ่ง ไม่พูดไม่จา จ่าสมหมายรู้สึกแปลกจึงรีบลาไปรอที่เรือ
“เอ้อ ยังไงชั้นไปที่เรือก่อนนะจ้ะ”
“ไปเถอะ”
ดาวและบุญเหลือไม่ค่อยเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นจึงพยายามซักถามจากพวกผู้ใหญ่
“ใครก็ได้บอกดาวหน่อยว่าแม่กับคุณเลอสรร มีเรื่องอะไรกัน”
“นั่นซิ แล้วทำไมต้องปล่อยแม่กับคุณเลอสรรไปคุยกันตามลำพัง ผมกับดาวจะไปเป็นเพื่อนแม่ได้มั้ยครับ”
“อย่าไป มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ เอ็งสองคนอย่าไปยุ่งเลย”
“ถ้าไม่ให้ดาวยุ่งก็บอกมาหน่อยซิว่านี่มันเรื่องอะไรกัน งงไปหมดแล้ว”
ดาวเดินเข้าไปหากำนันธง
“ตาจ๋า ตาบอกดาวหน่อยซิจ้ะว่ามีเรื่องอะไรกัน”
“เรื่องนี้ถ้าเอ็งไม่รู้ได้ จะดีที่สุด”
กำนันธงเอามือลูบหัวดาวด้วยความสงสาร
“ก็ได้จ้ะ ถ้าไม่อยากให้ดาวรู้ ดาวก็ไม่อยากรู้”
ดาวเดินขึ้นบ้านไป บุญเหลือมองตามด้วยความสงสัยขณะที่ทุกคนจับกลุ่มคุยกันเงียบๆ
เลอสรรกำลังคุยอยู่กับศรีนวลที่ท่าเรือ
“แล้วทำไมคุณเพิ่งกลับมา หรือเห็นว่าศรีนวลมันคนบ้านนอก นึกอยากจะเหยียบจะย่ำเมื่อไหร่ก็ได้”
“มันไม่ใช่อย่างที่ศรีนวลเข้าใจ ความรักที่ผมมีต่อศรีนวลเป็นสิ่งที่ฝังอยู่ในใจผมตลอดเวลา แต่ที่ผมผิดสัญญา ไม่ได้กลับมาหาศรีนวลก็เพราะผมได้รับอุบัติเหตุความจำเสื่อม”
“ความจำเสื่อม นี่คุณไม่ได้หลอกศรีนวลใช่มั้ยคะ”
“ผมไม่เคยหลอกศรีนวล ที่ผมมาวันนี้ก็เพื่ออยากจะมาขอโทษ ผมรู้ว่าศรีนวลต้องเจ็บปวดทรมานตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมสงสารศรีนวลเหลือเกิน”
“แต่คุณมีลูกมีเมียแล้ว จะยังไงเรื่องของเราก็จะกลับมาเหมือนเดิมไม่ได้”
“แล้วลูกของเราล่ะ ดาวเป็นลูกของผมกับศรีนวลใช่มั้ย ปู่คุณย่าคงจะดีใจที่มีหลานเพิ่มมาอีกคน”
ศรีนวลนิ่งอึ้ง ไม่รู้จะตอบยังไง ดาวซึ่งนั่งแอบฟังอยู่ที่มุมหนึ่งรู้สึกตกใจ
“คุณเลอสรรเป็นพ่อของเรา” ดาวพึมพำออกมา
ศรีนวลตัดสินใจที่จะโกหกเลอสรร
“ไม่ใช่ ดาวไม่ใช่ลูกของคุณ”
“ที่แท้ ก็เป็นลูกสมิง”
ศรีนวลตบหน้าเลอสรรฉาด
“อย่ามาดูถูกศรีนวลแบบนี้ ศรีนวลกับสมิงเป็นแค่เพื่อน ผู้หญิงอย่างศรีนวลมีผัวคนเดียวเท่านั้น”
“ถ้างั้นดาวเป็นลูกใครกันแน่”
“ดาวเป็นเด็กกำพร้าที่ศรีนวลเก็บมาเลี้ยง คุณไม่ควรจะมายุ่งกับเด็กที่ไม่มีหัวนอนปลายตีนอย่างดาว”
ดาวซึ่งแอบฟังอยู่น้ำตาคลอด้วยความเสียใจ
“ทำไมแม่พูดแบบนี้”
ดาวเสียใจน้ำตาไหลรีบวิ่งหนีไป
“ศรีนวลขอร้องเถอะค่ะ เรื่องระหว่างเรามันจบไปนานแล้ว คุณกลับไปซะ ไปอยู่กับครอบครัวของคุณที่กรุงเทพฯ แล้วลืมอดีตที่ลานเทให้หมด”
“แต่ว่า...”
“ไม่มีแต่ค่ะ ไม่ว่ายังไงศรีนวลก็จะไม่มีวันกลับไปหาคุณ ลาก่อนค่ะ”
ศรีนวลเดินจากไป ทิ้งเลอสรรยืนซึมอยู่ที่ท่าน้ำ
กำนันธง ผู้ใหญ่ต้อง บุญเหลือ และชาวบ้านยังคงจับกลุ่มพูดคุยกันอยู่ ศรีนวลเดินเข้ามา
“ศรีนวล ตกลงว่าไง”
“ทุกอย่างเหมือนเดิมจ้ะ ไม่มีอะไรทั้งนั้น” ศรีนวลเดินเข้าไปหากำนันธง “พ่อจ๋า คนอย่างศรีนวลเจ็บแล้วจำ ไม่ว่ายังไงศรีนวลก็จะไม่กลับไปเดินเส้นทางเก่าให้ทุกคนเจ็บอีกต่อไป”
“เอ็งทำถูกแล้วศรีนวล ถึงเราจะเป็นหมา เราก็ต้องมีศักดิ์ศรี”
ศรีนวลโผเข้ากอดกำนันธงแล้วร้องไห้ บุญเหลือเดินเข้ามาหาแม่แล้วกอดปลอบใจ
เลอสรรเดินมาที่เรือซึ่งจ่าสมหมายและคนขับกำลังรออยู่ ท่าทางของเลอสรรดูเศร้าซึม
“จะกลับกรุงเทพฯ กันเลยมั้ยครับ ท่านรอง”
“อืม”
ขณะที่ทุกคนกำลังจะเดินขึ้นเรือ จู่ๆ ดาวก็วิ่งเข้ามาหา
“เดี๋ยวค่ะ เดี๋ยว”
“หนูดาว”
“จะเข้ากรุงเทพฯ ใช่มั้ยคะ”
“ใช่”
“ดาวขอไปด้วยนะคะ”
“แล้วแม่ศรีนวลของหนูล่ะ”
“คือ เอ้อ...พอดีดาวมีธุระที่ต้องทำที่กรุงเทพฯเลยอยากจะขอติดเรือไปด้วย แม่ศรีนวลกับตารู้เรื่องแล้วค่ะ ขอดาวไปด้วยนะคะ”
“งั้นก็ลงมา”
ดาวและทุกคนพากันลงเรือ จากนั้นเรือก็แล่นออกไป
บุญเหลือกับผู้ใหญ่ต้องกำลังเดินตามหาดาวอยู่ที่ท่าเรือ แต่ไม่เห็น
“ดาวมันหายไปไหนนะ เมื่อกี้ยังอยู่ที่หน้าบ้านอยู่เลย แป๊บเดียวหายตัวไปซะแล้ว”
“นั่นซิ บนบ้านก็ไม่มี ท่าน้ำก็ไม่มี”
เรือของเลอสรรแล่นผ่านไป ทุกคนหันไปมอง
“คุณเลอสรรกลับแล้ว”
“ตอนมามี 3 ทำไมตอนกลับเพิ่มอีก 1”
“อีกคน คลับคล้ายคลับคราอยู่นะว่ามั้ย”
“ดาว”
บุญเหลือมองเรือที่แล่นไปจนลับตาด้วยความแน่ใจว่าดาวอยู่บนเรือนั่น
บุญเหลือ ผู้ใหญ่ต้อง กำลังเล่าเรื่องที่เห็นดาวให้กำนันธงและศรีนวลฟัง
“แน่ใจนะบุญเหลือว่าดาวอยู่บนเรือกับคุณเลอสรร”
“แน่ใจจ้ะแม่ ดาวกับบุญเหลือเห็นกันแค่แว๊บเดียวก็จำกันได้แล้ว”
“ก็ไหนเอ็งบอกคุณเลอสรรไปว่าดาวมันเป็นเด็กกำพร้า แล้วไหงมันเป็นแบบนี้”
“ศรีนวลก็ไม่รู้เหมือนกันจ้ะพ่อ ว่าเรื่องมันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง”
“หรือว่าดาวมันแอบได้ยินเรื่องที่ศรีนวลโกหก มันก็เลยน้อยใจ”
“เป็นไปได้ มีอยู่ช่วงนึงที่ดาวมันหายไป”
“ตายจริง ดาวลูกแม่”
ศรีนวลรู้สึกวิตกกังวล เป็นห่วงดาว
เรือของเลอสรรแล่นเข้ามาจอดที่ท่าเรืองกรุงเทพ ทุกคนเดินขึ้นที่ท่า
“ถึงกรุงเทพฯ แล้ว เธอจะไปธุระที่ไหน”
“เอ้อ...ที่ เอ้อ...ตรงโน้นจ้ะ”
“แล้วจะกลับเมื่อไหร่”
“เดี๋ยวก็กลับแล้ว มาแป๊บเดียว”
“กลับบ้านถูกนะ”
“ถูกจ้ะท่าเรืออยู่แค่นี้เอง ขอบพระคุณมากนะคะ”
“ชั้นไปล่ะ”
เลอสรร จ่าสมหมายและคนขับพากันเดินออกไป ดาวยืนมองตามแล้วรู้สึกว้าเหว่ ไม่รู้จะไปไหน เพราะเธอเองก็ไม่รู้จักเส้นทางในกรุงเทพฯเลย
ดาวเดินมาตามทาง ท่าทางดูงงๆ ไม่รู้จะไปทางไหนดี ดาวเดินมายืนมองร้านขนมแห่งหนึ่งด้วยสายตาหิวโหย อยากกินแต่ไม่มีเงินจึงได้แต่ยืนมองสักครู่ดาวก็ตัดใจเดินออกไป ภายในร้านคุณนายศรีสอางค์และบัว กำลังยืนเลือกขนมกันอยู่
“แบบนี้เอาไว้กินตอนเช้า ส่วนถุงนี้เอาไปฝากแม่เดือนให้ไปเยี่ยมพ่อระพีที่โรงพยาบาล เค้าว่าไม่ได้ว่าไปมามือเปล่า ช่วยชั้นจำด้วยนะแม่อ้อย”
“เจ้าค่ะ”
“เอาละไปจ่ายสตางค์”
คุณนายศรีสอางค์หยิบเงินส่งให้บัวไปจ่าย
คุณนายศรีสอางค์และบัว เดินออกจากร้านขนมแล้วเดินไปดูร้านอื่นๆ ข้างทาง สักครู่ก็เห็นหัวขโมยคนหนึ่งเดินตามคุณนายศรีสอางค์แล้วเมื่อได้จังหวะก็กระชากกระเป๋าวิ่งหนีออกไป
“ช่วยด้วยๆๆ”
“ขโมยๆ ช่วยด้วยๆ”
ดาวซึ่งเดินโต๋เต๋อยู่แถวนั้นเห็นเหตุการณ์จึงรีบวิ่งตามหัวขโมยไป
“หยุดนะ หยุด”
ดาววิ่งไล่กรวดหัวขโมยมาตามทาง แล้วจากนั้นก็กระโดดคว้าคอเสื้อทำให้ขโมยเสียหลักล้มลง ขโมยลุกขึ้นได้ก็หันมาทำร้ายดาว
“ยุ่งกับเรื่องของชาวบ้านดีนักนะมึง”
หัวขโมยทำร้ายดาว แต่ดาวก็ต่อสู้สุดฤทธิ์ ในที่สุดหัวขโมยก็ล้มลงไป คุณนายศรีสอางค์และบัววิ่งตามมา ดาวหยิบกระเป๋าส่งให้
“นี่ฮะ”
คุณนายศรีสอางค์และดาวมองหน้ากัน ต่างคนต่างก็จำได้ว่าเคยเจอกันมาก่อน
“ดาว ดาวใช่มั้ย”
“ค่ะ เอ้อ...”
ยังไม่ทันที่จะตอบ หัวขโมยก็ฟื้นขึ้นมาแล้วคว้าไม้มาฟาดที่ด้านหลังของดาว ดาวล้มลง
“ว้าย”
ชาวบ้านแถวนั้นเห็นเหตุการณ์ก็วิ่งเข้ามาแล้วช่วยกันจับหัวขโมย
“ส่งตำรวจไปเลยค่ะ มันเป็นขโมย”
คุณนายศรีสอางค์รีบเข้าหาดาวซึ่งนอนสลบอยู่
“หนูดาว หนูดาว”
คุณนายศรีสอางค์พยายามปฐมพยาบาลดาว แต่ดาวสลบไม่ฟื้น
บ้านท่านผู้ว่าทรงยศ ดาวได้รับการปฐมพยาบาลจากคุณนายศรีสอางค์ ท่านผู้ว่าทรงยศ และบัว สักครู่ดาวก็ฟื้นขึ้นมา
“หนูดาวฟื้นแล้ว”
“เอ้อ...คุณท่าน”
ดาวยกมือไหว้ท่านผู้ว่าทรงยศและคุณนายศรีสอางค์
“ขอบใจมากนะที่มาช่วยแม่ศรีสอางค์เอาไว้ ไม่อย่างงั้นคงจะเสียหายหลายหมื่นทีเดียว”
“เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ แท้ๆ แต่สู้กับผู้ชายตัวใหญ่ๆ ได้ ขอบใจเธออีกครั้งนะแม่ดาว”
“ค่ะ”
“แล้วนี่เธอมาทำอะไรที่กรุงเทพฯ พักอยู่ที่ไหน”
ดาวอึกอัก ตอบไม่ถูก
สร้อยเพชรกำลังหงุดหงิดไม่พอใจ ขณะที่กำลังพูดคุยอยู่กับคุณนายศรีสอางค์และท่านผู้ว่าทรงยศ
“อะไรนะคะ จะให้นังเด็กนั่นมาพักที่นี่ ทำแบบนี้ได้ยังไงกันคะคุณแม่”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะแม่สร้อยเพชร หนูดาวเค้ามีบุญคุณกับแม่ แม่ก็ต้องตอบแทนเค้าบ้างซิจ้ะ”
“แต่มันเป็นเด็กไม่มีหัวนอนปลายตีน คุณเลอสรรก็บอกอยู่แล้วนี่คะว่ามันไม่ใช่ลูกของแม่ศรีนวล เป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้”
“แล้วมันแปลกตรงไหน ถึงหนูดาวจะเป็นเด็กไม่มีพ่อไม่มีแม่ แต่เค้าก็เป็นคนมีน้ำใจ แล้วอีกหน่อยชั้นก็อาจจะรับมาเลี้ยงเป็นลูกเป็นหลานอีกคนก็ได้”
“ดีเหมือนกันนะคะคุณ ชั้นน่ะเอ็นดูเด็กคนนี้จริงๆ”
สร้อยเพชรแอบเบะปากไม่พอใจ
วันต่อมาบุญเหลือมายืนรอเรืออยู่กับศรีนวล โดยมีชาวบ้านยืนรออยู่ด้วยประปราย
“อธิบายให้น้องเข้าใจนะบุญเหลือ ว่าแม่ไม่ได้หมายความอย่างที่พูดจริงๆ”
“ครับแม่ ดาวมันเป็นคนโกรธง่ายหายเร็ว คิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ”
“แน่ใจนะว่าจะไม่หลงทาง”
“ผมเอาตัวรอดได้อยู่แล้วครับแม่ ไปนะครับ”
“ขอให้พระคุ้มครองนะ”
บุญเหลือเดินขึ้นเรือ เรือแล่นออกไป
ส่วนบ้านท่านผู้ว่าทรงยศ ดาวนั่งอยู่ต่อหน้า เลอสรร สร้อยเพชร เดือน เกียรติกล้า ท่านผู้ว่าทรงยศ คุณนายศรีสอางค์ ลุงมหา บัวและสาวใช้ทุกคน
“ไม่นึกเลยว่า เราจะได้มาเจอกันที่นี่อีก” เลอสรรบอก
“ค่ะ คุณท่านใจดีกับดาวมาก ดาวต้องกราบขอบพระคุณเจ้าค่ะ”
ดาวกราบคุณนายศรีสอางค์ คุณนายศรีสอางค์ลูบหัวดาวด้วยความเอ็นดู
“หนูดาวเล่าให้แม่ฟังเรื่องที่เป็นเด็กกำพร้า แม่ก็รู้สึกสงสาร ไม่อยากให้ไปตกระกำลำบากที่ไหนอีก เลยรับมาอยู่ซะด้วยกันที่นี่”
“ชั้นขอประกาศต่อหน้าทุกคนในบ้านหลังนี้ ว่าต่อไปหนูดาวจะเป็นหลานของชั้นคนหนึ่ง ขอให้ทุกคนยกย่องให้เกียรติเสมอยายเดือน ตาเกียรติกล้า” ท่านผู้ว่าทรงยศบอก
“แต่ผมเป็นหลานแท้ๆ นะครับคุณปู่ ทำไมต้องเสมอกันด้วย”
“นั่นซิคะ เทือกเขาเหล่ากอเป็นใครจากไหนก็ไม่รู้”
“บอกกี่ครั้งแล้วแม่สร้อยเพชร ไม่ว่าหนูดาวจะเป็นใครมาจากไหน ชั้นไม่เคยสนใจ ขอให้เป็นเด็กดีแค่นี้ชั้นก็พอใจแล้ว”
“เดือนดีใจที่พี่ดาวมาอยู่ด้วยค่ะ”
“ค่ะ คุณเดือน” ดาวหันไปพูดกับสร้อยเพชร “ดาวขอฝากตัวด้วยนะคะ หากที่ผ่านมาดาวเคยล่วงเกินอะไร โปรดเมตตาให้อภัยดาวด้วยนะคะ”
สร้อยเพชรเมินหน้าไม่ตอบ ทำให้เลอสรรต้องรีบออกตัวแทน
“ไม่ต้องคิดมากหนูดาว บ้านของเรายินดีต้อนรับ”
ดาวยิ้มดีใจและยิ้มทักทายกับทุกคนในห้อง
คุณนายศรีสอางค์ ดาวและเดือน พากันเดินเข้ามาในห้องนอนห้องหนึ่งซึ่งต่อไปจะเป็นห้องนอนของดาว
“ต่อไปดาวนอนห้องนี้นะ ถึงจะเล็กไปหน่อยแต่ก็เป็นสัดส่วนไม่ปะปนกับใครนะลูกนะ”
“ขอบพระคุณคุณท่านมากนะคะที่เมตตาดาว”
“แล้วห้ามเรียกว่าคุณท่าน ให้เรียกว่าคุณย่าเหมือนที่ยายเดือนเค้าเรียก”
“ค่ะคุณท่าน เอ้อ...คุณย่า”
“เรื่องเสื้อผ้าไม่ต้องเป็นห่วงนะ ใส่ของเดือนไปก่อน แล้วเสาร์อาทิตย์เดือนจะพาไปเดินหาเสื้อผ้าใหม่ๆ”
“ดีแล้วลูกเดือน ต่อไปให้ถือว่าเป็นพี่น้องรักใคร่กลมเกลียวกันอย่าแบ่งเค้าแบ่งเรา”
“ค่ะคุณย่า”
“คุยกันไปก่อนนะ ประเดี๋ยวย่าต้องไปดูแลคุณปู่”
“ค่ะ”
ศรีสอางค์เดินออกไป เดือนและดาวช่วยกันปูที่นอน สักครู่ก็เห็นสร้อยเพชรเดินเข้ามา
“ยายเดือน”
“คะคุณแม่”
“กลับห้อง”
“แต่ว่าเดือนยังช่วยดาวปูที่นอนไม่เสร็จ”
“แม่บอกให้กลับห้อง” สร้อยเพชรส่งสายตาดุ ทำให้เดือนจำต้องเลี่ยงออกจากห้องไป สร้อยเพชรหันมาหาดาว
“อย่าคิดนะว่าเธอจะมาเสวยสุขในบ้านหลังนี้”
“ดาวก็ไม่ได้คิดจะทำแบบนั้นหรอกค่ะ”
“ดี แล้วแกจะได้รู้ว่านรกมีจริง”
สร้อยเพชรมองดาวอย่างเหยียดหยามแล้วเดินออกจากห้องไป
สร้อยเพชรตามเดือนมาที่ห้องและหยิกเดือนด้วยความโมโหระคนหมั่นไส้
“โอ๊ย คุณแม่ มาหยิกเดือนทำไม เดือนทำอะไรผิดคะ”
“ยังจะถามอีก แกเป็นญาติพี่น้องกับมันตั้งแต่เมื่อไหร่ ถึงได้ไปดูแลช่วยเหลือนังเด็กนั่น”
“แต่คุณย่าบอกว่าให้รักกันเหมือนพี่น้อง”
“ใครจะพูดยังไง แกต้องเชื่อเค้าซะทุกอย่างใช่มั้ย แกไม่เชื่อแม่ของแกแล้วใช่มั้ย หา...”
