กาญจนบุรี - สุดรันทดพบหญิงสาววัย 30 ปี ถูกสามีทอดทิ้ง ปล่อยให้เลี้ยงลูกชายวัย 3 ขวบ ร่างกายพิการ อวัยวะเพศผิดปกติ ต้องฉี่ทางท้อง อีกทั้งป่วยเป็นโรคไต ส่วนบิดาก็ป่วยเป็นอัมพาด มีรายได้จากการรับจ้างวันละ 200 บาท มาจุนเจือครอบครอบ และเป็นค่ายา
เมื่อเวลา 11.30 น. วันนี้ (6 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นายสลัก ทองเรือนดี นายกองค์การบริหารส่วน (อบต.) ตำบลดอนคา อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ว่า ลูกบ้านชื่อ น.ส.สุพรรษา ศรีทองกูล อายุ 30 ปี อาชีพรับจ้าง อาศัยอยู่เพิงพักมุงด้วยสังกะสี ไม่มีเลขที่ หมู่ 15 ต.ดอนคา มีลูกชื่อ ด.ช.สุทธิพงศ์ หรือน้องกาย อายุ 3 ขวบ เกิดมาร่างกายพิการ อวัยวะเพศผิดปกติรูฉี่อุดตัน ต้องฉี่ทางท้อง อีกทั้งป่วยเป็นโรคไต ส่วนพ่อคือ นายทวี ศรีทองกูล อายุ 57 ปี ป่วยเป็นโรคพิการไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ส่วนแม่คือ นางแร่ หงส์เวียงจันทร์ อายุ 56 ปี ก็ไม่มีงานทำ และต้องคอยเลี้ยงหลานอยู่กับบ้าน เพราะลูกสาวต้องออกไปรับจ้างเก็บหน่อไม้มีรายได้เพียงวันละ 200 บาท เพื่อนำมาจุนเจือครอบครัว และเป็นค่ายาลูก และหลังจากได้รับแจ้งผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปตรวจสอบหาความจริง
ไปถึงพบ น.ส.สุพรรษา ศรีทองกูล กำลังดูแลน้องกายลูกชายวัย 3 ขวบ โดยมีนางแร่ ผู้เป็นแม่คอยช่วยเหลือ สภาพบ้านปลูกเป็นเพิงพักด้วยไม้ขนาดเล็กแบบยกสูงชั้นเดียว ห้องนอนกั้นด้วยไม้อัด 1 ห้อง ส่วนหลังคามุงด้วยสังกะสีสภาพเก่า จากการสำรวจพบว่า น้องกาย ลูกชายของ น.ส.สุพรรษา มีหน้าท้องบวมขนาดใหญ่ ผิวหนังท้องบางใสจนเห็นเส้นเลือดโดยรอบ และหน้าท้องมีร่องรอยของการผ่าตัด ส่วนหน้าท้องด้านซ้ายเหนือสะดือถูกเจาะเป็นรู ที่มีไว้สำหรับเวลาปวดท้องฉี่ ซึ่ง น.ส.สุพรรษาได้นำผ้าปิดแผลมาปิดเอาไว้ แต่ก็มีน้ำปัสสาวะไหลออกมาตลอดเวลา อวัยวะเพศชายขนาดเล็กติดอยู่กับผิวหนังไม่มีรูสำหรับฉี่ ซึ่งสร้างความหดหู่ใจให้แก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก นอกจากนั้น น้องกาย ยังป่วยเป็นโรคไตอีกด้วย
น.ส.สุพรรษา ศรีทองกูล เปิดเผยว่า ตนแต่งงานกับสามีเมื่อ 3 ปีก่อน หลังจากตั้งท้อง และคลอดลูกออกมา ก็พบว่าลูกชายมีร่างกายที่ไม่สมบูรณ์เหมือนกับเด็กๆ ทั่วไป คืออวัยวะเพศไม่มีช่องปัสสาวะ และหลังจากคลอดลูกชายออกมาได้ไม่นาน สามีก็หนีออกจากบ้านไป โดยไม่เคยกลับมาเหลียวแลครอบครัว และลูกชายอีกเลยจนถึงทุกวันนี้ ปกติครอบครัวของตนมีฐานะยากจนอยู่แล้ว
ส่วนพ่อก็ต้องมาป่วยเป็นโรคพิการ ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ แม่ก็มีอายุมาก ภาระครอบครัวทั้งหมดจึงตกมาอยู่ที่ตนคนเดียว ก่อนหน้านั้น หลังจากที่ตนคลอดลูกออกมาตนได้พาลูกชายไปหาหมอที่โรงพยาบาลอู่ทอง หลังจากที่หมอตรวจร่างกายแล้วเสร็จ จึงได้นำตัวลูกชายส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลพระมงกุฎ ซึ่งคณะแพทย์ได้ตรวจร่างกายของลูกชายอย่างละเอียด พบว่าเป็นโรคผนังหน้าท้องบาง ไตวาย อวัยวะเพศตัน ไม่สามารถปัสสาวะเองได้ หมอจึงได้ทำการผ่าตัดที่หน้าท้องด้วยการเจาะเป็นรู เพื่อให้เป็นช้องระบายปัสสาวะ จากนั้นหมอจึงได้อนุญาตให้ตนนำลูกชายกลับมาดูแลที่บ้านจนถึงปัจจุบัน
