ลำปาง - กอ.รมน.ลำปาง นำโครงการพระราชดำริ นำร่องพัฒนาเชิงพื้นที่แบบบูรณาการใน 6 หมู่บ้าน 3 ตำบลของอำเภองาว หวังแก้ปัญหายาเสพติด บุกรุกแผ้วถางป่า และพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างยั่งยืน
วันนี้ (19 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายมงคล สุกใส ปลัดจังหวัดลำปาง ได้เรียกประชุมคณะกรรมการบริหารโครงการพัฒนาเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ เพื่อเสริมความมั่นคงบนที่สูงของ 3 ตำบล ประกอบด้วย ต.บ้านร้อง ต.ปงเตา และต.นาแก อ.งาว ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดลำปาง เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินโครงการพัฒนาพื้นที่และคนไปพร้อมกัน โดยยึดแนวพระราชดำริที่พระราชทานให้แก่ปวงชนชาวไทย และแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เป็นเครื่องชี้นำให้โครงการบรรลุเป้าหมาย
ทั้งนี้ พื้นที่นำร่องใน 3 ตำบลดังกล่าวตั้งอยู่บนที่สูงในเขตป่าต้นน้ำ ที่ผ่านมามีปัญหาการลักลอบขนยาเสพติด ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงภายในของประเทศ ความปลอดภัยในชีวิต ทรัพย์สิน และความสงบสุขในหมู่บ้าน นอกจากนี้ยังพบว่าชาวบ้านมีการบุกรุกแผ้วถางป่าเพื่อการเพาะปลูกข้าวโพดที่เป็นพืชเชิงเดี่ยว ทำให้ต้องใช้พื้นที่จำนวนมาก จึงมีการบุกรุกตัดไม้ทำลายป่าเป็นวงกว้างเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งยังใช้สารเคมีอย่างกว้างขวาง ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หากปล่อยไว้อาจทำให้เสียจนยากแก่การเยียวยาฟื้นฟู และอาจกลายเป็นภูเขาหัวโล้นได้
กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) จังหวัดลำปาง จึงได้ระดมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน จัดทำโครงการพัฒนาเชิงพื้นที่แบบบูรณาการทั้ง 3 ตำบล ครอบคลุมหมู่บ้านเป้าหมาย 6 หมู่บ้าน คือ บ้านแม่คำหล้าบ้านขวัญคีรี ต.บ้านร้อง บ้านบ่อสี่เหลี่ยม บ้านห้วยน้ำตื้น บ้านสามเหลี่ยม ต.ปงเตา บ้านสันติสุข ต.นาแก ซึ่งประชากรส่วนใหญ่เป็นชนเผ่เมี่ยน อาข่า ปากะญอ และลาหู่ ระยะเวลาดำเนินการ 4 ปี ตั้งแต่ปี 2556-2560
ล่าสุดได้ทำประชาคมราษฎรในพื้นที่ไปแล้ว 6 หมู่บ้าน และ 1 หมู่บ้านบริวาร มีผู้เข้าร่วมประชาคม 2,274 คน รวมถึงมีการจัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจ เพื่อประสานการทำงาน คณะตรวจภูมิประเทศ และเตรียมจัดประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ วันที่ 26-27 สิงหาคมนี้ เพื่อขับเคลื่อนให้โครงการเดินตามแผนงานที่ตั้งเป้าหมายไว้ต่อไป
ด้านนายพิพัฒน์ ขวัญธนธีระวุฒิ ผู้ใหญ่บ้าน บ้านแม่คำหล้า กล่าวว่า ตนและลูกบ้านรู้สึกดีใจ ที่ทางจังหวัดได้นำโครงการพระราชดำริเข้ามาในหมู่บ้าน เมื่อก่อนยอมรับว่าปัญหายาเสพติดมีจริง แต่ก็ต้องดูต้นเหตุด้วยว่ามาจากไหน เนื่องจากชาวบ้านไม่มีอาชีพจึงหันไปค้ายาเสพติด และไม่มีความรู้ เมื่อปลูกพืชเชิงเดี่ยว เช่น ข้าวโพด ก็ทำลายหน้าดิน ทำลายป่าไม้ และใช้ยาฆ่าแมลง ทำให้เกิดผลเสียทั้งต่อพืชผัก แหล่งน้ำ และตัวของชาวบ้านด้วย แต่เมื่อทางราชการเข้าไปช่วยเหลือชาวบ้านเริ่มตระหนักถึงพิษภัย ประกอบกับการเข้าไปส่งเสริมอาชีพ ทำให้ปัจจุบันปัญหายาเสพติดลดลงมากแทบจะไม่มีแล้ว ส่วนการปลูกพืชก็รณรงค์ให้หันมาปลูกพืชชนิดอื่นที่ไม่ทำลายป่าไม้ และไม่ทำลายหน้าดิน