สร้อยเพชรหยิกเดือนต่อ เดือนเจ็บ
“โอ๊ย เดือนเจ็บค่ะคุณแม่ อย่าทำเดือน”
“แกมันอกตัญญู แกลืมที่แม่บอกแล้วใช่มั้ย หรือว่าแกอยากให้แม่ตายเร็วๆ”
“เดือนจำได้แล้วค่ะคุณแม่ เดือนจะไม่เห็นใครสำคัญกว่าคุณแม่อีกแล้ว”
“ดี จำแล้วก็ทำด้วย เลือดต้องข้นกว่าน้ำ แกจะเห็นใครสำคัญไปกว่าแม่แท้ๆ ไม่ได้ แม่สั่งอะไรแกต้องทำตาม”
“ค่ะ เดือนจะเชื่อฟังคุณแม่ค่ะ คุณแม่อย่าทำเดือนนะคะ เดือนเจ็บ”
เดือนแสร้งทำเป็นเชื่อฟัง ทั้งๆ ที่จำใจต้องทำ
วันต่อมาที่โรงพยาบาลจันทร์เจ้ากำลังดูแลระพีซึ่งบัดนี้ฟื้นได้สติแล้ว สักครู่สร้อยเพชรก็พาเดือนเข้ามา
“สวัสดีค่ะคุณพี่”
“ตายจริงมากันแต่เช้าเลย”
“ก็ยายเดือนซิคะ รบเร้าให้รีบมา แกเป็นห่วงพ่อระพีน่ะค่ะ เป็นไงจ้ะ ยังเจ็บแผลอยู่หรือเปล่า” สร้อยเพชรหันไปถามระพี
“ไม่แล้วครับ”
สร้อยเพชรเอาขันและผ้าขนหนูจากจันทร์เจ้าส่งให้เดือน
“ปล่อยให้เด็กๆ เค้าคุยกันดีกว่านะคะ เดี๋ยวเราไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันที่ข้างล่างดีกว่า” สร้อยเพชรบอกกับจันทร์เจ้า
“ก็ดีเหมือนกัน กำลังหิวพอดี”
“มาซิแม่เดือน มาเช็ดตัวพี่เค้าหน่อยซิจ้ะ เดี๋ยวแม่มา”
สร้อยเพชรกับจันทร์เจ้าพากันเดินออกไป ปล่อยให้เดือนเช็ดตัวให้ระพี
“คุณเดือน”
“คะ”
“ชีวิตคนเรามันสั้นนะ คุณว่ามั้ย”
“ค่ะ บางที่ความตายก็จู่โจมเข้ามาเร็วจนเราตั้งตัวไม่ติด”
“รอดตายคราวนี้ ทำให้ผมหันกลับมามองชีวิตใหม่อีกครั้ง คุณเดือนครับ ชีวิตที่เหลืออยู่ คุณเดือนอยากจะอยู่อย่างมีความสุขกับคนที่คุณเดือนรักใช่มั้ย”
เดือนนิ่งอึ้ง นึกถึงบุญเหลือ
“ค่ะ”
“ผมเองก็อยากทำแบบนั้นเหมือนกัน ผมรักดาว อยากอยู่กับดาว คุณเดือนก็รักบุญเหลือ เราสองคนไม่ควรฝืนใจทำในสิ่งที่เราไม่ชอบนะครับ” เดือนน้ำตาคลอ
“ค่ะ แต่เดือนขัดผู้ใหญ่ไม่ได้”
“ผมเข้าใจครับ แต่ผมอยากให้คุณเดือนกลับไปคิดดูอีกครั้งว่าเราสองคนจะทำยังไงกันต่อไป”
“ค่ะ คิดได้เมื่อไหร่ เดือนจะมาบอกคุณ”
เดือนยิ้มเศร้าๆ พยายามครุ่นคิดถึงหนทางที่เธอจะเป็นอิสระจากพันธะที่แม่ผูกไว้ให้
ที่วัดแห่งหนึ่งในกรุงเทพ บุญเหลือกำลังก้มลงกราบเจ้าอาวาส
“ขอบพระคุณครับหลวงพ่อ ผมคงจะอาศัยนอนไม่นาน ตามตัวน้องสาวของผมเจอเมื่อไหร่ก็จะกลับลานเททันที”
“แล้วพอจะรู้จักถนนหนทางใช่มั้ย”
“ก็พอจำได้บ้างครับ คิดว่าคงหาไม่ยาก”
“เรื่องข้าวปลาอาหารก็กินซะที่วัดนะ ไม่ต้องเกรงใจ ว่างๆ ก็ช่วยปัดกวาดลานวัดให้บ้าง”
“ได้ครับหลวงพ่อ”
เจ้าอาวาสเดินออกไป บุญเหลือเก็บกระเป๋าเสื้อผ้าเข้ามุมแล้วหยิบไม้กวาดมาปัดถูทำความสะอาดสถานที่
บุญเหลือออกเดินตามหาทางไปบ้านท่านผู้ว่าทรงยศแต่ปรากฏว่าจำทางไม่ได้จึงเดินวกไปวนมา ขณะนั้นเดือนกำลังเดินซื้อของอยู่ที่หน้าร้านค้าแห่งหนึ่ง ห่างออกไปเห็นบุญเหลือกำลังเดินมาแต่ทั้งคู่มองไม่เห็นกัน รถคันหนึ่งแล่นมาจอดริมถนน สร้อยเพชรเดินออกจากร้านค้าแล้วเรียกเดือนให้ขึ้นรถ
“แม่เดือนๆ”
“ไปแล้วค่ะ”
เดือนเดินไปขึ้นรถ ขณะนั้นเองที่บุญเหลือหันไปเห็นเดือนแต่รถแล่นออกไปแล้ว บุญเหลือรีบวิ่งตาม
“เดือนๆ คุณเดือน”
บุญเหลือวิ่งตามรถไป
รถของสร้อยเพชรแล่นเข้ามาในรั้วบ้านแล้วจอดที่หน้าบ้าน เดือนและสร้อยเพชรลงจากรถเดินเข้าบ้านไป สักครู่ก็เห็นบุญเหลือวิ่งตามมา บุญเหลือทั้งหอบ เหนื่อย มองเข้าไปในบ้านเห็นรถก็จำได้
“อยู่นี่เอง” บุญเหลือพยายามหาทางเข้าไปในบ้านแต่ประตูล็อกไว้ จังหวะนั้นบัวเดินผ่านมา บุญเหลือจึงเรียกไว้ “พี่ๆ”
“ใครน่ะ”
“พี่ๆ มานี่หน่อย”
“มาหาใคร”
เกียรติกล้าเดินออกจากบ้านมาเรียกบัว
“พี่บัว คุณแม่เรียก”
“ค่ะๆ”
“แล้วนั่นใครน่ะ” เกียรติกล้าเห็นบุญเหลือไม่ถนัด จึงจำไม่ได้
“ไม่รู้ค่ะ ท่าทางแปลกๆ”
“อย่าเปิดรับนะ ยังไงก็เรียกตำรวจมาจับเลย”
บุญเหลือยืนมอง ไม่ชอบใจกับท่าทางของเกียรติกล้า
“ไอ้เด็กบ้านั่นก็อยู่นี่ วันนี้คงไม่เหมาะ ไว้ค่อยมาใหม่”
บุญเหลือเดินออกไป
มุมหนึ่งของบ้าน ดาวกำลังนั่งอ่านหนังสือวรรณคดีให้ท่านผู้ว่าทรงยศและคุณนายศรีสอางค์ฟัง เมื่ออ่านจบ ทุกคนก็ชื่นชม
“อ่านหนังสือได้ดี ถ้าไม่บอกว่ามาจากบ้านนอกก็ไม่รู้เลยนะ”
“นั่นซิ ครูที่นั่นสอนมาดี”
“แม่ศรีนวลสอนค่ะ คุณย่า”
“แม่ศรีนวลของเธอนี่ ดูท่าจะเก่งทุกอย่างเลยนะ”
“ค่ะ แม่ศรีนวลทำอาหารก็เก่ง สอนหนังสือก็เก่ง สอนมวยก็เก่ง ว่าลำตัดก็เก่ง”
“เรื่องนี้ชั้นก็เคยได้ยินชาวบ้านพูดมาเหมือนกัน”
“มิน่า ตาเลอสรรถึงได้หลงหัวปักหัวปำ”
“แล้วแม่ศรีนวลเคยเล่าให้ฟังหรือว่าพ่อแม่หนูเป็นใคร”
ดาวน้ำตาคลอด้วยความน้อยใจ
“หนูเป็นเด็กกำพร้าที่แม่ศรีนวลเก็บมาเลี้ยงไว้”
“โถ...ไม่ต้องร้องไห้ ยังไงตอนนี้เธอก็มีย่ามีปู่ใครทำอะไรหนูไม่ได้หรอก มามะ มาให้ย่ากอดหน่อยซิ”
ดาวเข้าไปกอดคุณนายศรีสอางค์ สร้อยเพชรยืนแอบมองด้วยความริษยา
เช้าวันต่อมาขณะที่ลุงมหากำลังตัดหญ้า ดูแลต้นไม้อยู่ ก็เห็นดาวเดินเข้ามาหา
“คุณดาว”
“อย่าเรียกคุณเลยจ้ะ เรียกดาวเฉยๆ ดีกว่า”
“ไม่ได้หรอกครับ คุณท่านสั่งเอาไว้ลุงไม่กล้าขัดคำสั่ง เอ้อ มีอะไรให้ลุงรับใช้ครับ”
“เปล่าหรอกจ้ะ ดาวแค่อยากจะมาช่วยงาน มาให้ดาวช่วยนะ”
ดาวพยายามจะเข้ามาช่วยตัดหญ้า แต่ลุงมหาไม่ยอม
“ไม่ได้ครับ ไม่ได้ ไอ้นี่มันงานของลุง คุณดาวไม่ต้องช่วยหรอกครับ”
“แต่ดาวไม่รู้จะทำอะไรนี่จ้ะ มันอยู่ว่างๆ” เดือนเดินออกมาที่หน้าตึก เดินไปขึ้นรถที่จอดรอโดยมีบัวหอบกระเช้าเยี่ยมไข้ตามไปด้วย “นั่นคุณเดือนจะไปไหนกันนะ”
“คงจะไปเยี่ยมคุณระพี”
“คุณระพีเป็นอะไรหรือคะ”
“คุณดาวคงยังไม่รู้ว่า คุณระพีโดนยิงนอนเจ็บอยู่ที่โรงพยาบาล”
ดาวตกใจ รีบวิ่งไปหาเดือนที่รถทันที
ดาววิ่งมาหาเดือนซึ่งกำลังจะขึ้นรถ
“คุณเดือนคะ”
“มีอะไรจ้ะ”
“คุณเดือนจะไปเยี่ยมคุณระพีใช่มั้ย”
“ใช่จ้ะ”
“ขอดาวไปด้วยนะคะ”
“ได้ งั้นก็ขึ้นรถซิจ้ะ”
“ขอบคุณค่ะ”
ดาวและเดือนพากันขึ้นรถ คนขับรถขับรถออกไป สร้อยเพชรและเกียรติกล้าเดินออกจากตึกมามอง
“ทำไมแม่เดือนพี่แกทำแบบนี้” สร้อยเพชรบ่นอย่างหงุดหงิด
“นั่นซิครับคุณแม่ ผมไม่ชอบเลย”
“เกียรติกล้า แกไปโรงพยาบาลกับแม่”
“ได้เลยครับ เดี๋ยวผมไปตามรถให้ คุณแม่รอแป๊บนึง”
เกียรติกล้าเดินไปเรือนคนใช้ สร้อยเพชรรอที่หน้าตึก
อ่านต่อเวลา 17.00น.