ทุกวันนี้ตนจะต้องล้างไตให้แก่ลูกชายทุกๆ 6 ชั่วโมง พาลูกชายไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลพระมงกุฎ เดือนละ 1 ครั้ง และพาไปหาหมอที่โรงพยาบาลอู่ทอง 5 วัน 1 ครั้ง ทำให้ตนมีความลำบากมาก นอกจากนี้ จะต้องให้แม่ดูแลลูกชายแทน เพราะตนต้องออกไปทำงานรับจ้างเก็บหน่อไม้มีรายได้เพียงวันละ 200 กว่าบาทเท่านั้น จึงไม่เพียงพอต่อการดูแลพ่อและแม่ และลูกชาย ทุกวันนี้ตนสงสารลูกชายมาก วันไหนไม่มีรายได้ก็ต้องยอมอด แต่จะต้องดูแลลูกชายให้ดีที่สุด” น.ส.สุพรรษา เผย
ด้านนายสลัก ทองเรือนดี นายกองค์การบริหารส่วนตำบลดอนคา กล่าวว่า สำการช่วยเหลือครอบครัวของ น.ส.สุพรรษา นั้น เบื้องต้นตนจะปรึกษากับทางปลัด อบต.ว่า จะมีวิธีไหนสามารถเบิกจ่ายเงินของทาง อบต.มาช่วยเหลือได้บ้าง แต่จะต้องไม่ผิดกฎระเบียบการเบิกจ่าย หากมีวิธีจะรีบดำเนินการทันที นอกจากนี้ ตนจะประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้มาช่วยเหลือครอบครัวนี้อีกทางหนึ่งด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ตนขอวิงวอนให้ผู้ที่มีจิตใจบุญช่วยบริจาคเงินช่วยเหลือครอบครัวดังกล่าวได้ หรือติดต่อไปที่เบอร์โทร.ของ น.ส.สุพรรษา โดยตรง ที่เบอร์ 08-0651-4193
เมื่อเวลา 11.30 น. วันนี้ (6 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นายสลัก ทองเรือนดี นายกองค์การบริหารส่วน (อบต.) ตำบลดอนคา อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ว่า ลูกบ้านชื่อ น.ส.สุพรรษา ศรีทองกูล อายุ 30 ปี อาชีพรับจ้าง อาศัยอยู่เพิงพักมุงด้วยสังกะสี ไม่มีเลขที่ หมู่ 15 ต.ดอนคา มีลูกชื่อ ด.ช.สุทธิพงศ์ หรือน้องกาย อายุ 3 ขวบ เกิดมาร่างกายพิการ อวัยวะเพศผิดปกติรูฉี่อุดตัน ต้องฉี่ทางท้อง อีกทั้งป่วยเป็นโรคไต ส่วนพ่อคือ นายทวี ศรีทองกูล อายุ 57 ปี ป่วยเป็นโรคพิการไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ส่วนแม่คือ นางแร่ หงส์เวียงจันทร์ อายุ 56 ปี ก็ไม่มีงานทำ และต้องคอยเลี้ยงหลานอยู่กับบ้าน เพราะลูกสาวต้องออกไปรับจ้างเก็บหน่อไม้มีรายได้เพียงวันละ 200 บาท เพื่อนำมาจุนเจือครอบครัว และเป็นค่ายาลูก และหลังจากได้รับแจ้งผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปตรวจสอบหาความจริง
