มุกดาหาร - นรข มุกดาหารผนึกกำลังไล่จับแก๊งมอดไม้ลักลอบขนไม้พะยูง ได้ผู้ต้องหา 2 คน รถขนไม้พะยูง ไม้พะยูง 8 ท่อน/เหลี่ยม ปริมาตร 1.017 ลูกบาศก์เมตร คิดเป็นมูลค่า 4 แสนบาท
วันนี้ (26 ส.ค.) พลเรือตรี รังสรรค์ โตอรุณ ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขงนครพนม (นรข.) ได้รับรายงานว่า มีกลุ่มผู้ลักลอบขนไม้พะยูง โดยใช้เส้นทางบ้านแก้งช้างเนียม ตำบลคำชะอี อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร จึงสั่งการให้ นาวาตรี กรภัทร ศรีพิพัฒน์ หัวหน้าสถานีเรือมุกดาหาร หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง (นรข.มุกดาหาร)
จึงประสาน พ.อ.ยุทธนา ม่วงพูลสวาสดิ์ รอง ผอ.กอ.รมน.มุกดาหาร พ.ต.อ.พัลลภ สุริยกุล ณ อยุธยา ผู้กำกับการด่านตรวจคนเข้าเมืองมุกดาหาร ผนึกกำลังเข้าดักซุ่มบริเวณถนนบ้านแก้งช้างเนียม ตำบลคำชะอี อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร ซึ่งลักลอบตัดมาจากเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าภูสีฐานเพื่อส่งข้ามแม่น้ำโขงไปขายยัง สปป.ลาว
จนกระทั่งได้สังเกตเห็นรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล (กระบะบรรทุกมีข้างเสริม) ยี่ห้อ ISUZU สีน้าเงิน หมายเลขทะเบียน บค 5149 มุกดาหาร ตามที่ได้รับแจ้ง วิ่งผ่านมาบนถนนเส้นทางบ้านแก้งช้างเนียม-บ้านคำชะอี เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวและแสดงสัญญาณให้หยุดและทำการขอตรวจค้น นายสุริยา มงคล อายุ 28 ปี ที่อยู่ 110 หมู่ที่ 10 ต.บางทรายใหญ่ อ.เมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร (คนขับรถ) นายดวงกมล บุญวาล อายุ 29 ปี ที่อยู่ 8 หมู่ 10 ต.บางทรายใหญ่ อ.เมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร และได้ตรวจสอบรถคันดังกล่าว บริเวณตรงท้ายกระบะที่มีข้างเสริม บรรทุกไม้พะยูง 8 ท่อน ปริมาตร 1.017 ลูกบาศก์เมตร ตรวจที่หน้าตัดไม้ทุกท่อนไม่พบรูปรอยดวงตราของเจ้าพนักงานตีประทับอนุญาตไว้แต่อย่างใด เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 คน
และได้ตั้งข้อกล่าวหาว่าเป็นการกระทำผิดต่อ พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 69 มีไม้อันยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครอง (ไม้พะยูงท่อน) โดยไม่ได้รับอนุญาต และมาตรา 70 รับไว้ด้วยประการใดๆ ซ่อนเร้นจำหน่าย หรือช่วยพาเอาเสียให้พ้น ซึ่งไม้หรือของป่าที่ตนรู้อยู่แล้วว่าเป็นไม้หรือของป่าที่มีผู้ได้โดยการกระทำผิด และยังได้ตรวจสอบภายในรถพบเอกสารประจำรถ ระบุชื่อผู้ครอบครองรถ คือ นางธิดารัตน์ ตั้งเพิ่มพูนทรัพย์ หมายเลขประจำตัวประชาชน 3100601393281 เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์)
เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.คำชะอี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย และได้ติดตามเจ้าของรถมาเพื่อสอบสวนว่ามีส่วนรู้เห็นด้วยหรือไม่ต่อไป