เลือดเจ้าพระยา ตอนที่ 10 (ต่อ)
ที่โรงพยาบาล ระพีนอนหลับอยู่บนเตียง ดาว เดือนและบัวซึ่งหอบกระเช้าของฝากเดินเข้ามา ดาวรีบไปยืนที่ข้างเตียงด้วยความเป็นห่วง เดือนมายืนข้างๆ
“อาการตอนนี้ ไม่น่าเป็นห่วงแล้วจ้ะ หมอบอกว่าแผลหายเร็ว”
“ดาวไม่รู้มาก่อนเลยว่าคุณระพีบาดเจ็บขนาดนี้”
ระพีค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา เมื่อเห็นดาวก็ดีใจ
“นี่ผมฝันไปหรือเปล่า”
“ไม่ได้ฝันค่ะ ดาวมาเยี่ยมคุณระพีจริงๆ”
“ตอนนี้ดาวจะมาอยู่กับเดือนที่บ้านค่ะคุณระพี ในฐานะหลานของคุณปู่ คุณย่าคนหนึ่ง”
“แสดงว่าเราจะได้เจอหน้ากันบ่อยๆ แล้วซินะ”
“ค่ะ จากนี้ไปดาวจะมาอยู่กรุงเทพฯ อย่างน้อยก็จนกว่าคุณระพีจะหายดี”
“งั้นผมจะไม่ยอมหายป่วย จะเจ็บอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ”
ดาวยิ้มเขินกับคำพูดหวานๆ ของระพี
“คุณระพีทานขนมที่คุณย่าฝากมาดีกว่า ขอขนมหน่อยพี่บัว” บัวจัดขนมใส่จานส่งให้ เดือนรับมาแล้วส่งให้ดาว
“ป้อนคุณระพีซิดาว”
“ได้ค่ะ”
ดาวรับจานขนมมาแล้วป้อนให้ระพี เดือนหันมาหาบัวแล้วส่งสายตาให้ตามออกไปนอกห้อง ปล่อยดาวและระพีอยู่ด้วยกันสองต่อสอง
เดือนและบัวพากันเดินออกมาหน้าห้อง
“คุณเดือนออกมาทำไมคะ มีอะไรหรือคะ” บัวถามอย่างแปลกใจ
“ปล่อยให้สองคนนั่นเค้าอยู่ด้วยกัน เราอย่าไปเป็นก้างขวางคอเค้าเลยจ้ะพี่อ้อย”
“อ้าว...แต่คุณระพีเป็นคู่หมั้นคุณเดือนไม่ใช่เหรอคะ”
“ก็ใช่ แต่ว่า... เดือน เดือนทำใจให้รักคุณระพีไม่ได้ซักที”
“แสดงว่าคุณเดือนมีคนรักแล้วเหรอคะ”
“ใช่จ้ะพี่อ้อย ตั้งแต่วันที่คุณระพีโดนยิง เดือนก็รู้เลยว่าชีวิตคนเรามันสั้นเหลือเกิน อาจจะตายเมื่อไหร่ก็ได้ เดือนเลยไม่อยากฝืนใจตัวเองอีกต่อไป”
สร้อยเพชรและเกียรติกล้าเดินเข้ามา
“แกพูดอะไรของแก แม่เดือน”
“คุณแม่”
“จำที่แม่สั่งไม่ได้ใช่มั้ยว่าแกต้องแต่งงานกับคุณระพี”
“เอ้อ คือว่า...”
“ตามแม่มาเดี๋ยวนี้”
สร้อยเพชรพาเดือน เดินเข้าไปในห้องคนไข้อีกครั้ง เกียรติกล้าและบัวรีบตามไป
ขณะนั้นดาวกำลังป้อนขนมให้ระพีอยู่อย่างมีความสุข ประตูเปิดออก ทุกคนพากันเดินเข้ามา สร้อยเพชรตีบทใสซื่อใจดี เข้าหาระพี
“ว่าไงคะคุณระพี ท่าทางวันนี้อาการดีขึ้นเยอะเลยนะคะ” ระพีพยายามจะยกมือไหว้ แต่สร้อยเพชรห้ามไว้ “ไม่ต้องไหว้หรอกจ้ะ คนป่วยประเดี๋ยวแผลจะกระเทือน” สร้อยเพชรมองขนมที่ดาวกำลังป้อน “ตาย แล้วนี่กินขนมแบบนี้ได้แล้วเหรอ น้าว่ามันไม่เหมาะนะ”
สร้อยเพชรกระชากจานขนมจากมือดาวส่งให้เกียรติกล้า เกียรติกล้ารับไปแล้วส่งต่อให้บัว
“แต่ขนมนี่ก็อร่อยดีนะครับ”
“คุณย่าเป็นคนซื้อมาฝากคุณระพีเองค่ะ” บัวบอก สร้อยเพชรหันไปส่งสายตาดุบัวให้เงียบ แล้วหันไปหาระพี
“แต่น้าว่ามันย่อยยาก ช่วงนี้ระพีต้องทานอะไรอ่อนๆ ไปก่อน เอ้อ แม่ดาว ไปธุระกับน้าหน่อยนะจ๊ะ”
ดาวงงๆ รีรอ รู้สึกไม่ค่อยวางใจกับท่าทีของสร้อยเพชร
“เร็วซิพี่ดาว ไปธุระกับคุณแม่ก่อน ทางนี้ปล่อยให้พี่เดือนดูแลพี่ระพีคนเดียวก็พอ”
“นั่นซิ ให้คู่หมั้นคู่หมายเค้าอยู่ด้วยกันสองต่อสอง เราอย่าไปขัดคอเค้าเลย มากับน้าเร็ว” สร้อยเพชรดึงดาวให้ออกจากห้องแล้วหันไปหาเดือน “แม่เดือน อย่าลืมที่แม่สั่ง ดูแลคุณระพีให้ดี”
“ค่ะ คุณแม่”
สร้อยเพชร ดาว เกียรติกล้าพากันเดินออกจากห้องไป ปล่อยระพี เดือน บัวอยู่ในห้อง
สร้อยเพชรลากดาวออกมาแล้วพาเดินไปตามทางเดิน โดยมีเกียรติกล้าเดินตาม สร้อยเพชรแสดงธาตุแท้ของเธอทันที
“เธอสาระแนมาที่นี่ทำไม”
“ดาวมาเยี่ยมคุณระพี”
“แต่คุณระพีกำลังจะแต่งงานกับแม่เดือนลูกสาวชั้น เธอไม่ควรจะมาทำให้คุณระพีไขว้เขว”
“หรือว่าอยากจะได้ชื่อว่าเป็นมือที่สาม ทำให้คู่รักเค้าแตกกัน”
“อย่ามากล่าวหากันนะ”
“ตาเกียรติกล้าไม่ได้กล่าวหา แต่เห็นกับตา ที่ชั้นดึงแกออกมาจากห้องก็เพื่อจะเตือนแกไว้ว่าอย่ามาจุ้นจ้านกับว่าที่ลูกเขยชั้น หวังว่าแกคงจะเข้าใจนะ”
“ค่ะ”
“เข้าใจก็ดีแล้ว ตามชั้นมา ชั้นจะพาแกกลับบ้าน”
“แต่...”
“ไม่ต้องมีแต่ ที่นี่ไม่ใช่ที่ของแก ตามมา”
สร้อยเพชรดึงดาวให้เดินตาม ดาวจำใจต้องไป ไม่กล้าขัดขืน
เมื่อถึงบ้านสร้อยเพชรพาดาวเดินเข้ามายังห้องรับแขกซึ่งคุณนายศรีสอางค์นั่งรออยู่ จากนั้นสร้อยเพชรก็เข้ามาฟ้องคุณนายศรีสอางค์ทันที
“คุณแม่คะ เห็นทีเรื่องนี้สร้อยเพชรต้องรบกวนคุณแม่ช่วยกำราบแม่ดาวทีเถอะค่ะ สร้อยเพชรกลุ้มใจเหลือเกิน”
“มีเรื่องอะไรกันรึ แม่สร้อยเพชร”
“ก็แม่ดาวน่ะซิคะคุณแม่ ชอบไปทำรุ่มร่ามกับคุณระพี ขนาดคุณระพีนอนป่วยอยู่โรงพยาบาลก็ยังตามไปเยี่ยมไข้ดูแลเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ สร้อยเพชรว่ามันไม่เหมาะเลยจริงๆ”
“นี่พูดอะไร ดาวไม่ได้ทำแบบนั้นนะ”
“ตายจริงแม่ดาว ยังจะมาเถียงอีก วันนี้เธอไปที่โรงพยาบาลจริงหรือเปล่า บอกชั้นมาหน่อยซิ”
“ไปค่ะ”
“เห็นมั้ยคะคุณแม่ เพิ่งมาอยู่กรุงเทพฯ ไม่กี่วันก็วิ่งไปหาผู้ชายที่โรงพยาบาล แม่เดือนก็เอาแต่ใสซื่อ ไม่ทันโลก ใครเค้าจะทำอะไรกับคู่หมั้นตัวเองก็ปล่อย วันนี้สร้อยเพชรไปเห็นกับตาเลยละค่ะว่าแม่ดาวกำลังป้อนขนมให้คุณระพีอยู่ที่ข้างเตียง”
“จริงรึดาว”
“ค่ะ”
“เห็นมั้ยคะคุณแม่ ป้อนขนมกันในห้องสองต่อสองลับหลังแม่เดือนแบบนี้มันไม่งามนะคะคุณแม่”
“ที่แม่สร้อยเพชรพูดมา เป็นจริงใช่มั้ย”
“ค่ะ แต่ว่า...”
“ยังจะมีแต่อะไร เธอน่าจะรู้นะว่าแม่เดือนเค้าหมั้นกับพ่อระพี กำลังจะแต่งงานกันอยู่แล้ว ตัวมาอยู่ใหม่ก็อย่ามาทำให้คนรักเค้าเข้าใจผิดกันซิ”
“เอาละแม่สร้อยเพชร เธอออกไปก่อนชั้นเข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้ว เอาไว้เดี๋ยวชั้นจะคุยกับแม่ดาวเค้าเอง”
“ขอบคุณค่ะคุณแม่ งั้นสร้อยเพชรฝากด้วยนะคะ”
สร้อยเพชรเดินออกไป คุณนายศรีสอางค์หันมาหาดาว
“ดาว ย่าเข้าใจนะว่าหนูไม่ได้มีเจตนาเกินเลยอย่างที่แม่สร้อยเพชรเค้าพูด แต่เอาเป็นว่าตั้งแต่นี้ต่อไปหนูก็อย่าไปที่โรงพยาบาลอีกดีมั้ยจ้ะ”
ดาวอึกอักก่อนจะตอบรับ
“ค่ะ”
คุณนายศรีสอางค์ยิ้มให้ดาวด้วยความเอ็นดู
ภายในป่าแห่งหนึ่ง บันลือ ดำ แดงและพวกลูกน้องซึ่งเป็นพวกทหารพรานรับจ้างกำลังช่วยกันขนอาวุธ และยุทโธปกรณ์ต่างๆ ลำเลียงมาตามทาง
“ไหนเอ็งว่าเตี่ยข้าจะส่งคนมารอรับของ เดินมาตั้งนานแล้วไม่เห็นสักตัว”
“มาโน่นแล้วครับพี่บันลือ”
ลูกน้องเถ้าแก่ชิ้นกลุ่มหนึ่งกำลังเดินเข้ามา
“เถ้าแก่ให้มารับครับพี่”
“เออ ไปช่วยกันขนของตรงโน้น แล้วนำทางข้าไปหาเตี่ยที”
“ครับ”
ทุกคนเข้าไปช่วยกันขนของ แล้วจากนั้นก็พากันเดินไป ระหว่างนั้นเหิม ขวด ซุ่มแอบดูอยู่
“ชักจะไม่ได้การแล้ว”
“รีบกลับไปบอกสมิงดีกว่า”
ขวด เหิมพากันหลบไป แต่แล้วแดงลูกน้องบันลือหันมาเห็น
“เฮ้ย”
แดงสาดกระสุนใส่ขวด เหิมกับพวก
“ใคร”
“พวกไอ้สมิงพี่”
“งั้นพวกเอ็งตามข้ามา ส่วนพวกที่เหลือรีบขนของไป”
บันลือ ดำ แดงและลูกน้องจำนวนหนึ่ง แบ่งกำลังไปตามล่า ขณะที่พวกที่เหลือขนของไปหาเถ้าแก่ชิ้น
ขวด เหิมพากันวิ่งหนี ขณะที่ด้านหลัง บันลือ ดำ แดงและพวกวิ่งตามไล่ยิง ขวด เหิมพากันหลบเข้าที่กำบังแล้วหันไปยิงโต้ตอบทำให้บันลือ ดำ แดง และพวกหลบแล้วจากนั้นต่างฝ่ายต่างก็ยิงกันไปมา
ขวด เหิมเห็นว่ากำลังเสียเปรียบเพราะมีกันแค่ 2 คน จึงพยายามหาทางหนี แต่ปรากฏว่าบันลือ ดำ แดง และพวกตีวงโอบล้อมทำให้สถานการณ์เริ่มคับขัน
ศรีไพรกับโย่ง กำลังเดินหาของป่ากันอยู่ ทั้งคู่ได้ยินเสียงปืนก็ชะงัก
“เสียงปืน”
“ดังมาจากตรงโน้น”
“พี่ขวด พี่เหิม”
“รีบไปตามคนอื่นมาเร็ว”
“ได้”
โย่งรีบวิ่งไปยังผาช่องลม ขณะที่ศรีไพรคว้าอาวุธแล้ววิ่งไปช่วยขวด เหิม
ศรีไพรวิ่งไปยังจุดที่มีการปะทะกันแล้วซุ่มแอบดู เมื่อเห็นว่าขวด เหิม กำลังตกอยู่ในวงล้อม ศรีไพรจึงเริ่มแอบซุ่มยิงลูกน้องของบันลือทีละคนๆ โดยไม่ให้รู้ตัว ลูกน้องข้างๆ บันลือคนหนึ่งโดนยิงล้มลงทำให้บันลือชะงัก รู้สึกผิดสังเกต
“ใครยิงวะ” บันลือหันไปสังเกตเห็นศรีไพร “ที่แท้ก็นังคนสวยนี่เอง”
บันลือรีบหลบออกมา ปล่อยให้ลูกน้องยิงปะทะกันต่อไป
ศรีไพรแอบซุ่มยิงลูกน้องบันลืออยู่แล้วสักครู่ก็เห็นบันลือแอบมาด้านหลังเอาปืนจ่อ
“หยุดนะ”
ศรีไพรชะงักหันมามองเห็นบันลือที่เอาปืนจ่ออยู่ด้านหลัง
“แก”
“ทิ้งปืน”
ศรีไพรวางปืนลงไปแล้วแอบหยิบเอามีดพกออกมาแล้วสะบัดมีดใส่บันลือ บันลือระวังตัวอยู่แล้วจึงโดดหลบ ศรีไพรรีบวิ่ง บันลือสาดกระสุนไล่หลังตามไป
ศรีไพรวิ่งหนีมาสมทบกับขวดและเหิมซึ่งแหวกวงล้อมออกมาได้ ทั้งสามคนพากันวิ่งหลบไปยังมุมหนึ่ง ขณะที่บันลือเข้าสมทบกับดำ แดง และพวก เข้าปิดล้อมพื้นที่
“ล้อมพวกมันเอาไว้ จับตายทุกคน”
บันลือและลูกน้องพากันระดมยิงใส่จุดที่ศรีไพร ขวด เหิมไม่ยั้งกะให้ตายคาที่
ศรีไพร ขวด เหิมช่วยกันตอบโต้จนกระสุนใกล้หมด
“กระสุนจะหมดแล้ว”
“ตายเป็นตาย”
“อย่าเพิ่งแลก ถ่วงเวลาไว้ ประเดี๋ยวสมิงก็มาแล้ว”
ทุกคนช่วยกันยิงตอบโต้ แต่แล้ว บันลือ ดำ แดง ก็โผล่เข้ามาจู่โจม ศรีไพร ขวด เหิมช่วยกันต่อสู้ ทำให้ปืนหล่นไป ศรีไพร ขวด เหิมจึงต้องสู้กับพวกบันลือด้วยมือเปล่า
โย่งเดินนำสมิง เสือเฮี้ยนและพวกเคลื่อนกำลังพลเข้ามา พอเห็นพวกลูกน้องของบันลือกำลังพากันเฮเข้าไปช่วยลูกพี่ สมิง เสือเฮี้ยนและพวกรีบยิงสกัด ทำให้พวกลูกน้องของบันลือแตกกระจาย แล้วยิงต่อสู้กัน
“ยิงปะทะพวกมันแทนสมิงที” สมิงบอกกับเสือเฮี้ยน
“สมิงจะไปไหน”
“ศรีไพร กำลังโดนเล่นงานอยู่ทางโน้น สมิงจะบุกเข้าไปช่วย”
