สระบุรี - ผู้ปกครองเด็กนักเรียนโรงเรียนสระบุรีวิทยาคม โวยผู้บริหารโรงเรียนนำหมอเถื่อนมาตรวจโรคให้เด็กนักเรียน หวั่นติดเชิ้อเอดส์
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกรณีที่มีกลุ่มผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนสระบุรีวิทยาคม อ.เมือง จ.สระบุรี ร้องเรียนว่า ผู้บริหารโรงเรียนได้ว่าจ้างบริษัท เคแอนด์เจ จำกัด เข้ามาตรวจสุขภาพให้แก่นักเรียน และบุคลากรของโรงเรียน เมื่อวันที่ 29-31 กรกฎาคม 2556 เกือบ 300 คน และระหว่างการตรวจเจาะเลือดในหมู่นักเรียน ได้สังเกตพบว่า แพทย์ที่ทำหน้าที่เจาะเลือดไม่ได้มีการเปลี่ยนเข็มที่เจาะให้แต่ละคนเหมือนทั่วๆ ไป (เกรงติดเชื้อโรคร้ายได้) และยังมีบางรายที่ตรวจวัดสายตาต้องจ่ายค่าบริการแพงกว่าปกติ จึงได้แจ้งให้ผู้ปกครองทราบ ครั้นผู้ปกครองทราบเรื่องที่เกิดขึ้นจากบุตรหลานของตน จึงพากันเดินทางไปที่โรงเรียน เข้าตรวจสอบ และสอบถามข้อเท็จจริงโดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสระบุรี ร่วมตรวจสอบด้วย ทำให้กลุ่มบุคคลเหล่านั้นรีบเก็บสิ่งของเครื่องมือแพทย์ในขณะนั้นหลบหนี ซึ่งในวันดังกล่าว เจ้าหน้าที่สามารถคุมตัวผู้อ้างตัวเป็นแพทย์ (ชาย-หญิง) จำนวน 2 คนไปสอบปากคำแล้วปล่อยตัวไปโดยไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาแต่อย่างใด ผู้ปกครองจึงพากันร้องเรียนผ่านไปยังสื่อให้เข้ามาทำข่าว และได้เผยแพร่ออกอากาศเมื่อกลางดึกคืนวันที่ 18 ส.ค.56 ที่ผ่านมา
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (19 ส.ค.) ผู้บริหารโรงเรียนได้มีหนังสือเวียนแจ้งให้ผู้ปกครองนักเรียน และบุคลากรที่ได้รับผลกระทบจากการตรวจโรคดังกล่าว เข้าประชุม ณ ห้องประชุมโรงเรียนสระบุรีวิทยาคม เพื่อรับฟังคำชี้แจงจากนายแพทย์พิพัฒน์ พรหมลิขิตชัย แพทย์อายุรกรรมโรงพยาบาลสระบุรี ว่า ปัญหาการติดเชื้อโรคเอชไอวี และโรคไวรัสตับอักเสบบี และซี จากการใช้เข็มร่วมกันเจาะเลือดนั้น เป็นไปได้ยากมาก หรือหนึ่งหมื่นคนจะพบเพียง 36 คน หรือคิดเป็น 0.36% เท่านั้น และอีกประการหนึ่งที่ค่อนข้างมั่นใจคือ เด็กที่เข้ารับการตรวจในวันนั้นล้วนอยู่ในวัยชั้นประถม ยังไม่มีเพศสัมพันธ์ จึงไม่มีโอกาสสัมผัสต่อโรคแต่อย่างใด
ในขณะเดียวกัน กลุ่มผู้ปกครองหลายคนยังมีความคลางแคลงใจ และพากันสอบถาม นายวัฒนพงศ์ เสมา ผู้อำนวยการโรงเรียนสระบุรีวิทยาคม ว่า ก่อนที่จะมีการว่าจ้างบริษัทเอกชนดังกล่าวเข้ามาตรวจโรคให้แก่นักเรียน และบุคลากรของโรงเรียนนั้น ได้มีการตรวจสอบว่า บริษัทดังกล่าวมีการจดทะเบียนเป็นสถานพยาบาล และเป็นแพทย์มีใบประกอบโรคศิลป์ถูกต้องหรือไม่ และบริษัทฯ ดังกล่าวเข้ามาทำการตรวจโรคได้อย่างไร ถ้าทางโรงเรียนไม่อนุญาต และเมื่อเรื่องเกิดขึ้นแล้วทางโรงเรียนได้มีการตรวจสอบ และมีการดำเนินคดีต่อบริษัทเอกชนดังกล่าวหรือไม่ และจะมีการเยียวยา หรือช่วยเหลืออย่างไร