ไปถึงพบ น.ส.สุพรรษา ศรีทองกูล กำลังดูแลน้องกายลูกชายวัย 3 ขวบ โดยมีนางแร่ ผู้เป็นแม่คอยช่วยเหลือ สภาพบ้านปลูกเป็นเพิงพักด้วยไม้ขนาดเล็กแบบยกสูงชั้นเดียว ห้องนอนกั้นด้วยไม้อัด 1 ห้อง ส่วนหลังคามุงด้วยสังกะสีสภาพเก่า จากการสำรวจพบว่า น้องกาย ลูกชายของ น.ส.สุพรรษา มีหน้าท้องบวมขนาดใหญ่ ผิวหนังท้องบางใสจนเห็นเส้นเลือดโดยรอบ และหน้าท้องมีร่องรอยของการผ่าตัด ส่วนหน้าท้องด้านซ้ายเหนือสะดือถูกเจาะเป็นรู ที่มีไว้สำหรับเวลาปวดท้องฉี่ ซึ่ง น.ส.สุพรรษาได้นำผ้าปิดแผลมาปิดเอาไว้ แต่ก็มีน้ำปัสสาวะไหลออกมาตลอดเวลา อวัยวะเพศชายขนาดเล็กติดอยู่กับผิวหนังไม่มีรูสำหรับฉี่ ซึ่งสร้างความหดหู่ใจให้แก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก นอกจากนั้น น้องกาย ยังป่วยเป็นโรคไตอีกด้วย
น.ส.สุพรรษา ศรีทองกูล เปิดเผยว่า ตนแต่งงานกับสามีเมื่อ 3 ปีก่อน หลังจากตั้งท้อง และคลอดลูกออกมา ก็พบว่าลูกชายมีร่างกายที่ไม่สมบูรณ์เหมือนกับเด็กๆ ทั่วไป คืออวัยวะเพศไม่มีช่องปัสสาวะ และหลังจากคลอดลูกชายออกมาได้ไม่นาน สามีก็หนีออกจากบ้านไป โดยไม่เคยกลับมาเหลียวแลครอบครัว และลูกชายอีกเลยจนถึงทุกวันนี้ ปกติครอบครัวของตนมีฐานะยากจนอยู่แล้ว
ส่วนพ่อก็ต้องมาป่วยเป็นโรคพิการ ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ แม่ก็มีอายุมาก ภาระครอบครัวทั้งหมดจึงตกมาอยู่ที่ตนคนเดียว ก่อนหน้านั้น หลังจากที่ตนคลอดลูกออกมาตนได้พาลูกชายไปหาหมอที่โรงพยาบาลอู่ทอง หลังจากที่หมอตรวจร่างกายแล้วเสร็จ จึงได้นำตัวลูกชายส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลพระมงกุฎ ซึ่งคณะแพทย์ได้ตรวจร่างกายของลูกชายอย่างละเอียด พบว่าเป็นโรคผนังหน้าท้องบาง ไตวาย อวัยวะเพศตัน ไม่สามารถปัสสาวะเองได้ หมอจึงได้ทำการผ่าตัดที่หน้าท้องด้วยการเจาะเป็นรู เพื่อให้เป็นช้องระบายปัสสาวะ จากนั้นหมอจึงได้อนุญาตให้ตนนำลูกชายกลับมาดูแลที่บ้านจนถึงปัจจุบัน
ทุกวันนี้ตนจะต้องล้างไตให้แก่ลูกชายทุกๆ 6 ชั่วโมง พาลูกชายไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลพระมงกุฎ เดือนละ 1 ครั้ง และพาไปหาหมอที่โรงพยาบาลอู่ทอง 5 วัน 1 ครั้ง ทำให้ตนมีความลำบากมาก นอกจากนี้ จะต้องให้แม่ดูแลลูกชายแทน เพราะตนต้องออกไปทำงานรับจ้างเก็บหน่อไม้มีรายได้เพียงวันละ 200 กว่าบาทเท่านั้น จึงไม่เพียงพอต่อการดูแลพ่อและแม่ และลูกชาย ทุกวันนี้ตนสงสารลูกชายมาก วันไหนไม่มีรายได้ก็ต้องยอมอด แต่จะต้องดูแลลูกชายให้ดีที่สุด” น.ส.สุพรรษา เผย
ด้านนายสลัก ทองเรือนดี นายกองค์การบริหารส่วนตำบลดอนคา กล่าวว่า สำการช่วยเหลือครอบครัวของ น.ส.สุพรรษา นั้น เบื้องต้นตนจะปรึกษากับทางปลัด อบต.ว่า จะมีวิธีไหนสามารถเบิกจ่ายเงินของทาง อบต.มาช่วยเหลือได้บ้าง แต่จะต้องไม่ผิดกฎระเบียบการเบิกจ่าย หากมีวิธีจะรีบดำเนินการทันที นอกจากนี้ ตนจะประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้มาช่วยเหลือครอบครัวนี้อีกทางหนึ่งด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ตนขอวิงวอนให้ผู้ที่มีจิตใจบุญช่วยบริจาคเงินช่วยเหลือครอบครัวดังกล่าวได้ หรือติดต่อไปที่เบอร์โทร.ของ น.ส.สุพรรษา โดยตรง ที่เบอร์ 08-0651-4193