เสือเฮี้ยนกับพวกช่วยกันยิงหลอกล่อเพื่อเปิดทาง ขณะที่สมิงรีบตรงไปช่วยศรีไพร
บันลือต่อสู้กับศรีไพร ขวดกำลังสู้กับดำ เหิมกำลังสู้กับแดง สักครู่ศรีไพรกำลังเสียทีล้มลงไป บันลือกำลังจะเข้าไปซ้ำแต่สมิงก็บุกเข้ามาทำให้บันลือชะงัก
“ไอ้สมิง”
“พวกเอ็งชักจะกำเริบมากไปแล้ว”
สมิงยกปืนขึ้นมา บันลือรีบหลบแล้ววิ่งหนี ดำ แดงเห็นเจ้านายวิ่งก็เลยพากันวิ่งหนีไป จากนั้นพวกลูกน้องคนอื่นๆ ของบันลือที่เหลือก็พากันวิ่งหนีตามไปเช่นกัน เสือเฮี้ยนและพวกรีบเข้ามาสมทบกับสมิง
“เป็นอะไรหรือเปล่าศรีไพร”
“สบายดีพ่อ”
“ถ้าไม่ได้สมิงกับเสือเฮี้ยนมาช่วย พวกเราตายแน่”
“ท่าจะไม่ได้การแล้วนะสมิง เมื่อกี้พวกชั้นเห็นไอ้บันลือมันลำเลียงอาวุธใหม่ๆ แล้วก็มีพวกทหารรับจ้างตามมาเป็นกลุ่มเลย”
“มันซ่องสุมกำลังแบบนี้ คงเตรียมจะบุกผาช่องลมแน่นอน”
“ปล่อยไว้ก็เป็นเสี้ยนหนามนะสมิง”
“สมิงไม่ปล่อยพวกมันไว้แน่”
ใบหน้าสมิงครุ่นคิดถึงแผนการบางอย่าง
ลังใส่อาวุธต่างๆ มากมายถูกวางโชว์เอาไว้ มเหศักดิ์ เถ้าแก่ชิ้น หยิบอาวุธขึ้นมาดูด้วยความพึงพอใจ บันลือ ดำ แดงและพวกยืนอยู่ไม่ห่างนัก
“ดีมากบันลือ มีอาวุธดีๆ แบบนี้พวกเราก็ไม่ต้องกลัวใครอีกแล้ว”
“แต่กว่าจะขนอาวุธเข้ามาได้ อั๊วะก็เกือบแย่นะเตี่ย ดีที่รอดมาได้”
“ไอ้สมิงใช่มั้ย”
“ใช่ เมื่อไหร่จะไปถล่มพวกมันซะที”
“ใจเย็น อีกไม่มานเราจะไปเอาคืนพวกมันแน่นอน”
ใบหน้ามเหศักดิ์มุ่งมันที่จะจัดการสมิงและพวก
ภายในผาช่องลม สมิงกำลังประชุมทุกคนอยู่ที่บริเวณหน้าถ้ำ
“มันสะสมอาวุธมากมายขนาดนี้คิดว่าอีกไม่นานเราโดนบุกแน่”
“สมิงจะจัดการพวกมันเมื่อไหร่”
“พรุ่งนี้”
“แต่ว่าอาวุธพวกเราอาจสู้พวกมันไม่ได้ รอให้พร้อมกว่านี้เถอะสมิง”
“รอซื้ออาวุธมาเพิ่มให้เทียบเท่าพวกมันก็ดีเหมือนกันนะ”
“ใช้เวลากี่วัน”
“อย่าเร็วที่สุดก็คงอาทิตย์นึง ถ้าเงินถึง”
“ช้าไป ถ้ามัวแต่รอให้เราพร้อม พวกมันคงบุกเราก่อนแน่”
“จริงของสมิง พวกมันอยู่แค่ปลายจมูกแบบนี้ ไว้ใจไม่ได้จริงๆ”
“ถ้าจะรบกัน สิ่งที่สำคัญกว่าอาวุธก็คือปัญญา พรุ่งนี้เราต้องรีบชิงลงมือก่อนที่มันจะไหวตัว”
“ดี พรุ่งนี้ขอพวกเราร่วมมือร่วมใจกัน ตายเป็นตาย”
เสือเฮี้ยนยื่นมือออกมา สมิง ศรีไพรและทุกคนเข้ามาจับมือเป็นวงกลมแล้วจากนั้นก็ส่งเสียงขึ้นมาพร้อมกัน
“ตายเป็นตาย”
เสียงตายเป็นตายดังก้องสะท้อนไปทั่วทั้งป่า
เกียรติกล้ากำลังแทงสนุ้กแบบพนันกินเงินอยู่ที่โต๊ะสนุ้กแห่งหนึ่ง ใกล้ๆ กันเห็นขจรศักดิ์ยืนแอบขยิบตาส่งสัญญาณให้ เฉิน เซียนสนุ้กซึ่งกำลังเล่นอยู่กับเกียรติกล้า เฉินพยักหน้าให้ขจรศักดิ์แบบรู้กันแล้วจากนั้นก็เฉินก็แสดงฝีมือแทงสนุ้กและเอาชนะเกียรติกล้าได้ ทำให้เกียรติกล้าตาค้าง นึกไม่ถึงในฝีมือเฉิน
“เฮ้ย อะไรวะ ไหนบอกว่าไอ้เฉินมันเล่นไม่เก่ง”
“มันฟลุคน่ะ เกมนี้ถึงนายจะแพ้ แต่เกมหน้านายชนะแน่”
“แล้วตกลงเกมนี้ต้องจ่ายเท่าไหร่”
“5 พันเอง”
เกียรติกล้าส่งเงินให้ขจรศักดิ์ ขจรศักดิ์นับแล้วแบ่งให้เฉินส่วนหนึ่ง
“ชั้นหมดตัวแล้ว กลับละ”
“เฮ้ย อย่าเพิ่งไปซิ เล่นต่ออีกเกม”
“เงินไม่มีแล้ว หนี้เก่าก็ยังค้างอยู่ตั้ง2หมื่น”
“ไม่เป็นไร ติดหนี้ไว้ก่อนก็ได้คนกันเอง น่า ฝีมืออย่างนายยังไงก็ชนะได้อยู่แล้ว”
“คุณเกียรติกล้าเล่นเก่งกว่าผมเยอะ เมื่อกี้ผมแค่ฟลุค ยังงงอยู่เลยเนี่ยะที่ชนะ”
“เล่นอีกตาเหอะน่ะ จะได้เอาทุนคืนไป”
“ก็ได้”
“งั้นตานี้ลงกันคนละหมื่นไปเลย”
“ตกลง”
เกียรติกล้า ขจรศักดิ์ และเฉิน เริ่มเล่นสนุ๊กกัน โดยขจรศักดิ์แอบสบตาให้เฉินแบบรู้กันเพื่อหลอกกินเงินเกียรติกล้า
วิชัยเดินนำสร้อยเพชร จิตและเพื่อนๆ ในวงไพ่ของสร้อยเพชรเข้ามา
“มาเล่นที่นี่ รับรองครับว่าไม่มีตำรวจมากวนใจแน่ ปลอดภัยหายห่วง”
“นี่คุณ อย่าลืมซิว่าแฟนคุณสร้อยเพชรเป็นใคร”
“ประทานโทษครับคุณสร้อยเพชร แหม...ไอ้ผมก็ลืมไปว่าคุณสร้อยเพชรไม่กลัวเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว”
“ที่ชั้นชวนเพื่อนๆ มาเล่นที่นี่ก็เพราะอยากเปลี่ยนบรรยากาศหวังว่าคงไม่ทำให้ชั้นผิดหวังนะ”
“ไม่ผิดหวังแน่นอน ผมเตรียมห้องวีไอพีไว้ให้คุณสร้อยเพชรกับเพื่อนๆ โดยเฉพาะอยู่แล้ว ทางนี้เลยครับ”
วิชัยเดินนำทุกคนไปยังห้องวีไอพีสำหรับเล่นไพ่ แต่สร้อยเพชรหันไปเห็นเกียรติกล้ากำลังเล่นสนุ๊กอยู่ สร้อยเพชรจึงหันไปพูดกับจิตและเพื่อนๆ
“พวกเธอเข้าห้องไปก่อน ประเดี๋ยวชั้นตามไป”
สร้อยเพชรเดินแยกจากเพื่อน ขณะที่คนอื่นๆ เดินเข้าห้องวีไอพี
สร้อยเพชรเดินเข้ามาหาเกียรติกล้า ขจรศักดิ์และเฉินที่กำลังเล่นสนุ๊กกันอยู่
“ตาเกียรติกล้า”
เกียรติกล้าตกใจรีบหันไปมอง
“คุณแม่”
“นี่ทำไมไม่ไปโรงเรียน มาอยู่ที่นี่ทำไม”
“คือ เอ้อ”
“คือวันนี้เลิกเร็วครับ พวกเราเลยมาสนุกกันนิดหน่อยครับ” ขจรศักดิ์ตอบแทน
“ใช่ๆ ประเดี๋ยวก็จะกลับแล้วครับ แล้วนี่แม่มาทำไมครับ”
“ชั้นเอ้อ...เอ้อ...มาธุระ เอ้อ ประชุมสมาคม ยังไงถ้าแกจะกลับก็กลับไปก่อนเลย ไม่ต้องรอแม่”
“ครับ เอ้อ แล้วคุณแม่มี...”
“จะเอาเงินละซิ” สร้อยเพชรส่งเงินให้เกียรติกล้า “เอาไป เล่นเสร็จก็รีบกลับบ้าน แล้วยังไงก็อย่าไปบอกใครล่ะว่าแม่มาประชุมที่นี่”
“ครับแม่”
สร้อยเพชรเดินเข้าห้องวีไอพีไป เกียรติกล้าเล่นสนุ้กต่อ
ภายในห้องวีไอพีซึ่งมีพนักงานหญิงคอยบริการอาหาร น้ำ ขนมอย่างเพียบพร้อม จิตและเพื่อนๆ พอใจกับการบริการของพนักงาน สร้อยเพชรเดินมาวิชัยเปิดประตูให้สร้อยเพชร
“เชิญครับคุณสร้อยเพชร”
“ขอบใจ”
สร้อยเพชรเดินไปนั่งตรงที่ว่าง
“แหม...มาเล่นที่นี่ดีเหมือนกันนะสร้อยเพชร ดูซิมีคนคอยบริการ อาหารการกินก็อร่อยมาก”
“ชั้นก็ติดใจที่นี่เหมือนกัน ต่อไปเปลี่ยนมาเล่นที่นี่ดีกว่า”
“ตามสบายนะครับ มีปัญหาอะไรเรียกผมได้ ผมอยู่ที่ห้องทำงานตรงโน้น” วิชัยบอก
“ย่ะ”
วิชัยเดินเลี่ยงออกจากห้องไป
“นี่สร้อยเพชร เมื่อกี้ชั้นกำลังเม้าท์เรื่องเธออยู่พอดีเลย”
“เม้าท์เรื่องอะไร”
“ก็เรื่องที่ลูกสาวเธอเป็นหม้ายขันหมากน่ะซิ เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเธอยอมได้ยังไง”
“คุณระพีว่าที่ลูกเขยชั้นเค้าโดนยิง นอนอยู่โรงพยาบาล ยังไงหายเมื่อไหร่ชั้นก็ต้องให้จัดงานแต่งใหม่อีกครั้งอยู่แล้ว”
“ไม่ใช่เรื่องนั้น”
“แล้วเรื่องอะไร”
“ก็เรื่องไอ้โจรที่มาทำลายงานแต่งน่ะซิ ผัวเธอก็เป็นตำรวจใหญ่โต ชั้นไม่เข้าใจเล้ยว่าเธอปล่อยให้ไอ้โจรก๊กนี้มันลอยนวลอยู่ได้ยังไง ทำไมไม่ให้คุณเลอสรรเค้ายิงมันทิ้งไปซะ”
“นั่นซิ ทำแบบนี้มันหยามกันชัดๆ ถ้าเป็นชั้นก็คงไม่ปล่อยไว้แน่”
“เลิกพูดได้แล้ว ชั้นเองก็หงุดหงิดกับเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน”
สร้อยเพชรรู้สึกหงุดหงิด เพราะในใจเธอเองก็รู้สึกแค้นกับการกระทำของสมิงเช่นกัน
เมื่อกลับมาบ้านสร้อยเพชรจึงคุยเรื่องนี้กับเลอสรรด้วยอารมณ์หงุดหงิด
“ไหนคุณบอกชั้นมาซิว่า เมื่อไหร่คุณจะจัดการขั้นเด็ดขาดกับไอ้โจรห้าร้อยที่ชื่อสมิงซะที”
“อย่ามาก้าวก่ายงานของผม”
“แต่มันมาทำลายงานแต่งงานของลูกสาวชั้น ดูซิจนป่านนี้แม่เดือนของชั้นก็ยังหม้ายขันหมากอยู่เลย”
“ก็เจ้าบ่าวเค้าโดนยิง คุณก็รู้ก็เห็น”
“ก็ใช่ไงคะ แต่คุณไม่รู้หรือไงว่าชั้นแค้น ชั้นอยากให้คุณจัดการไอ้สมิงให้มันตายๆ ไปซะที”
“ผมจะไม่ปล่อยมันไว้แน่ คุณไม่ต้องห่วง”
“แล้วเมื่อ่ไหร่ละคะ เมื่อไหร่”
“คุณนี่น่ารำคาญจริงๆ”
เลอสรรเดินหนีออกจากบ้านไป ทิ้งสร้อยเพชรให้ยืนหงุดหงิดอยู่คนเดียว สักครู่ก็เห็นเดือนกับดาวเดินลงมาจากชั้นบนด้วยความสนิทสนม สร้อยเพชรเห็นแล้วยิ่งหงุดหงิด
“แม่เดือน มานี่”
เดือนรีบเข้ามาหาสร้อยเพชร
“คะคุณแม่”
“จะไปไหนกัน”
“เดือนจะไปเยี่ยมคุณระพีที่โรงพยาบาลค่ะ ส่วนดาว...”
“นี่กล้าขัดคำสั่งหรือยะ จำไม่ได้หรือไงว่าเธอถูกห้ามไปที่โรงพยาบาลอีก” สร้อยเพชรต่อว่าดาว
“ดาวไม่ได้ไปที่โรงพยาบาลหรอกค่ะ แต่ดาวจะไปเรียนพิเศษ”
“น้ำหน้าอย่างหล่อนเนี่ยะนะ เรียนพิเศษ”
“ใช่ค่ะ ดาวจะไปเรียนภาษาอังกฤษ”
“ต้าย บ้านนอกคอกนาอย่างหล่อน ดัดจริตจะไปเรียนภาษาอังกฤษ ใครอนุญาตมิทราบยะ”
คุณนายศรีสอางค์เดินเข้ามา
“ชั้นเอง”
“คุณแม่”
สร้อยเพชรนิ่งอึ้ง ไม่คาดคิด
คุณนายศรีสอางค์นั่งคุยอยู่กับสร้อยเพชรในห้องรับแขกโดยมีดาวและเดือนนั่งอยู่ใกล้ๆ
“ถึงดาวจะเป็นคนต่างจังหวัด แต่ก็ได้รับการศึกษาเป็นอย่างดี จะขาดก็แค่ทักษะทางภาษาชั้นก็เลยอยากจะส่งเสริม”
“แต่มันหลายเงินอยู่นะคะคุณแม่ คอร์สนึงก็หลายพัน กว่าจะเรียนจบไม่ร่วมแสนหรือคะ”
“จะหมดเปลืองเท่าไหร่มันก็เงินของชั้น ชั้นบอกเธอแล้วไงว่าชั้นจะเลี้ยงหนูดาวเหมือนหลานคนหนึ่ง”
“แล้วหลานแท้ๆ ของคุณแม่อย่างแม่เดือนละคะ ทำไมคุณแม่ไม่ส่งเสริมดูแลบ้าง”
“ที่ชั้นส่งเสียเลี้ยงดูมาตั้งแต่เกิด เงินเธอก็ไม่ได้ออกซักบาทแบบนี้ไม่ได้เรียกว่าส่งเสียเลี้ยงดูหรอกรึแม่สร้อยเพชร”
“แต่แหม คุณแม่คะ คุณแม่จะเอาแม่ดาวมาเทียบกับหนูเดือนหลานแท้ๆ ของคุณแม่ได้ยังไง”
“พอเถอะๆ ชั้นไม่อยากฟังแล้ว” คุณนายศรีสอางค์หันมาหาดาวและเดือน “เราสองคนน่ะ ฟังเอาไว้นะ ย่าขอให้หลานทั้งสองรักกันเหมือนพี่น้องแท้ๆ อย่าให้ย่าได้ยินนะว่าดาวกับเดือนทะเลาะกัน ย่าไม่ชอบ”
“คะคุณย่า” ดาวและเดือนตอบรับพร้อมกัน
“ไปได้แล้ว แล้วอย่าเถลไถล ออกนอกลู่นอกทาง กฎก็ต้องเป็นกฎเข้าใจนะ”
“ค่ะ”
เดือนและดาวกราบคุณนายศรีสอางค์แล้วพากันออกไป สร้อยเพชรมองค้อน หงุดหงิด ไม่พอใจ
อ่านต่อเวลา 17.00น.
