กาญจนบุรี - ผบก.กาญจนบุรี ลั่นหากใครให้เบาะแสสู่การจับกุมคนร้ายปาหินใส่รถยนต์นักศึกษาสาวบาดเจ็บ รับไปทันที 5 หมื่นบาท พร้อมวอนสื่อขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ทำงานล่าคนร้ายก่อน หากจับได้พร้อมแถลงข่าวทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีที่ น.ส.เจนจิรา หรือน้องเจน ทองไชย อายุ 18 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9/132 หมู่ 3 ต.คูบัว อ.เมือง จ.ราชบุรี นักศึกษาปี 1 คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จ.นครปฐม ถูกมือมืดปาหินใส่กระจกรถยนต์กระบะที่นั่งโดยสารไปกับเพื่อนชายได้รับบาดเจ็บสาหัส มีสภาพใบหน้าบวมปูด ที่ศีรษะมีบาดแผลฉกรรจ์ ล่าสุด กำลังรักษาอาการอยู่โรงพยาบาลพระมงกุฎ อาการปลอดภัยเริ่มรู้สึกตัวแล้ว เหตุเกิดเมื่อวันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 20.00 น.บริเวณถนนสายกำแพงแสน-พนมทวน ม.15 ต.พระแท่น อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี
ล่าสุด เวลา 10.00 น. วันนี้ (14 มิ.ย.) พล.ต.ต.กมลสันติ กลั่นบุศย์ ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุว่า หลังจากผู้นำท้องถิ่นแจ้งเบาะแสให้เราทราบว่า บุคคลต้องสงสัยอาจจะเป็นวัยรุ่นหญิงชายที่ทะเลาะกันอย่างรุนแรง หลังเกิดเหตุวัยรุ่นเป็นชายได้หายตัวไปจากพื้นที่ 2 วัน ต่อมา เจ้าหน้าที่สามารถติดตามตัววัยรุ่นคนดังกล่าวได้ จากนั้นนำตัวมาสอบสวนที่ สภ.ท่าเรือ โดยรับสารภาพว่า คืนเกิดเหตุได้เสพยาบ้าจริง และทะเลาะกับแฟนสาวจริง แต่ไม่ได้ก่อเหตุปาหินใส่รถยนต์คันเกิดเหตุแต่อย่างใด และจากการสอบสวนวัยรุ่นคนดังกล่าวไม่มีอาการ หรือท่าทางมีพิรุธแต่อย่างได โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีในข้อหาเสพยา เพราะผลการตรวจปัสสาวะออกมาเป็นสีม่วง ยืนยันว่ายังไม่มีการจับกุมคนร้ายแต่อย่างใด
แต่อย่างไรก็ตาม ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบคดีให้ลงพื้นที่สอบถามข้อมูลจากผู้นำท้องถิ่น หรือประชาชนที่อยู่ในหมู่บ้านใกล้เคียงอย่างต่อเนื่อง เพราะเชื่อว่า การเข้าถึงชุมชนจะเป็นวิธีที่สามารถติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้ง่ายกว่า และจากการลงพื้นที่พบชาวบ้านต่างให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี เพราะชาวบ้านเองก็ไม่พอใจในการกระทำของบุคคลดังกล่าวเช่นกัน และหากทราบเบาะแส หรือรู้ตัวผู้ก่อเหตุชาวบ้านจะรีบแจ้งให้ทราบทันที ส่วนผลการตรวจดีเอ็นเอจากของกลาง ซึ่งกองพิสูจน์หลักฐานเป็นหน่วยงานรับผิดชอบ และมีขั้นตอนการตรวจทางวิทยาศาสตร์ที่ละเอียดจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 15 วันจึงจะรู้ผล
แต่อย่างไรก็ตาม ตนได้ประกาศไปแล้วว่าหากมีผู้ใดแจ้งเบาะแสเข้ามา และนำไปสู่การจับกุมตัวคนร้ายที่ก่อเหตุที่แท้จริงได้ ตนจะนำเงินเงินรางวัลที่เคยประกาศไว้ จำนวน 5 หมื่นบาท นำไปมอบให้ทันที
ทั้งนี้ ขอให้สื่อมวลชนให้เวลาเจ้าหน้าที่ในการสืบสวนสอบสวนหาตัวคนร้ายสักระยะ เพราะคดีดังกล่าวเป็นคดีที่ละเอียดอ่อน อีกทั้งผู้เสียหายก็ไม่เห็นคนก่อเหตุ ส่วนกล้องวงจรปิดที่พบก็ไม่สามารถจับภาพผู้ก่อเหตุได้ แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะพยายามติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว และหลังจากนั้นจะนำตัวมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนอย่างแน่นอน
