อบจ.จับมือเรือนจำเชียงราย-เปิดสอนอาชีพผู้ต้องขังในคุก

เชียงราย - องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายจับมือเรือนจำกลางเชียงรายเปิดฝึกอาชีพผู้ต้องขังถึงในคุก หวังให้มีอาชีพติดตัวหลังพ้นโทษ

วันนี้ (21 ส.ค.) องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย ได้ร่วมกับเรือนจำกลางจังหวัดเชียงราย เปิดโครงการฟื้นฟูและพัฒนาสมรรถภาพผู้เสพยาเสพติด หลักสูตร “การพัฒนาชีวิตผู้ต้องขังด้วยวิธีชุมชนบำบัด” ภายในเรือนจำกลางเชียงราย ต.ดอยฮาง อ.เมือง จ.เชียงราย โดยมีนางสลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช นายก อบจ.เชียงราย เป็นประธาน และนายณรงค์ คงปิ่น รักษาราชการแทนผู้บัญชาการเรือนจำกลางเชียงราย นำผู้ต้องขังทั้งชายหญิง และผู้เข้ารับการบำบัดยาเสพติดตามโครงการชุมชนบำบัดเข้าร่วมจำนวน 250 คน

นายณรงค์กล่าวว่า ปัจจุบันเรือนจำกลางเชียงรายมีผู้ต้องขังจำนวนประมาณ 5,000 คน ซึ่งกว่า 83% เป็นผู้ต้องขังในคดียาเสพติด สำหรับผู้ที่เข้าร่วมโครงการในครั้งนี้ไม่ได้เป็นผู้ที่มีความชำนาญด้านอาชีพใดแต่จะได้รับการฝึกฝนฝีมือเพื่อให้เมื่อพ้นโทษออกไปแล้วจะได้สามารถมีความรู้ความสามารถในการนำไปประกอบอาชีพและไม่กลับสู่การกระทำผิดเหมือนเดิมอีก

ด้านนางสลักจฤฎดิ์กล่าวว่า ได้มีโอกาสในการสัมผัสชีวิตภายในเรือนจำกลางเชียงรายแล้ว พบว่ามีผู้ต้องขังที่เกี่ยวข้องกับคดียาเสพติดจำนวนมาก โดยเฉพาะในแดนหญิงที่แนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้นจนเกินเนื้อที่คุมขังในเรือนจำกลางเชียงรายแล้ว จึงต้องการให้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้เลิกการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด โดยได้ร่วมกับทุกอำเภอและตำบลตรวจสอบกลุ่มผู้เสพและนำมาบำบัดฟื้นฟู

โดยโครงการนี้ อบจ.เชียงรายได้จัดสรรงบประมาณให้ทางเรือนจำประมาณ 340,000 บาทเพื่อทำการฝึกอบรมอาชีพให้แก่เรือนจำกลางเชียงรายเพื่อนำมาฝึกอบรมฝีมือให้แก่กลุ่มเป้าหมายทั้ง 250 คน เป็นชาย 100 คน ประกอบด้วยการฝึกฝีมือเป็นช่างเชื่อม 50 คน ช่างไม้ 50 คน ส่วนผู้หญิงมีจำนวน 150 คน แยกเป็นฝึกฝีมือเป็นช่างถัดโครเชต์ 50 คน ปักผ้า 50 คน และทำอาหาร 50 คน

ทั้งหมดมีทั้งผู้ต้องขังที่ต้องคดีด้วยโทษเด็ดขาด ผู้ที่อยู่ระหว่างถูกดำเนินคดี และผู้เสพ ใช้เวลาการฝึกอบรมเป็นเวลา 3 วัน และฝึกสภาพจิตใจอีก 1 วันเพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ที่จะต้องกลับออกไปสู่สังคมให้มีงานทำ และได้รับการยอมรับ เพราะปัญหาที่ผ่านมาคือเมื่อพ้นโทษออกไปแล้วไม่ได้รับการยอมรับ และไม่มีงานทำจึงทำให้กลับคืนสู่การกระทำผิดเหมือนเดิม ดังนั้นจึงคาดหวังว่าจะแก้ไขปัญหาเรื่องจำนวนผู้ต้องขังคดียาเสพติดเพิ่มขึ้นได้ในอนาคต ทั้งนี้โครงการจะมีอย่างต่อเนื่องทุกปีต่อไป