เลือดเจ้าพระยา ตอนที่ 10 (ต่อ)
ลุงมหากำลังนั่งพรวนดินอยู่ คุณนายศรีสอางค์เดินเข้ามาหา ลุงมหารีบเข้ามาคุกเข่า
“คุณท่านมีอะไรให้ผมรับใช้หรือครับ”
“ชั้นมีเรื่องอยากจะถามหน่อย”
“เรื่องอะไรครับ”
“ก็เรื่องแม่ดาวนั่นแหละ”
“คุณท่านจะถามอะไรหรือครับ”
“ลุงมหาเป็นเพื่อนรักกับกำนันธงมาตั้งหลายปี เทียวไปเทียวมากรุงเทพฯ ลานเทบ่อยๆ ชั้นถามจริงๆ เถอะว่าแม่ดาวเป็นลูกของใคร” ลุงมหานิ่งอึ้ง ก้มหน้า “ว่าไงล่ะ บอกความจริงกับชั้นมา ชั้นอยากรู้ว่าความจริงมันเป็นยังไงกันแน่”
“ก็หนูดาวบอกคุณท่านไปแล้วนี่ครับว่าเป็นเด็กพร้า”
“แต่ชั้นไม่เชื่อ”
“ทำไมละครับ”
“ก็ดูหน้าตาผิวพรรณซิ มองกี่ทีๆ ชั้นก็เห็นว่าตาเลอสรรกับหนูดาวหน้าตาคล้ายกันอย่างกับพ่อลูก ชั้นเลยต้องมาถามลุงมหานี่ไง” ลุงมหาถอนใจ
“เท่าที่ผมทราบ แม่ศรีนวลเคยตั้งท้องกับคุณเลอสรรหลังจากที่คุณเลอสรรจากลานเทมา แล้วพอดีช่วงนั้นผมก็ขาดการติดต่อกับทางกำนันธงไประยะนึงก็เลยไม่รู้ว่ามันยังไงกันแน่ เพราะถามกำนันธงหรือแม่ศรีนวลทีไร สองคนนั่นก็ไม่เคยยอมรับเลยว่าหนูดาวเป็นลูกคุณเลอสรร บอกแต่ว่าไม่อยากพูดถึง”
“แล้วที่ว่าเป็นเด็กกำพร้าที่เก็บมาเลี้ยงล่ะ”
“เด็กกำพร้าที่เก็บมาเลี้ยงน่ะ มีเพียงเด็กผู้ชายที่ชื่อบุญเหลือคนเดียว ส่วนหนูดาวผมก็เพิ่งจะได้ยินจากปากหนูดาวเองเป็นครั้งแรกนี่แหละครับ”
“หรือบางทีจะเป็นลูกของตาเลอสรรจริงๆ”
คุณนายศรีสอางค์ครุ่นคิด
คุณนายศรีสอางค์นำเรื่องนี้ไปปรึกษากับท่านผู้ว่าทรงยศ
“ชั้นเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน เพียงแต่สงสัยว่าทำไมนะ กำนันธงกับแม่ศรีนวลไม่บอกความจริงให้เรารู้กันไปเลยว่าหนูดาวเป็นลูกตาเลอสรร”
“ดูก็รู้ว่าสองคนนั่นน่ะเป็นคนหยิ่งในศักดิ์ศรี ลูกสาวท้องไม่มีพ่อแบบนี้ก็เลยมีทิฐิ ไม่อยากให้หลานมาคบหากับทางเรา”
“ก็เลยโกหกหนูดาวว่าเป็นเด็กกำพร้าที่ขอมาเลี้ยงงั้นรึ”
“เป็นไปได้นะคะคุณ”
“สงสารแม่หนูดาวจริงๆ คงจะเสียใจกับเรื่องนี้ไม่ใช่น้อยเลย”
“เราจะบอกเรื่องนี้กับตาเลอสรรดีมั๊ยคะ”
“อย่าเพิ่งเลย ทุกอย่างเป็นแค่ข้อสันนิษฐานจากฝ่ายเรา ขาดพยานหลักฐานยืนยัน รออีกสักหน่อยเถอะอีกไม่นานความจริงก็น่าจะเปิดเผย”
“ถ้าเป็นหลานของเราจริงๆ คุณต้องแบ่งมรดกให้หนูดาวด้วยนะคะ ชั้นรักและสงสารเด็กคนนี้เหลือเกิน”
“ไม่ต้องรีบร้อนหรอกน่ะ เราสองคนยังไม่รีบตายกันง่ายๆ นักหรอก”
คุณนายศรีสอางค์ยิ้มเห็นด้วย
เช้าวันรุ่งขึ้นสมิง ศรีไพร เสือเฮี้ยน ขวด เหิมและคนลูกน้องอื่นๆ พากันกระจายกำลังกันโอบล้อมเนินเขาซึ่งเป็นฐานกำลังของเถ้าแก่ชิ้น บันลือ มเหศักดิ์และพวก ซึ่งบัดนี้มเหศักดิ์ได้วางฐานกำลังสร้างเต็นท์ที่พักและหน่วยลาดตระเวนราวกับว่าเป็นฐานทัพน้อยๆ แห่งหนึ่งเลยทีเดียว
มเหศักดิ์ ดำ แดงและพวกกำลังตรวจเช็คอาวุธกันอยู่ สักครู่มเหศักดิ์ก็รู้สึกผิดปรกติ
“มีอะไรพี่”
“เสียง”
“เสียงอะไรพี่”
“เสียงฝีเท้า” มเหศักดิ์ก้มลงเอาหูฟังที่พื้นดิน แล้วก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่กำลังเคลื่อนกำลังไปมา “พวกมันบุกมาแล้ว”
ไม่ทันขาดคำเสียงปืนก็ดังรัวขึ้นจากทุกทิศทุกทาง มเหศักดิ์กับพวกคว้าอาวุธขึ้นมายิงตอบโต้ เถ้าแก่ชิ้น บันลือ ออกมามาจากที่พักแล้วยิงต่อสู้กับพวกสมิง มเหศักดิ์หันไปหาบันลือ
“เข้าแผนเราแล้ว จัดการพวกมันเลยบันลือ”
“ได้เลย”
บันลือคว้าเครื่องกดระเบิดมา แล้วจากนั้นก็กดปุ่มระเบิดตามจุดที่ฝังระเบิดไว้ ระเบิดปะทุออกมาแล้วระเบิดตูม ๆ ลูกน้องสมิงหลายคนโดนระเบิดร่างกระเด็น
เสือเฮี้ยน ขวด เหิมและลูกน้อง พาชะงักไม่กล้าบุกเนื่องจากถูกวางระเบิดรอบด้าน
“มันฝังระเบิดไว้เต็มไปหมด”
“แย่แล้วเสือเฮี้ยน รีบหนีเหอะ”
“วิ่งเร็ว วิ่ง”
เสือเฮี้ยน เหิม ขวดและลูกน้องพากันวิ่งหนี ขณะที่มีระเบิดเกิดขึ้นไล่ตามหลังมา
สมิง ศรีไพร กำลังวิ่งแล้วสักครู่ก็มีระเบิดเกิดขึ้นที่ด้านหลัง สมิงและศรีไพร กระโดดลอยตัวหลบ สมิงเห็นศรีไพรนอนหลบอยู่ไม่ห่างนักจึงวิ่งเข้าไปหาแล้วเอาร่างของตนค่อมทับศรีไพรไว้เพื่อไม่ให้ถูกสะเก็ดระเบิดที่กำลังระเบิดไม่ห่างนัก
ศรีไพรหน้าแดง รู้สึกอบอุ่นใจอย่างประหลาด ด้วยไม่คาดว่าสมิงจะมาปกป้องคุ้มภัยให้เธอ เมื่อระเบิดหยุด สมิงได้สติรีบลุกขึ้น
“เร็วศรีไพร ลุกขึ้น”
สมิงยื่นมือมาให้ศรีไพรจับ ศรีไพรจับมือสมิงแล้วจากนั้นสมิงก็ฉุดมือศรีไพรวิ่งหนีหลบกระสุนปืน
เถ้าแก่ชิ้น บันลือ มเหศักดิ์ ต่างช่วยกันยิงถล่มไปยังฝ่ายตรงข้าม
“พวกมันแตกระส่ำระสาย เราต้องรีบบุก”
“ได้เลยเตี่ย”
“อย่าไป อย่าออกนอกฐานของเรา” มเหศักดิ์ห้ามแต่เถ้าแก่ชิ้นไม่เชื่อ
“จะปล่อยให้พวกมันหนีไปง่ายๆ ได้ไง ตามมา”
เถ้าแก่ชิ้น บันลือ ดำ แดง และลูกน้องจำนวนหนึ่งพากันวิ่งตามไล่ล่า ขณะที่มเหศักดิ์หงุดหงิดที่สองพ่อลูกไม่ยอมเชื่อฟัง
“ปัดโธ่เว้ย ทำอะไรโง่ๆ”
มเหศักดิ์มองเถ้าแก่ชิ้น บันลือ ดำ แดง นำทีมพวกลูกน้องบุกออกไป
สมิง ศรีไพร วิ่งหลบกระสุนมาที่มุมหนึ่ง ขณะที่เถ้าแก่ชิ้น บันลือ ดำ แดงและลูกน้องเข้ามาดักรอที่ด้านหน้า สมิง ศรีไพรชะงักเพราะกำลังตกอยู่ในวงล้อม
“ไอ้สมิง ฮ่ะๆ ในที่สุดเราก็เจอกันอีกจนได้ ฮ่ะๆ”
“เลือกเอาว่าจะตายแบบไหน บอกมา”
“ตายแบบไหนก็มีค่าเท่ากัน”
“หนอย ทำเก่ง งั้นก็ตายซะ”
เถ้าแก่ชิ้นกำลังจะยิง แต่แล้วเสือเฮี้ยน ขวด เหิมและพวกก็บุกเข้ามาขัดจังหวะ
“สมิงหนีเร็ว”
เสือเฮี้ยนยิงเปิดทาง สมิงและศรีไพรรีบหลบเข้าที่กำบังจากนั้นทั้งสองฝ่ายก็ยิงปะทะกัน
สมิงและศรีไพรวิ่งมาหลบที่มุมหนึ่งขณะที่กลุ่มของเถ้าแก่ชิ้นและเสือเฮี้ยนกำลังยิงปะทะกัน ศรีไพรหยิบมีดสั้นออกมาจากที่ซ่อน สมิงหันไปมอง
“เล็งให้ดีนะศรีไพร เรามีโอกาสแค่ครั้งเดียว”
ศรีไพรโผล่ออกมาเล็งเป้าหมายไปที่เถ้าแก่ชิ้น เมื่อได้จังหวะศรีไพรก็ปามีดออกไป ขณะที่เถ้าแก่ชิ้นกำลังลุกขึ้นยิงปืน มีดของศรีไพรไปปักที่ไหล่ซ้ายของเถ้าแก่ชิ้นล้มลง
บันลือเห็นพ่อโดนมีดปักก็หันไปมองพบว่าเป็นสมิงกับศรีไพรนั่นเอง บันลือโมโหจึงกราดยิงหมายให้ตาย แต่สมิงและศรีไพรรีบวิ่งหนีได้ทัน ทำให้รอดหวุดหวิด เถ้าแก่ชิ้นโดนมีดปักที่ไหล่เลือดไหลโชก
“บันลือ ช่วยเตี่ยด้วย”
“เตี่ยมากับอั๊วะเร็ว”
บันลือรีบประคองเถ้าแก่ชิ้นออกไป ขณะที่ดำ แดงและลูกน้องช่วยยิงสกัดเปิดทางให้
บันลือพาร่างของเถ้าแก่ชิ้นซึ่งโดนมีสั้นปักที่ไหล่ซ้าย เลือดไหลโทรมกายเข้ามาหามเหศักดิ์ซึ่งกำลังยิงปืนต่อสู้กับพวกลูกน้องสมิงอยู่ มเหศักดิ์หันมาเห็น
“รีบพาเถ้าแก่มาหลบตรงนี้เร็ว”
บันลือรีบพาเถ้าแก่ชิ้นมาหลบใกล้ๆ มเหศักดิ์ ดำ แดงและพวกลูกน้องพากันถอยตามมาสมทบ ขณะที่เสือเฮี้ยน ขวด เหิมและลูกน้องพากันไล่ตามมา
“อยากตายก็บุกเข้ามา”
มเหศักดิ์กดปุ่มระเบิดตามจุดต่างๆ ทำให้เสือเฮี้ยน ขวด เหิมและลูกน้องพากันแตกพ่ายหนีกระจัดกระจาย
ระเบิดตามจุดต่างๆ ระเบิด แล้วทำให้พวกลูกน้องสมิงล้มตายมากมาย
สมิงและศรีไพร เฝ้ามองเหตุการณ์อยู่ที่มุมหนึ่ง สักครู่เสือเฮี้ยน ขวด เหิมกับพวกลูกน้องที่เหลือก็เข้ามาสมทบ
“พวกเราเป็นไงบ้าง”
“โดนระเบิดตายหลายสิบคนแล้วสมิง”
“พวกมันฝังระเบิดไว้เต็มไปหมด ฝ่าเข้าไปตายทุกที”
“ตายเป็นตาย ยังไงก็ต้องจัดการพวกมันให้ได้”
สมิงครุ่นคิดหนักใจ
“ใช่เสือเฮี้ยน ต้องจัดการพวกมันให้ได้ แต่ยังไม่ถึงเวลา”
“นี่สมิงจะหนีได้ยังไง”
“สมิงไม่เคยหนีใคร แต่ตอนนี้พรรคพวกของเราล้มตาย เราไม่ควรแตกหักวันนี้” สมิงหันไปทางขวดกับเหิม “รีบพาพวกที่บาดเจ็บกลับผาช่องลม คนเหลือให้ช่วยคุ้มกัน เราจะไม่สูญเสียใครอีก”
สมิง ขวด เหิมแบ่งกำลังกันลำเลียงคนบาดเจ็บให้หนีไปก่อน คนที่เหลือคอยยิงคุ้มกัน เสือเฮี้ยนไม่พอใจ ขณะที่ศรีไพรมองสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้น
มเหศักดิ์และพวกกำลังยิงต่อสู้กับฝ่ายตรงข้าม แต่แล้วจู่ๆ เสียงปืนฝ่ายของสมิงก็เงียบหายไป ทำให้มเหศักดิ์รู้ทันทีว่าพวกสมิงพ่ายแพ้หนีไป
บันลือซึ่งดูแลเถ้าแก่ชิ้นอยู่หันมาหามอง แล้วยกกล้องส่องทางไกลสำรวจ
“พวกมันหายไปไหน”
“หนีไปแล้ว”
“ตามเลยซิ”
“เราจะไม่รบนอกฐาน”
“แต่ว่า...”
