สกลนคร - จับอีกแล้วรถกระบะขนสุนัข 41 ตัว ที่ อ.วาริชภูมิ พบสภาพสุนัขอิดโรย หลังคนขับตระเวนแลกซื้อหลายวัน เตรียมนำไปชำแหละจำหน่ายใน จ.สกลนคร ชี้การค้าสุนัขข้ามชาติเริ่มลดหลังเจ้าหน้าที่ปราบอย่างต่อเนื่อง
วานนี้ (6 ก.ย.) นายชูศักดิ์ พงษ์พานิช หัวหน้าด่านกักกันสัตว์นครพนม ประสาน พ.ต.อ.นิยม พุทธาศรี ผกก.สภ.วาชิชภูมิ จ.สกลนคร เจ้าหน้าที่เครือข่ายประชาชนต่อต้านการค้าสุนัขข้ามชาติ (watchdog thailand) เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์จังหวัดสกลนคร และตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปทส.) เข้าช่วยชีวิตสุนัขของกลางเหยื่อแก๊งค้าสุนัข หลังเจ้าหน้าที่สามารถสกัดรถกระบะอีซูซุ สีเทา ทะเบียน บน 4015 สกลนคร ซึ่งดัดแปลงติดตั้งกรงเหล็ก บรรทุกสุนัข 41 ตัว ได้ที่จุดสกัดตู้ยามราชณรงค์ 33 บ้านห้วยนาง ต.วาริชภูมิ อ.วาริชภูมิ พร้อมจับกุม นายสมศักดิ์ แสนปาก อายุ 42 ปี คนขับรถ อยู่บ้านเลขที่ 406 หมู่ 3 ต.ท่าแร่ อ.เมือง จ.สกลนคร จึงตรวจยึดรถยนต์ และสุนัขไว้
จากการสอบสวนทราบว่า สุนัขดังกล่าวได้มาจากการตระเวนซื้อทั่วภาคอีสาน ราคาตัวละ 100-200 บาท เพื่อนำไปส่งให้พ่อค้าใน ต.ท่าแร่ อ.เมือง จ.สกลนคร นำไปชำแหละส่งขายในพื้นที่ สุนัขส่วนใหญ่มีสภาพอ่อนแอ เชื่อว่าแลกซื้อมาหลายวัน จึงนำสุนัขของกลางส่งไปดูแลรักษาที่ด่านกักกันสัตว์นครพนม พร้อมตั้งข้อหาคนขับรถทำการค้าสัตว์ (สุนัข) โดยไม่ได้รับอนุญาต เคลื่อนย้ายสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาต และทำการทารุณสัตว์ พร้อมสอบสวนขยายผลหานายทุนมานำเดินคดีตามกฎหมายต่อไป
สำหรับการค้าสุนัขใน จ.สกลนคร พบว่าปัจจุบันเหลือเพียงบางส่วนเท่านั้น หลังจากมีการปราบปรามจับกุมต่อเนื่อง ส่วนการส่งสุนัขออกไปขายประเทศเพื่อนบ้านหยุดชะงักลง เพราะไม่มีสุนัขส่งออก เหลือเพียงบางส่วนที่ยังตระเวนแลกซื้อมาชำแหละ นำเนื้อ และหนังส่งขายตลาดภายในประเทศ
ด้านนายชูศักดิ์ พงษ์พานิช หัวหน้าด่านกักกันสัตว์นครพนม กล่าวว่า ด่านกักกันสัตว์นครพนมได้เตรียมปรับคอกกักสุนัข เพื่อรองรับสุนัขของกลางที่มีการตรวจยึดเพิ่มได้ เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบสุนัขส่วนใหญ่มีอาการอ่อนเพลีย เนื่องจากมีการตระเวนแลกไปหลายวัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องเร่งคัดแยก ตรวจคัดกรองสุขภาพ ทำการฉีดวัคซีนป้องกันโรคเพื่อให้มีสุขภาพแข็งแรงรอดชีวิตมากที่สุด
ส่วนสุนัขของกลางภายในด่านกักกันสัตว์นครพนม ปัจจุบันยังเหลือ 900 ตัว รับเพิ่มอีก 41 ตัว รวมเป็น 941 ตัว ซึ่งการดูแลไม่มีปัญหา เนื่องจากอยู่ในปริมาณที่สามารถรับได้ ส่วนเงินบริจาคช่วยเหลือยังคงเหลือประมาณ 3 ล้านบาท ขณะที่การค้าสุนัขช่วงนี้ลดความรุนแรงลง เนื่องจากการปราบปรามต่อเนื่อง แต่อาจยังมีบางส่วนที่ยังตระเวนซื้อมาชำแหละขายในพื้นที่ เพราะเป็นอาชีพที่สืบทอดกันมานาน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ปราบปรามต่อเนื่องเพื่อให้ขบวนการค้าหมดไปอย่างถาวร