นายวัฒนพงศ์ ชี้แจงว่า ตนได้มอบให้กรรมการศึกษาและติดต่อบริษัทเอกชนต่างๆ ที่จะให้เข้ามาตรวจโรคนั้น คณะกรรมการได้เสนอว่า บริษัทดังกล่าวได้เคยไปให้บริการแก่โรงเรียนต่างๆ ใน จ.สระบุรี มาหลายแห่งแล้ว ตนจึงให้ความเชื่อถือตรงนี้ ส่วนในกรณีแพทย์ และพยาบาลที่แอบอ้างนั้นก็ได้ทราบเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบจึงได้ทราบมิได้เป็นแพทย์จริง สำหรับการดำเนินคดีตนก็ได้ให้คณะกรรมการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ พร้อมทั้งการเยียวยาก็เช่นเดียวกัน หากผู้ปกครองนักเรียนรายใดกังวลใจว่าจะมีการติดเชื้อจากการตรวจโรคครั้งนั้น ทางโรงเรียนได้ประสานกับโรงพยาบาลสระบุรีเพื่อให้การบริการเจาะ และตรวจเลือดให้ใหม่เป็นรายๆ ไป
สำหรับบริษัท เคแอนด์เจ เฮลท์แคร์ จำกัด เป็นบริษัทที่จดทะเบียน และได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุข เลขที่ 10107000354 มีนายกิตติพงษ์ (ไม่ทราบนามสกุล) เป็นผู้รับอนุญาติ ส่วนผู้ที่แอบอ้าง และใส่เสื้อกาวน์เป็นแพทย์ทำการตรวจโรคในวันเกิดเหตุชื่อ นายวิรัตน์ ทองอู๋ แต่อ้างเป็นนายแพทย์วีรภัทร ฟุ้งสภาพ ส่วนที่อ้างเป็นแพทย์หญิง ชื่อ นางเรืองไร ศิลารัตน์ เป็นเพียงพยาบาลนอกราชการเท่านั้น
ในขณะเดียวกัน ทาง DSI นายวสวัต ชวลิตธำรง ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษ ภาค 1 พร้อมกำลังลงพื้นที่ และร่วมรับฟังการชี้แจงจากแพทย์ และผู้บริหารโรงเรียนฯ ในครั้งนี้ด้วย เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้มาตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริง และรวบรวมหลักฐานต่างๆ ทั้งหมด และทราบว่า บริษัท ดังกล่าว ได้ดำเนินการในลักษณะนี้มาแล้วหลายแห่ง โดยเฉพาะที่ จ.สระบุรี อย่างน้อย 3 แห่ง หากพบการกระทำความผิดจะเสนอให้เป็นคดีพิเศษทันที
ด้าน ร.ต.ท.เสกสรร อุดมทรัพย์ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสระบุรี เจ้าของคดีที่วันเกิดเหตุได้นำตัว นายวิรัตน์ และนางเรืองไร มาสอบปากคำ แล้วปล่อยตัวไปโดยยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหา ได้เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังคงรอเจ้าหน้าที่ฝ่ายนิติกร ของสำนักงานสาธารณสุข จ.สระบุรี ซึ่งแจ้งว่า ยังตรวจสอบเอกสารพยานหลักฐานของบริษัท เคแอนด์เจฯ อยู่ เพื่อนำมามอบให้พนักงานสอบสวนก่อนจะแจ้งข้อกล่าวหาในคดีว่าประการใดบ้าง