“ถ้าอยากโดนอย่างเถ้าแก่อีกคนก็ออกไปเลย”
บันลือจ๋อย เดินกลับไปหาเถ้าแก่ชิ้นซึ่งนอนเจ็บอยู่ มเหศักดิ์ยืนมองคุมสถานการณ์
ที่ผาช่องลม ศรีไพร ขวด เหิม โย่ง กำลังช่วยกันทำแผลให้คนที่บาดเจ็บ ห่างออกไปเห็นเสือเฮี้ยนนั่งหน้าหงิกไม่พอใจอยู่ที่มุมหนึ่ง ศรีไพรสังเกตเห็นจึงเดินเลี่ยงเข้ามาหา
“พ่อ หิวข้าวหรือยัง”
“อย่ามายุ่งกับข้านังศรีไพร”
“อย่าโกรธสมิงเค้าเลยนะพ่อนะ”
“ข้าไม่ได้โกรธ แต่ข้าไม่ชอบคนขี้ขลาด”
“ทำไมพ่อพูดแบบนั้นล่ะ”
“จะรบทั้งที มันต้องรบให้ถึงที่สุด ปล่อยพวกมันไว้แบบนี้อีกหน่อยพวกมันคงมายึดผาช่องลมแน่” สมิงเดินเข้ามา
“ผู้นำที่ดีต้องมองเห็นคุณค่าของชีวิตลูกน้อง พวกเค้าไม่ใช่หมากรุก ไม่ใช่ตุ๊กตา สมิงจะไม่สั่งให้พวกเค้าตายเพื่อเรา”
“แต่เสี้ยนหนามแบบมันอยู่แค่คืบ เผลอเมื่อไหร่มันเอาเราตายแน่”
“เรื่องนี้สมิงรู้ดี แต่ถ้าจะรบแตกหัก อาวุธของเราจะต้องดีกว่านี้”
ใบหน้าของสมิงนิ่งแต่ทรงอำนาจ ขณะที่เสือเฮี้ยนอ่อนลงเล็กน้อยแต่ก็ยังคงมีทิฐิอยู่บ้าง
ชาวบ้านจับกลุ่มพูดคุยกันที่ลานบ้านกำนันธงถึงข่าวสมิงและมเหศักดิ์รบกัน กำนันธงและศรีนวลเดินออกจากบ้าน ผู้ใหญ่ต้องรีบละจากกลุ่มชาวบ้านเข้าไปหากำนันธง
“มีอะไรรึผู้ใหญ่”
“เมื่อวานพวกที่ผาช่องลมเปิดฉากยิงกับกลุ่มของไอ้มเหศักดิ์”
“แล้วมีใครเป็นอะไรหรือเปล่าจ้ะ”
“พวกของสมิงบาดเจ็บกันหลายคน ตอนนี้กำลังต้องการยาแล้วก็อาหาร”
“พ่อจ้ะ งั้นศรีนวลขออนุญาตไปช่วย”
“เอ็งไปเถอะศรีนวล สมิงกับพวกที่ผาช่องลมมันก็ญาติพี่น้องเราทั้งนั้น”
“แล้วถ้าชั้นจะไปด้วย กำนันจะว่าอะไรมั๊ย”
“ผู้ใหญ่กับชั้นไปไม่ได้ อย่าลืมซิเรามันเป็นเจ้าหน้าที่ของบ้านเมือง แล้วในสายตาของกฎหมายพวกที่ผาช่องลมมันก็คือโจร จะเข้าไปช่วยเหลืออย่างที่ชาวบ้านเค้าทำน่ะ มันไม่ได้”
ผู้ใหญ่ต้องพยักหน้าเข้าใจ
ศรีนวลเดินนำพวกชาวบ้าน ซึ่งกำลังช่วยกันลำเลียงอาหารแห้ง ยา และของใช้จำเป็นต่างๆ เพื่อไปผาช่องลม
สักครู่ก็เห็นศรีไพร โย่งและลูกน้องคนอื่นๆ เดินออกมาต้อนรับ
“ศรีไพร”
“นั่นขนอะไรกันมาเยอะแยะเลย”
“ได้ยินว่าที่นี่มีคนเจ็บ ศรีนวลกับชาวบ้านก็เลยขนยา อาหารแห้ง แล้วก็พวกของใช้ต่างๆ มาให้น่ะจ้ะ”
“กำลังต้องการอยู่พอดีเลย งั้นรีบไปกันเถอะ”
ศรีไพรหันไปสั่งให้ลูกน้องเข้าไปช่วยชาวบ้านขนของ จากนั้นทุกคนก็พากันเดินไป
เมื่อถึงผาช่องลม ศรีนวลกับศรีไพร และพวกชาวบ้านจากลานเทกำลังช่วยกันดูแลคนเจ็บ ขณะที่สมิงและพรรคพวกคอยดูแลช่วยเหลือ
“ไม่นึกว่าจะเจ็บกันมากขนาดนี้” ศรีนวลพูดกับสมิง
“เราบุกไปฐานที่มั่นของมัน เลยเสียเปรียบเรื่องยุทธภูมิ”
“ระวังให้ดีนะสมิง วันนึงพวกมันคงจะบุกมาที่นี่แน่”
“ตอนนี้สมิงส่งคนไปหาซื้ออาวุธต่างๆ มาเตรียมพร้อมไว้แล้ว อีกไม่นานก็คงมาถึง”
สมิงและศรีนวล พูดคุยกันไปเงียบๆ ขณะที่ช่วยกันรักษาบาดแผล ดูแลคนเจ็บ มุมหนึ่งไม่ห่างนัก ศรีไพรหันมามองเศร้าๆ สักครู่เธอก็ก้มหน้าก้มตาช่วยคนดูแลคนบาดเจ็บต่อไป
ศรีไพรเดินปลีกตัวมาเพื่อทำอาหาร ศรีนวลสังเกตเห็นท่าทีเศร้าสร้อยของศรีไพรจึงเดินเข้ามาหา
“เป็นอะไรหรือเปล่าศรีไพร ทำไมท่าทางเศร้าๆ ยังไงไม่รู้”
“เอ้อ เปล่าจ้ะ ไม่มีอะไร”
“อย่าโกหกกันซิ มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า”
ศรีไพรอึกอัก พูดไม่ออกบอกไม่ถูก
“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ ไม่มีจริงๆ แค่เหนื่อยนิดหน่อย ตอนนี้หายแล้ว”
ศรีไพรแสร้งทำเป็นยิ้มร่าเริง ศรีนวลมองสังเกตเมื่อเห็นว่าศรีไพรทำเหมือนไม่มีอะไรก็วางใจขึ้น แต่ก็ไม่เชื่อสนิทใจ จากนั้นทั้งคู่ก็ช่วยกันทำอาหาร
มุมหนึ่งภายในถ้ำ เสือเฮี้ยนกำลังบรรจุกระสุนและซ่อนอาวุธลับต่างๆ ไม่ว่าจะมีดพกและอื่นๆ ไปตามเสื้อผ้า ร่างกาย ซึ่งขณะนี้อยู่ในชุดทะมัดทะแมงเตรียมจะออกไปรบ ศรีไพรเดินเข้ามาเห็นก็ชะงัก
“พ่อ นั่นพ่อจะไปไหน”
“เอ็งก็น่าจะรู้นะศรีไพร”
“พ่อจะออกไปสู้กับพวกไอ้มเหศักดิ์เหรอ”
“ใช่ ใครไม่สู้แต่ข้าจะสู้ ไม่ปล่อยปัญหาให้คาราคาซังแบบนี้”
“ทำไมพ่อดื้อแบบนี้ สมิงกำลังสั่งอาวุธมาแล้ว รออีกหน่อยไม่ได้หรือจ๊ะ”
“แล้วเอ็งจะรอให้มันบุกเข้ามาฆ่าพวกเราที่นี่หรือไง”
“แต่ถ้าพ่อไปคนเดียวแบบนี้ ก็เท่ากับพ่อกำลังจะไปตาย พ่อจะทิ้งศรีไพรให้อยู่คนเดียวไม่ได้นะ”
“ยังไงพ่อก็จะตายอยู่แล้ว ไม่วันใดก็วันหนึ่ง เอ็งต้องอยู่คนเดียวให้ได้ศรีไพร”
“ถ้าขาดพ่อไป ชีวิตศรีไพรก็จะไม่เหลือใครอีก”
“สมิงไง สมิงเป็นคนดี เขาคงไม่รังเกียจเอ็ง”
ศรีไพรน้ำตาคลอ สะเทือนใจ
“ใช่ เขาไม่รังเกียจศรีไพร แต่เขาก็ไม่ได้รักศรีไพรเลยเหมือนกัน พ่ออย่าเพิ่งไปเลยนะจ้ะอยู่กับศรีไพรก่อน ศรีไพรไม่อยากสูญเสียคนที่ศรีไพรรักไปอีกแล้ว”
“พ่อก็ไม่โง่เอาชีวิตไปแลกหรอกน่ะ พ่อแค่จะแอบไปเด็ดหัวไอ้มเหศักดิ์ทิ้ง ถ้าพวกมันไม่มีแม่ทัพ ต่อให้มีอาวุธดียังไงก็สู้พวกเราไม่ได้แน่”
“แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ พ่อบุกไปคนเดียว มันอันตราย ชั้นไม่ยอมให้พ่อไปหรอก อย่าทิ้งชั้นไปเลยนะพ่อนะ ชั้นกราบละ”
ศรีไพรก้มลงกราบเท้าเสือเฮี้ยน น้ำตาไหลนองทำให้เสือเฮี้ยนใจอ่อน
“ก็ได้ ข้าไม่ไปก็ได้”
เสือเฮี้ยนโอบกอดลูกสาว เพื่อปลอบโยน ศรีนวลยืนฟังเงียบๆ อยู่ที่มุมหนึ่ง
“ศรีไพรแอบชอบสมิงเหรอ”
ศรีนวลพึมพำและรู้สึกสงสารและเห็นใจศรีไพร
สมิงหลบมายืนอยู่คนเดียว สักครู่ก็เห็นศรีนวลเดินเข้ามาหา สมิงหันมามองแล้วดีใจ
“ศรีนวล”
“นึกแล้วว่าสมิงต้องอยู่ที่นี่”
“พวกคนเจ็บเป็นยังไงกันบ้าง”
“ตอนนี้ศรีนวลช่วยทำแผลให้เรียบร้อยหมดแล้ว ส่วนคนที่อาการหนัก เราคงต้องลำเลียงไปส่งโรงพยาบาลนะสมิง”
“ไม่มีปัญหา สมิงเตรียมแพไว้แล้ว พรุ่งนี้จะลำเลียงลงแพที่ด้านหลังเขา ล่องไปหาหมอในตัวเมือง”
“สมิง ศรีนวลมีบางอย่างที่อยากจะบอก”
“อะไรจ้ะศรีนวล อย่าบอกนะว่าศรีนวลจะยอมแต่งงานกับสมิงแล้ว”
“อย่ามาพูดเล่นแบบนี้ซิ”
“ถึงจะพูดเล่น แต่สมิงก็อยากให้มันเป็นเรื่องจริงนะศรีนวล”
“ศรีนวลอยากให้สมิงลองเปิดใจมองคนอื่นบ้าง”
“นี่ศรีนวลพูดอะไรออกมารู้ตัวมั้ย”
“จริงๆ นะสมิง ยังมีผู้หญิงอีกหลายคนที่พร้อมจะรักสมิงอย่างสุดหัวใจ สมิงไม่ควรจมปลักอยู่กับศรีนวลคนเดียว”
“เรื่องนี้เราพูดกันมาหลายครั้งแล้ว ทำไมศรีนวลไม่ยอมเข้าใจสมิงเลย ถึงสมิงจะเจ็บปวดที่ศรีนวลไม่รัก แต่สมิงก็มีความสุขกับการที่ได้รักผู้หญิงดีๆ อย่างศรีนวล”
“แต่ยังมีผู้หญิงดีๆ อีกมากมายที่เค้าพร้อมจะรักสมิง เพียงแต่สมิงต้องหัดเปิดใจตัวเองบ้าง”
“ศรีนวลกำลังหมายถึงใคร”
“ศรีไพรไงล่ะ สมิงก็น่าจะรู้ว่าศรีไพรเค้าแอบรักสมิงอยู่”
“รู้ซิ ทำไมสมิงจะไม่รู้ แต่สมิงบอกไปแล้วไงว่าหัวใจของสมิงมันมีแค่ศรีนวลคนเดียว อย่าพยายามยัดเยียดผู้หญิงคนอื่นมาให้สมิงอีกเลย”
สมิงเดินเลี่ยงไปด้วยความน้อยใจที่ศรีนวลไม่เคยเข้าใจความรักของเขาเลย
เช้าวันรุ่งขึ้น คนของผาช่องลมกำลังช่วยกันแบกคนเจ็บอาการหนัก 3 คนใส่แคร่หามเพื่อส่งตัวไปหาหมอในเมือง โดยมีขวด เหิมเป็นคุมขบวน ศรีไพร ศรีนวล ช่วยจัดเตรียมเสบียงสำหรับการเดินทาง
“เฮ้ย...แบกกันดีๆ อย่าให้กระเทือน ประเดี๋ยวแผลจะแตก”
“สามคนเนี่ยะ จะลำเลียงไปให้หมอในเมืองรักษาจ้ะ อาการมันหนักเกินมือพวกเรา”
“จ้ะ สมิงบอกศรีนวลแล้ว ว่าแต่จะไปกันกี่วัน”
“พวกที่ไปส่งคงแค่ไปเช้าเย็นกลับ ส่วนพวกที่ลงแพคงอยู่ยาวหน่อยจ้ะ”
“งั้นเอาปลาแห้ง ข้าวเหนียวไปเป็นเสบียงนะจ้ะ ศรีไพรเตรียมไว้นี่แล้ว”
ศรีไพรและศรีนวลช่วยกันส่งเสบียงให้ทุกคน เสือเฮี้ยนเดินเข้ามา
“ไปกันรึยัง ข้าพร้อมแล้ว”
“นั่นพ่อจะไปไหน”
“ก็ไปส่งคนเจ็บลงแพไง”
“แต่ว่า...”
“ไม่ต้องห่วงน่ะศรีไพร ให้พ่ออยู่เฉยๆ ที่ผาช่องลมน่ะมันอึดอัด แค่อยากจะหาอะไรทำบ้างเท่านั้น”
“งั้นรีบไปรีบกลับนะจ้ะ ศรีไพรจะรอ”
ขวด เหิม เสือเฮี้ยน และพวกลูกน้องช่วยกันนำแบกคนเจ็บใส่แคร่เดินออกไป ศรีไพรและศรีนวล ยืนมองตาม ศรีนวลสังเกตเห็นแววความกังวลบางอย่างของศรีไพร
“เป็นอะไรจ้ะศรีไพร”
“คือศรีไพรกลัวว่าพ่อจะแอบหนีไปจัดการพวกไอ้มเหศักดิ์น่ะจ้ะ”
ศรีนวลครุ่นคิดบางอย่าง
ขวด เหิมเดินนำลูกน้องที่กำลังแบกแคร่ลำเลียงคนบาดเจ็บเดินมาตามทางในป่า โดยมีเสือเฮี้ยนเดินรั้งท้าย
“แบกกันดีๆ นะ เบาๆ อย่าให้กระเทือน”
“เดินอีกหน่อยนะเว้ย อีกเดี๋ยวก็จะได้ลงแพกันแล้ว”
ทุกคนพากันเดินมุ่งหน้าไปเรื่อยๆ ระหว่างนั้นเสือเฮี้ยนค่อยๆ หลบออกจากเส้นทางแล้วหนีหายเข้าป่าไป
ฐานที่ตั้งมเหศักดิ์ ลูกน้องมเหศักดิ์กำลังเดินลาดตระเวนอยู่ตามฐานที่พัก และเต็นท์ที่พักเถ้าแก่ชิ้น บันลือกำลังทำแผลให้เถ้าแก่ชิ้นซึ่งนอนบาดเจ็บอยู่โดยมีดำ แดง ยืนคอยช่วยเหลือใกล้ๆ
“อดทนหน่อยนะเตี่ย อั๊วะให้คนไปจับตัวหมอมาแล้ว วันนี้คงมาถึง”
“ลื้อไม่กลัวหมอมันปากโป้งเอาเรื่องของเราไปบอกตำรวจหรือบันลือ”
“ไม่ต้องห่วงเตี่ย ถ้าหมอรักษาเสร็จก็ฆ่ามันทิ้งซะก็หมดเรื่อง”
“มเหศักดิ์มันไปไหน”
“ไปดูเส้นทางเตรียมบุกผาช่องลมน่ะเตี่ย”
“ลื้อคอยดู ถ้าหายเมื่อไหร่ เตี่ยจะไปขยี้พวกไอ้สมิงให้มันแหลกคามือไปเลย”
“เดี๋ยวเตี่ยรอหน่อยนะ อั๊วะจะไปอาบน้ำ”
บันลือเดินออกไปพร้อมดำ แดงและลูกน้อง 2-3 คน ปล่อยให้เถ้าแก่ชิ้นนอนอยู่คนเดียว โดยที่หน้าเต็นท์มีลูกน้องเฝ้าอยู่คนหนึ่ง
บันลือ ดำ แดงและลูกน้อง 2-3 คนเดินออกจากเต็นท์ที่พักแล้วเดินเข้าป่าเพื่อไปยังลำธาร เสือเฮี้ยนปรากฏตัว ที่มุมหนึ่งแล้วแอบมองไปยังเต็นท์ที่พัก รอจังหวะที่จะแอบเข้าไป แต่เนื่องจากมีหน่วยลาดตระเวนเดินผ่านไปมาทำให้เสือเฮี้ยนยังไม่สบโอกาส
บันลือ ดำ แดงและลูกน้อง เดินมาที่ลำธาร แล้วเตรียมตัวจะลงอาบน้ำกัน
“เฮ้ย ลืมสบู่ฟอกตัว มีใครเอามาหรือเปล่า”
“ไม่มีเลยจ้ะ อยู่ในเต็นท์น่ะ”
“งั้นเดี๋ยวชั้นจัดการให้จ้ะพี่บันลือ” แดงหันมาหาลูกน้องคนหนึ่ง “เอ็งไปเอาสบู่มาที”
“ครับพี่”
ลูกน้องเดินกลับไป
ลูกน้องเดินกลับมาที่เต็นท์เถ้าแก่ชิ้น เสือเฮี้ยนได้จังหวะจึงเข้ามาประกบด้านหลัง เอาปืนจี้
“เดินต่อไป”
“แก”
“ถ้าไม่อยากตายก็พาข้าไปหาไอ้เถ้าแก่ชิ้นในเต็นท์”
ลูกน้องหวาดกลัว รีบเดินนำเสือเฮี้ยนไป โดยเสือเฮี้ยนเอาปืนซ่อนไว้ไม่ให้ใครเห็น แล้วแสร้งทำเป็นเดินตามลูกน้องเหมือนเป็นพวกเดียวกัน
ลูกน้องพาเสือเฮี้ยนเดินมุ่งตรงไปยังเต็นท์ ขณะที่หน่วยลาดตระเวนผ่านมาพอดี
“เฮ้ย นั่นใคร”
“เอ้อ หมอ หมอมาแล้ว”
หน่วยลาดตระเวนสงสัยเล็กน้อยแต่ก็เปิดทางให้ลูกน้องเดินนำเสือเฮี้ยนเข้าไปในเต็นท์
ลูกน้องเดินนำเสือเฮี้ยนเข้ามาในเต็นท์ แล้วเสือเฮี้ยนก็จัดการบิดคอลูกน้องล้มลงสลบไป เถ้าแก่ชิ้นซึ่งหลับอยู่สะดุ้งตื่นขึ้นมามอง
“เอ็ง มัน”
“เสือเฮี้ยนจากผาช่องลมไงเถ้าแก่”
“อย่าเข้ามา”
เถ้าแก่ชิ้นพยายามคว้าปืนใต้หมอนขึ้นมา เสือเฮี้ยนเข้ามาแย่ง แล้วจากนั้นก็ต่อสู้กัน เสือเฮี้ยนแย่งปืนมาได้ ลูกน้องที่เฝ้าหน้าเต็นท์ได้ยินเสียงรีบเข้ามาดู เสือเฮี้ยนใช้ปืนฟาดที่ใบหน้าสลบไป เถ้าแก่ชิ้นหวาดกลัว
“อย่าทำอะไรอั๊วะเลยนะ อย่า”
“คนอย่างเอ็งมันไม่รู้จักพอ เงินทองก็มีจนล้นเหลือ แต่ยังมาทำตัวเป็นโจร”
“จะเอาเท่าไหร่บอกมา เดี๋ยวอั๊วะให้เงิน ขอร้องนะ อย่าทำอะไรอั๊วเดี๋ยวนะๆ เดี๋ยวอั๊วะหยิบเงินให้” เถ้าแก่ชิ้นเอื้อมไปที่กระเป๋าหยิบเงินโดยที่ใต้เงินมีมีดพกซ่อนอยู่ เสือเฮี้ยนยืนมองนิ่ง “เอาไปๆ อั๊วให้หมดเลย ขออย่างเดียวอย่าทำอั๊วนะ” เสือเฮี้ยนยืนมองนิ่ง ไม่วางใจ “รับซิ รับไป”
เสือเฮี้ยนรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นแต่ก็แกล้งยื่นมือไปรับเงิน และจังหวะนั้นเองที่เถ้าแก่ชิ้นเอามีดขึ้นมาจ้วงแทง แต่เสือเฮี้ยนหลบได้ทันแล้วเตะมีดหล่นไป
“ตายซะเถอะ ไอ้เถ้าแก่”
เสือเฮี้ยนยิงเปรี้ยงใส่ร่างเถ้าแก่ชิ้นล้มลงขาดใจตาย แล้วรีบออกจากเต็นท์
เสียงปืนทำให้หน่วยลาดตระเวนชะงัก หันมามองที่เต็นท์ เมื่อเห็นเสือเฮี้ยนหนีออกมาทุกคนก็กรูกันเข้ามา แต่เสือเฮี้ยนยิงสกัดไว้แล้วรีบวิ่งหนี มเหศักดิ์วิ่งเข้ามา
“ตามไปจับตัวมันมาให้ได้ เร็ว”
มเหศักดิ์สั่งลูกน้องให้ตามจับตัว ขณะที่ตัวเองรีบวิ่งเข้าไปในเต็นท์
ภายในเต็นท์เห็นร่างของเถ้าแก่ชิ้นนอนตายอยู่ มเหศักดิ์รีบเข้ามาจับชีพจร สักครู่บันลือ ดำ แดงก็วิ่งหน้าตื่นเข้ามาในเต็นท์
“เตี่ย”
บันลือโผเข้าไปหาร่างของเถ้าแก่ชิ้น น้ำตาไหลพราก
“ใครทำเตี่ย ใคร”
“เสือเฮี้ยน”
“ไอ้เสือเฮี้ยน มึงต้องตาย”
บันลือรีบออกจากเต็นท์ ขณะที่คนอื่นๆ รีบตามออกไป
อ่านต่อพรุ่งนี้ เวลา 09.30น.
เลือดเจ้าพระยา ตอนที่ 10 (ต่อ)
เสือเฮี้ยนกำลังวิ่งหนีการไล่ล่าของกลุ่มลูกน้องมเหศักดิ์ โดยเสือเฮี้ยนก็ไว้ลายความเป็นเสือเก่าอย่างน่าประทับใจ เสือเฮี้ยนใช้ทั้งอาวุธปืนและอาวุธลับต่างๆ เป็นระยะ บันลือ ดำ แดง มเหศักดิ์ตามเข้ามาสมทบกับพวกลูกน้อง เมื่อเสือเฮี้ยนเห็นกลุ่มที่มาสมทบก็รู้ว่ากำลังเสียเปรียบจึงพยายามหนี
บันลือมองร่างเสือเฮี้ยนที่กำลังวิ่งหนีด้วยสายตาเครียดแค้น
“ตามไปจับตัวมันมา จับเป็นเท่านั้น”
ทุกคนพากันวิ่งตามเสือเฮี้ยนไป
ศรีนวล ศรีไพร หลบซุ่มอยู่ที่มุมหนึ่ง เมื่อเห็นเสือเฮี้ยนวิ่งมาก็รีบเข้ามาหา
“พ่อ”
“พวกเอ็งตามมาทำไม”
“ก็ชั้นรู้นี่ว่าคนอย่างพ่อไม่เลิกล้มความคิดอะไรง่ายๆ”
“พ่อฆ่าไอ้เถ้าแก่ชิ้นมันตายแล้ว ตอนนี้พวกมันกำลังระส่ำระสาย”
ศรีนวลก้มลงฟังเสียงฝีเท้าที่พื้นดินแล้วหันมา
“รีบหนีเถอะจ้ะ พวกมันกำลังมาทางนี้แล้ว ตามมา”
ศรีนวลพาเสือเฮี้ยน และศรีไพรหนีไป
ศรีนวลวิ่งนำศรีไพร เสือเฮี้ยนมาตามทางในป่า แล้วสักครู่บันลือ ดำ แดง มเหศักดิ์ก็ตามมาทัน ทุกคนยิงปืนไล่หลัง ศรีนวล ศรีไพร เสือเฮี้ยนหันไปยิงตอบโต้
“กำลังพวกมันเยอะกว่า เราต้องรีบหนีออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด”
“ข้างหน้าเป็นทางตันแล้ว หนีไปก็ต้องชนภูเขา”
“เสียงปืนจากที่นี่ น่าจะดังไปถึงผาช่องลมนะ”
“เราคงจะรอให้สมิงมาช่วยไม่ได้ ตามศรีนวลมา”
ศรีนวล ศรีไพร เสือเฮี้ยนรีบตามกันไป สักครู่บันลือ ดำ แดง มเหศักดิ์ก็บุกเข้ามา แต่ไม่พบใครแล้ว
“เมื่อกี้พวกมันยังอยู่ตรงนี้นี่”
“ถ้ามันหนีไปทางภูเขา มันจบแน่”
“งั้นรีบตามไปจับตัวพวกมันมา”
บันลือ ดำ แดง มเหศักดิ์รีบตามไป
ศรีนวลวิ่งนำทุกคนมาหลบที่มุมหนึ่งซึ่งเป็นซอกเล็กเข้าไปหลบได้เพียงแค่สองคน ซึ่งซอกเล็กๆ แห่งนี้ดูจะเป็นชัยภูมิที่ดีมีต้นไม้บังไว้อย่างหนาตา หากไม่สังเกตแล้วก็จะไม่รู้ว่ามีใครหลบอยู่
“เสือเฮี้ยนกับศรีไพรรีบเข้าไปหลบในนี้เร็ว”
“แล้วศรีนวลล่ะ”
“ไม่เป็นไร ศรีนวลจะไปหลบตรงโน้น”
“ไม่ต้อง ข้าไปเอง เอ็งสองคนหลบที่นี่ เร็ว”
เสือเฮี้ยนผลักศรีนวลและศรีไพรเข้าไปหลบ ส่วนตัวเสือเฮี้ยนรีบไปหลบอีกมุม สักครู่บันลือ ดำ แดง มเหศักดิ์ก็ตามแกะรอยเข้ามา
“ยังไงพวกมันต้องมาแถวนี้แน่”
มเหศักดิ์ชี้ไปที่ร่องรอยกิ่งไม้หัก และรอยหญ้าที่ลู่เพราะโดนเหยียบ ทุกคนช่วยกันสำรวจตามมุมต่างๆ แต่ไม่เจอ
“มันไม่ได้อยู่แถวนี้”
“บางทีอาจจะหนีไปทางโน้นแล้วนะพี่”
“นำทางไปเลย ไป”
บันลือ ดำ แดง มเหศักดิ์พากันเดินไปอีกทาง ขณะที่มเหศักดิ์รู้สึกสังหรณ์ว่ายังมีใครซ่อนตัวอยู่แน่นอน จึงหันมามองอีกครั้งก่อนเดินไป ต้นไม้ซึ่งเป็นจุดซ่อนตัวของศรีนวลและศรีไพรไหว ทำให้มเหศักดิ์ผิดสังเกต
“เดี๋ยว”
มเหศักดิ์เดินกลับมา ทำให้ทุกคนเดินกลับมาเช่นกัน
เสือเฮี้ยนซ่อนตัวอยู่อีกมุมหนึ่งรู้ว่าอันตรายกำลังคืบคลานเข้ามาหาศรีไพรและศรีนวล เสือเฮี้ยนจึงตัดสินใจ ออกจากที่ซ่อนแล้ววิ่งหนีเพื่อเบนความสนใจ
“เฮ้ย ข้าอยู่นี่”
ทุกคนหันไปมองเสือเฮี้ยน ดำสาดกระสุนจะยิง แต่บันลือปัดปืน
“คนที่จะฆ่ามันต้องเป็นข้าเท่านั้น”
บันลือและทุกคนพากันวิ่งไล่ตามไป ศรีนวล ศรีไพรพากันออกจากที่ซ่อน
“ทำไมพ่อทำแบบนี้”
“เสือเฮี้ยนเอาชีวิตตัวเองมาแลกเพื่อช่วยเราสองคน รีบตามไปช่วยเร็วศรีไพร”
ศรีนวล ศรีไพรรีบตามทุกคนไป
เสือเฮี้ยนวิ่งหนีเข้าไปในป่าแล้วล้มลง บันลือ ดำ แดง มเหศักดิ์เข้ามาล้อมกรอบไว้ ดำ แดงรีบเข้าไปจับตัวเสือเฮี้ยน แล้วจากนั้นบันลือก็เดินเข้าไปหา
“มึงฆ่าเตี่ยกู ไอ้เสือเฮี้ยน”
บันลือตบฉาดไปที่ใบหน้าเสือเฮี้ยน
“พวกมึงมันสมควรตาย ถุย”
เสือเฮี้ยนถ่มน้ำตายใส่บันลือ บันลือโกรธแค้น
“หนอย ปากดีนัก”
บันลือชักปืนยิงใส่ที่ร่างเสือเฮี้ยนแต่ยังไม่ใช่จุดสำคัญ ทำให้เสือเฮี้ยนทรุดลงแต่ยังไม่ตาย
“คนที่ฆ่าเตี่ยกูมันต้องตายอย่างทรมานที่สุด”
ก่อนที่บันลือจะยิงซ้ำไปอีกนัด ศรีไพรกับศรีนวลก็ปรากฏตัวแล้วยิงใส่ บันลือ ดำ แ ดง มเหศักดิ์รีบหลบกัน ศรีนวลและศรีไพรช่วยกันยิงตอบโต้กับบันลือ ดำ แดง มเหศักดิ์ ขณะที่เสือเฮี้ยนนอนเจ็บปวดกับบาดแผลที่โดนยิง
สมิง ขวด เหิมและลูกน้องบางคน กำลังยืนฟังเสียงปืนอยู่เพื่อหาทิศทางที่มาของเสียง
“เสือเฮี้ยนคงจะแอบหนีไปตอนที่ลำเลียงคนเจ็บไปลงแพน่ะสมิง”
“ส่วนศรีนวลกับศรีไพรก็หายไปเหมือนกัน คิดว่าจะตามไปช่วยเสือเฮี้ยน”
“ทำอะไรไม่ปรึกษากันบ้างเลย”
“เสียงปืนน่าจะมาจากทางนี้”
“งั้นก็รีบไป”
ทุกคนพากันรีบตามไป
ศรีนวล ศรีไพร กำลังถูกรุกไล่อย่างหนัก ทำให้ทั้งคู่ตั้งตัวไม่ติด
“รีบหนีเถอะศรีไพร”
“แล้วพ่อล่ะ”
“หลบไปก่อน เดี๋ยวค่อยหาวิธีช่วย เร็ว”
ศรีนวลและศรีไพร รีบวิ่งหลบกระสุนปืน ขณะที่บันลือ ดำ แดง มเหศักดิ์รีบรุกไล่ตามไป บันลือหันไปมองเสือเฮี้ยนซึ่งนอนอยู่กับที่แล้วหันไปสั่งดำ แดง
“ไปลากตัวไอ้เสือเฮี้ยนกลับไปที่ฐาน ข้าจะไปจัดการมันที่นั่น”
ดำ แดงรีบวิ่งกลับไปหาเสือเฮี้ยน ขณะที่บันลือ มเหศักดิ์รุกไล่ต่อไปเรื่อยๆ
ศรีนวล ศรีไพร วิ่งหนีหลบไปมาตามต้นไม้ ขณะที่มเหศักดิ์ บันลือ ตามไล่ยิงมาเรื่อยๆ สมิง ขวด เหิมพากันเข้ามาหาศรีนวลและศรีไพร เสริมกำลังให้เข้มแข็ง
“ขอบใจนะสมิง ที่มาทันเวลาพอดี”
“สมิงไม่ปล่อยให้ใครมาทำร้ายศรีนวลแน่”
“เสือเฮี้ยนไปไหน”
“ถูกยิงอยู่ตรงโน้น งั้นเดี๋ยวศรีไพรมานะ จะไปช่วยพ่อ”
ศรีไพรรีบวิ่งออกไป สมิงรู้สึกเป็นห่วงจึงหันไปสั่งเหิม
“รีบตามศรีไพรไปเร็ว ทางนี้สมิงกับศรีนวลรับมือได้”
เหิม ขวดรีบตามศรีไพรไป สมิงและศรีนวลช่วยกันยิงกับบันลือ มเหศักดิ์
ดำ แดง กำลังดึงร่างของเสือเฮี้ยนให้ลุกขึ้นมา
“เร็ว อย่าสำออย เดี๋ยวปัด” ดำทำท่าจะยิง แต่แดงห้ามไว้
“เฮ้ย อย่า เก็บไว้ให้พี่บันลือจัดการดีกว่า”
ดำและแดงช่วยกันพยุงร่างเสือเฮี้ยนให้เดินไป แต่แล้วศรีไพรก็โผล่มาจากด้านหลัง
“ปล่อยพ่อชั้นเดี๋ยวนี้”
ดำ แดงชะงัก หันมา
“อย่าเข้ามานะ ไม่งั้นเสือเฮี้ยนตายแน่”
ดำและแดงใช้เสือเฮี้ยนเป็นตัวประกัน ขวดและเหิมวิ่งเข้ามา ทำให้ดำและแดงหวาดระแวง รีบดึงเสือเฮี้ยนให้ถอยหนี ศรีไพร ขวด เหิมไม่กล้าทำอะไร
บันลือกับมเหศักดิ์ยิงต่อสู้กับศรีนวลและสมิงอยู่ จากนั้นบันลือกับมเหศักดิ์ก็เริ่มถอยกลับไป ทำให้เจอกับดำ แดง ที่กำลังจับเสือเฮี้ยนเป็นตัวประกัน บันลือได้ทีเข้ามาหาเสือเฮี้ยนแล้วเอาปืนจ่อไว้
“ถอยไปๆ”
“เอาซิ ถ้าอยากให้เสือเฮี้ยนตาย ก็ลุยเข้ามา”
ศรีไพรสงสารพ่อรีบตะโกนขอร้องทุกคน
“สมิง ศรีนวล ศรีไพรขอร้องนะ ปล่อยพวกมันไปก่อน อย่าให้พ่อของศรีไพรเป็นอะไรไปเลย”
“เอาละ ตราบใดที่เสือเฮี้ยนยังมีชีวิตอยู่ เราจะไม่ทำอะไรพวกแก ไปซิ” สมิงบอก
บันลือ มเหศักดิ์ ดำ แดง จับเสือเฮี้ยนเป็นตัวประกันแล้วค่อยๆ ถอยหนีไป สมิงกับศรีนวลจะตามไปแต่ศรีไพรรีบเข้ามากันไว้
“อย่า ปล่อยพวกมันไปก่อน ศรีไพรไม่อยากให้พ่อเป็นอะไร”
“ใจเย็นๆ ศรีไพร เราจะหาทางช่วยเสือเฮี้ยนให้ได้”
ศรีนวลเข้าไปกอดเพื่อปลอบโยนศรีไพร
ที่โรงพยาบาล ระพีนอนอยู่บนเตียงโดยมีเดือนกำลังนั่งปลอกผลไม้อยู่ข้างๆ
“หลายวันแล้วนะที่ดาวไม่มาเลย ถามจริงๆ เหอะคุณเดือน มันเกิดอะไรขึ้น”
“คือ เอ้อ...”
“อย่าบอกนะว่าไม่ว่างไปเรียนพิเศษ ผมจะไม่เชื่อคำตอบแบบนี้อีกแล้ว”
“แต่ดาวก็ไปเรียนพิเศษจริงๆ นี่คะ”
“เรียนทุกวันจนไม่มีเวลาว่างเลยใช่มั้ย”
“คือ...ก็มีว่างบ้าง”
“งั้นทำไมไม่ยอมมาหาผมเลย มีคนห้ามไว้ใช่มั้ย” เดือนพยักหน้า “ใคร”
“คุณระพีไม่ต้องรู้หรอก เอาเป็นว่าผู้ใหญ่ท่านเห็นว่าไม่เหมาะสมที่คุณระพีกับดาวจะพบปะกัน โดยที่ยังมีเดือนเป็นคู่หมั้นแบบนี้”
“งั้นคุณเดือนต้องช่วยผมนะ ผมคิดถึงดาว อยากพบ อยากเห็นหน้า คุณเดือนช่วยพาดาวมาหาผมที”
“แต่ว่า...”
“นะ นึกว่าช่วยลูกนกลูกกา เห็นใจผมเถอะๆ นะๆ”
ระพีพยายามอ้อนขอให้เดือนช่วย เดือนอิดออด ไม่ค่อยกล้า
บุญเหลือมายืนเมียงมองอยู่หน้าบ้านท่านผู้ว่าทรงยศเพื่อรอพบกับดาว แต่ก็ยังไม่เห็นแม้เงา สักครู่ก็เห็นบัว เดินออกมาทิ้งขยะ บุญเหลือจึงรีบเข้าไปหา
“พี่สาวๆ”
“มีอะไร”
“ชั้นมาหาดาวจ้ะ ดาวอยู่มั้ยจ๊ะ”
สร้อยเพชรเดินออกมาจากบ้านมองเห็นจึงเดินเข้ามาหา
“แม่บัวๆ”
“ขา”
“นั่นใคร”
“เอ้อ ไม่ทราบค่ะ เห็นว่ามาหาคุณดาว”
“แกเป็นใคร มาหานังดาวทำไม” สร้อยเพชรถามบุญเหลือ
“ชั้นเป็นพี่ชายของดาวจ้ะ ชื่อบุญเหลือ จะมาเยี่ยมดาวน่ะจ้ะ”
“ไม่อยู่ แล้วทีหลังแกไม่ต้องมาที่นี่อีก ไป๊ นังบัวเข้าบ้าน ปิดประตูให้แน่นหนาแล้วอย่าให้เข้ามาในบ้านนะ”
สร้อยเพชรและบัวเดินเข้าบ้านปิดประตูไป
“เดี๋ยวซิครับ เดี๋ยว”
บุญเหลืองุนงง ทำตัวไม่ถูก
บัวเดินกลับเข้ามาที่เรือนคนใช้ ขณะที่ลุงมหากำลังนั่งฟังวิทยุอยู่
“น่าสงสารจริงๆ เล้ย ทำไมคนบ้านนี้ถึงใจร้ายใจดำกันจัง” บัวบ่น ลุงมหาหันไปมอง
“บ่นอะไรนังบัว”
“ก็คุณสร้อยเพชรน่ะซิลุงมหา ไม่รู้จงเกลียดจงชังอะไรคุณดาวนักหนา เมื่อกี้มีญาติคุณดาวมาเยี่ยมก็ไล่เหมือนหมูเหมือนหมาไม่ให้พบกัน”
“ญาติคุณดาว ใครกัน”
“ชั้นก็ไม่รู้หรอกลุง เป็นเด็กผู้ชายเห็นว่าชื่อบุญเหลือ” ลุงมหารีบลุกขึ้นเดินออกไป “อ้าว...นั่นจะไปไหนลุงมหา”
ลุงมหาไม่ตอบ แต่รีบเดินไปที่หน้าบ้าน
บุญเหลือกำลังจะเดินกลับไป ลุงมหาเดินออกมาเรียกเอาไว้
“บุญเหลือๆ”
“ลุงมหา”
“มาหาดาวใช่มั้ย”
“จ้ะลุง แต่ผู้หญิงเมื่อกี้เค้า...”
“เออ...ข้ารู้แล้ว นั่นน่ะคุณสร้อยเพชร เป็นแม่ของคุณเดือน ภรรยาของคุณเลอสรร”
“ท่าทางดูเค้าจะไม่ชอบดาวเลยนะลุงนะ”
“มันก็ธรรมดา”
“แล้วดาวอยู่ไหนจ้ะลุง ชั้นจะเจอดาวได้มั้ย”
“ตอนนี้คุณดาวไม่อยู่ ไปเรียนพิเศษกว่าจะกลับก็คงค่ำ”
“อีกตั้งหลายชั่วโมงแน่ะ”
“แล้วนี่พักที่ไหนล่ะ”
“ที่วัดจ้ะ งั้นเอาเป็นว่าชั้นกลับไปช่วยหลวงพ่อทำงานก่อน แล้วค่ำๆ ค่อยมาใหม่”
“เออดี ถ้าคุณดาวกลับมา ข้าจะบอกให้”
“งั้นค่ำๆ ชั้นมานะจ๊ะ สวัสดีจ้ะลุง”
บุญเหลือลาลุงมหาแล้วเดินกลับวัดไป
บุญเหลือเดินโต๋เต๋มาตามทางมุ่งหน้าไปยังวัดและเมื่อถึงทางแยกก็กำลังจะข้ามถนน แต่แล้วขณะนั้นเองรถของเดือนก็แล่นเข้ามาเฉี่ยวร่างของบุญเหลือเซล้มลงไป คนขับรีบจอดรถลงไปดู แล้วเข้าไปพยุงร่างของบุญเหลือขึ้นมา เดือนลงจากรถเข้ามาหาและเมื่อมองเห็นว่าเป็นบุญเหลือเธอก็ตื่นเต้น ดีใจ
“บุญเหลือ”
บุญเหลือเงยหน้าขึ้นมาเห็นเดือนก็ดีใจยิ่งกว่า
“คุณเดือน”
“เอ้อ...แล้วบุญเหลือเจ็บหรือเปล่า เป็นอะไรมากมั๊ย”
“ไม่เป็นอะไรครับ แค่ถลอกนิดหน่อย คุณเดือนไม่ต้องห่วง”
“แล้วนี่กำลังจะไปไหน”
“คือ เอ้อ...”
บุญเหลือยิ้มดีใจ ยังตอบอะไรไม่ถูก
เดือนให้คนขับรถขับรถมาส่งบุญเหลือที่วัด เดือนและบุญเหลือนั่งคุยกันอยู่ที่มุมหนึ่งภายในวัด
“ดาวคงดีใจที่บุญเหลือมาเยี่ยม เอาไว้ตอนค่ำๆ บุญเหลือไปที่บ้านอีกครั้งนะจ้ะ”
“แล้วคุณแม่คุณเดือนท่านไม่ว่าเอาเหรอครับ”
“อืมม งั้นก็ต้องหลบๆ หน่อย อย่าให้เจอท่าน”
“ผมดีใจจังเลยที่ได้เจอคุณเดือน เราไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ คิดถึงคุณเดือนตลอดเลย”
“เดือนก็คิดถึงบุญเหลือเหมือนกัน”
เดือนบอกอย่างอายๆ ทั้งคู่นั่งคุยกันเงียบๆ
เย็นวันนั้นที่บ้านท่านผู้ว่าทรงยศ ดาวช่วยบัวและพวกสาวใช้ยกอาหาร ต่างๆ มาวางจัดเรียงเพื่อเตรียมตั้งโต๊ะ
คุณนายศรีสอางค์และท่านผู้ว่าทรงยศเดินเข้ามา
“แหม ทำไมวันนี้อาหารน่ากินจังเลย แม่บัว”
“วันนี้คุณดาวมาช่วยทำน่ะค่ะ คุณท่าน “
“นี่ทำอาหารเป็นด้วยรึ”
“เคยเป็นลูกมือแม่มาตั้งแต่เด็กน่ะคะก็เลยจำได้”
“ไม่นึกว่าท่าทางแก่นแก้วจอมซนอย่างดาว จะเป็นแม่ศรีเรือนได้เหมือนกัน”
สร้อยเพชร เลอสรร เดือนเดินเข้ามา
“มาพร้อมกันแล้ว เอ แล้วตาเกียรติกล้าล่ะอยู่ไหน”
“วันนี้ตาเกียรติกล้า เอ้อ เล่นกีฬาค่ะคุณพ่อ ก็เลยขอกลับเย็นหน่อย”
“ถ้าเล่นกีฬาน่ะไม่มีใครว่าหรอก ชั้นกลัวจะไปเล่นอย่างอื่น”
“แหม คุณ...มองลูกในแง่ดีบ้างซิคะ” สร้อยเพชรต่อว่าเลอสรร
“ได้ข่าวว่าวันนี้ดาวทำกับข้าวเองด้วย น่ากินจังเลย”
“งั้นก็มาลองชิมฝีมือแม่ครัวใหม่กันดีกว่า”
ทุกคนเข้านั่งประจำที่ เมื่อได้ชิมอาหารกันแล้วก็ต่างชื่นชมในรสชาติ ยกเว้นสร้อยเพชรที่นั่งหน้าหงิกไม่สบอารมณ์
“ฝีมือดีแบบนี้ เปิดร้านอาหารเลยดีกว่า” เลอสรรบอก
“นั่นซิคะคุณพ่อ ดาวทำอาหารรสชาติอร่อยเหมือนที่แม่ศรีนวลทำเลย”
“แม่เดือน” สร้อยเพชรดุลูกสาว
“ก็จริงนี่คะคุณแม่ แม่ศรีนวลทำอาหารอร้อย อร่อย ถ้าคุณพ่อไปที่ลานเทครั้งต่อไป ลองให้แม่ศรีนวลทำอาหารให้ทานซิคะ รับรองว่าจะติดใจ”
เลอสรรรู้สึกคิดถึงศรีนวล อยากพบ อยากกลับไปหาอีกครั้ง
เลอสรรกำลังยืนเหม่อมองคิดถึงศรีนวลอยู่ สักครู่บัวเดินนำดาวเข้ามาหา
“มาแล้วค่ะ” บัวบอก เลอสรรหันมามองบัวกับดาว
“ขอบใจ เธอไปได้แล้ว” บัวเดินเลี่ยงออกไป
“คุณเลอสรรมีอะไรให้ดาวรับใช้เหรอคะ”
“ชั้นแค่อยากจะสอบถามอะไรนิดหน่อย”
“ค่ะ มีอะไรคะ”
“ตอนที่เธอติดเรือชั้นมาจากลานเธอ เธอบอกชั้นแค่ว่ามาทำธุระเดี๋ยวก็กลับ แล้วทำไมตอนนี้เธอถึงยังไม่กลับ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าค่ะ คือดาว เอ้อ...”
“เธอทะเลาะกับแม่ศรีนวลใช่มั้ย”
ดาวอึ้ง
“คุณเลอสรรรู้ได้ยังไงคะ”
“ชั้นก็แค่เดาเอา ไหนลองบอกหน่อยซิว่าเธอกับแม่มีปัญหาอะไรกัน”
“เปล่าค่ะ ไม่มี เพียงแต่ดาว น้อยใจ”
“น้อยใจเรื่องอะไร”
“ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครบอกดาวเลยว่าพ่อของดาวเป็นใคร ตาก็ไม่บอก แม่ก็ไม่บอก แต่วันนั้นดาวได้ยินคุณเลอสรรกับแม่คุยกันที่ท่าเรือ แม่บอกว่า...ดาวเป็นเด็กกำพร้า ไม่มีหัวนอนปลายตีน ดาวน้อยใจที่แม่รังเกียจไม่ได้รักดาวเลย”
ดาวร้องไห้สะอึกสะอื้น เลอสรรเห็นใจ
“อย่าคิดมากแบบนั้นซิ มันน่าจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน”
“แต่ดาวรู้จักแม่ดี แม่เป็นคนพูดคำไหนคำนั้น ถ้ารักใครแม่ก็จะรักอยู่คนเดียว ขนาดสมิงมาขอแม่แต่งงานตั้งหลายครั้งแต่แม่ก็ไม่เคยใจอ่อน”
“แล้วแม่ศรีนวลเค้ารักใคร”
“ทุกครั้งที่ไปนั่งตรงท่าน้ำ ท่าทางแม่จะดูเศร้าๆ แม่บอกว่าคนรักของแม่ขึ้นเรือจากไปแล้วก็ไม่กลับมา ตอนแรกดาวเข้าใจว่าคนๆ นั้นเป็นพ่อของดาว แต่ตอนนี้ดาวรู้แล้วว่าดาวเป็นเด็กกำพร้าไม่มีพ่อมีแม่”
ดาวน้ำตาคลอเสียใจ ขณะที่เลอสรร รู้สึกถึงความรักที่ศรีนวลมีต่อเขา
บุญเหลือเดินมาหยุดเมียงมองที่หน้าบ้านท่านผู้ว่าทรงยศจึงเห็นดาวนั่งคุยอยู่กับเลอสรร บุญเหลือเห็นดาวร้องไห้ก็รู้สึกสงสัย พยายามจะส่งสัญญาณเรียกให้ดาวเงยหน้าขึ้นมามอง แต่ดาวก็ไม่เห็น
สักครู่ก็เห็นเลอสรรลุกขึ้นเดินเข้าบ้าน ขณะที่ดาวเดินตาม เลอสรรเข้าบ้านไปก่อนปล่อยดาวไว้คนเดียว บุญเหลือได้โอกาสรีบส่งเสียงผิวปากเรียก ดาวได้ยินก็ชะงัก เหลียวไปมองหาแต่ยังไม่เห็น จังหวะนั้นสร้อยเพชรเดินออกมาจากบ้าน
“เมื่อกี้เธอคุยอะไรกับคุณเลอสรร”
“คือคุณเลอสรร เรียกมาถามว่าดาวมีปัญหาอะไรกับที่บ้านค่ะ”
“ฮึ่ม แล้วหล่อนร้องไห้สะอึกสะอื้นทำไม สำออยเรียกร้องความสนใจใช่มั๊ย”
“ดาวไม่เคยทำแบบนั้น”
“เห็นอยู่ตำตา พูดมาได้ว่าไม่เคยทำ”
ดาวพยายามสะกดอารมณ์ไม่ให้ทำกิริยาก้าวร้าว
“ยังจะมามองหน้าอีก จะไปไหนก็ไป”
ดาวเดินเข้าบ้านไป สร้อยเพชรหงุดหงิดไม่พอใจ
ที่ริมรั้ว บุญเหลือยืนมองไม่รู้จะติดต่อดาวยังไง
ดาวเดินเข้ามาในห้อง เธอรู้สึกเหนื่อยใจกับการที่ต้องมาเจอท่าทีกดดันของสร้อยเพชร สักครู่เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ดาวเดินไปเปิดประตู เดือนเดินเข้ามาหา
“คุณเดือน”
“เมื่อกี้ดาวไปที่หน้าบ้านมาใช่มั๊ย”
“ใช่ค่ะ”
“แล้วเจอพี่บุญเหลือหรือยัง”
“พี่บุญเหลือ”
“ใช่จ้ะ พี่บุญเหลือมาตามหาดาวนะ นัดกันไว้ว่าค่ำๆ ให้มารอที่ริมรั้ว”
“เหรอคะ งั้นดาวไปดูก่อนนะคะ”
ดาวรีบออกจากห้อง เดือนตามไป
ดาวกับเดือนเดินออกมาหน้าบ้าน มองหาบุญเหลือ แต่ไม่เห็น
“ไม่เห็นมีเลย”
“นั่นซิ ป่านนี้แล้วน่าจะมาได้แล้วนะ”
“หรือว่าจะมาแล้ว แต่พอเห็นดาวอยู่กับคนอื่นก็เลยกลับ จริงซิตอนดาวจะเข้าตึกได้ยินเสียงผิวปาก ต้องเป็นพี่บุญเหลือแน่เลย”
“เสียดายจัง น่าจะอยู่รออีกหน่อย แต่ไม่เป็นไร เอาไว้เดือนจะพาดาวไปหา”
“คุณเดือนรู้เหรอคะว่าพี่บุญเหลือพักที่ไหน”
“รู้จ้ะ เอาไว้พรุ่งนี้นะดาว”
ดาวและเดือนพากันเดินเข้าบ้านไป
วันต่อมา สร้อยเพชรค้นหาสมุดบัญชีธนาคารอยู่ สักครู่ก็หยิบออกมา เลอสรรเดินเข้ามาพอดี
“นั่นจะเอาสมุดบัญชีไปทำอะไร”
“เปล่านี่ พอดีมันหล่นก็เลยเก็บ”
“คุณแม่บ่นมาแล้วนะว่าเธอใช้เงินกองกลางเกินงบแล้ว”
“แหม ก็แค่เกินนิดเกินหน่อย ชั้นก็ต้องมีเรื่องจำเป็นต้องใช้เงินของชั้นอยู่บ้างซิคะ”
“ใช้บ้างน่ะไม่เป็นไร แต่อย่าใช้จนไม่มีขอบเขต ถ้าอยากได้อะไรพิเศษก็บอกผมมา อย่าไปรบกวนเงินกองกลาง”
เลอสรรเดินออกไป สร้อยเพชรหน้าหงิก
“ถ้าชั้นบอกว่าเป็นค่าจ้างฆ่าไอ้สมิงคุณจะให้ชั้นมั้ยล่ะ”
สร้อยเพชรมองสมุดบัญชีธนาคารในมือ
ขจรศักดิ์เดินนำสร้อยเพชรเข้ามาในห้องทำงานวิชัย วิชัยรีบลุกขึ้นมาต้อนรับ
“คุณสร้อยเพชรมาวันนี้ มีอะไรให้ผมรับใช้อีกเหรอครับ”
“มี แน่นอน”
“งานอะไรครับ”
“แกรู้จักไอ้โจรที่ชื่อสมิงใช่มั้ย”
“รู้จักซิครับ มันเป็นโจรชื่อดัง ใครๆ ก็รู้จัก”
“งั้นก็ดี ชั้นอยากให้แกฆ่ามันทิ้งซะ”
“ทำไมครับ คุณสร้อยเพชรมีเรื่องอะไรกับไอ้สมิง”
“ก็เรื่องที่มันบุกเข้ามาทำลายงานแต่งงานลูกสาวชั้นไง เป็นข่าวออกใหญ่โต ชั้นทำใจไม่ได้”
“เดี๋ยวผมจัดการให้ เพียงแต่ว่ามันต้องมีค่าใช้จ่ายมากหน่อย”
“เท่าไหร่”
“สองแสน”
“ก็ได้ ชั้นยอมจ่ายขออย่างเดียวต้องจัดการมันให้ได้ ครั้งที่แล้วเรื่องนังศรีนวลพลาดไปทีนึงแล้ว คราวนี้อย่าพลาดอีกก็แล้วกัน”
“รับรองครับผมจะไม่พลาดอีกเด็ดขาด”
สร้อยยิ้มพอใจแล้วเดินออกไป
“นายครับไอ้เทียนมีข่าวมาบอก” ลูกน้องคนหนึ่งเข้ามาบอกวิชัย
“ข่าวอะไร ไอ้เทียน”
“ไอ้สมิงมันสั่งซื้ออาวุธจากเสี่ยหงอล๊อตใหญ่ กำหนดวันส่งของแล้วครับนาย”
“ดี ถ้างั้นพวกเราเตรียมตัวรับมันได้เลย งานคราวนี้ได้สองเด้งโว้ย ได้ทั้งค่าจ้าง ฆ่าไอ้สมิง ได้ทั้งเปอร์เซ็นจากตำรวจ”
จบตอนที่ 10
อ่านต่อตอนที่ 11