“เกย์นที” ยื่นหนังสือค้านรวมสวนสัตว์เข้า “พิงคนคร” รอบสอง ชี้ต้องเอาข้อดีมาแจง-ทำประชาพิจารณ์

ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - “เกย์นที” ยื่นหนังสือต่อผู้ตรวจกระทรวงยุติธรรม เรียกร้องให้รัฐชี้แจงแผนรวมสวนสัตว์เชียงใหม่เข้า “พิงคนคร” เผยไม่เข้าใจโครงการใหญ่แต่ไม่มีใครแจกแจงเหตุผล-ข้อดี ระบุทำงานใหญ่แบบนี้ต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วม ไม่ใช่ว่าตามส่วนกลางสั่ง ชี้ต้องทำประชาพิจารณ์-ฟังความเห็นคนเชียงใหม่ก่อน หากไม่ทำก็ถือว่าไม่ชอบธรรม พร้อมเตรียมเคลื่อนไหวต่อทั้งทวงถาม นรม.-ฟ้องศาลปกครองหากเรื่องยังไม่คืบหน้า

วันนี้ (16 ส.ค.) ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 5 จังหวัดเชียงใหม่ นายนที ธีระโรจนพงษ์ แกนนำกลุ่มเชียงใหม่อารยะ เข้ายื่นหนังสือต่อนายอำพล วงศ์ศิริ ผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม รียกร้องให้มีการชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับกรณีการควบรวมสวนสัตว์เชียงใหม่เข้าสังกัดสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน)

โดยนายนที และคณะได้เข้ายื่นหนังสือต่อนายอำพลในระหว่างการประชุมตรวจราชการส่วนราชการสังกัดกระทรวงยุติธรรมประจำจังหวัดเชียงใหม่ เขตตรวจราชการที่ 15 ซึ่งมีนายอำพลเป็นประธานในการประชุม โดยนายอำพลระบุหลังจากรับหนังสือดังกล่าวว่าจะนำเรื่องเสนอต่อนายชัยเกษม นิติสิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมต่อไป

นายนทีเปิดเผยว่า การมายื่นหนังสือต่อนายอำพลในครั้งนี้เนื่องจากเห็นว่าเป็นโอกาสดีที่นายอำพลได้เดินทางมาปฏิบัติราชการที่จังหวัดเชียงใหม่ อีกทั้งที่ผ่านมาการดำเนินการในเรื่องการควบรวมสวนสัตว์เชียงใหม่เข้าไปสังกัดสำนักงานพัฒนาพิงคนครยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนเปิดเผยให้ประชาชนได้รับทราบแต่อย่างใด จึงอยากให้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้นำข้อมูลมาเสนอให้ประชาชนได้รับทราบ ทั้งแผนการดำเนินงานและข้อดีที่จะเกิดขึ้นเมื่อมีการควบรวมองค์กรทั้งสองแห่งเข้าด้วยกัน และหลังจากนั้นควรเปิดให้ชาวเชียงใหม่ได้ทำประชาพิจารณ์ในเรื่องดังกล่าวว่าเห็นด้วยหรือไม่ เพื่อให้เกิดความสวยงามและเหมาะสม

นายนทีระบุว่า โดยส่วนตัวไม่มีปัญหา หากจะมีการโยกย้ายหรือรวมองค์กรเข้าด้วยกัน แต่ไม่เห็นด้วยกับการดำเนินการที่ไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมทั้งๆ ที่สวนสัตว์เชียงใหม่เป็นสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ และเห็นว่าการควบรวมองค์กรจะไม่มีความชอบธรรมหากยังไม่มีการสอบถามความคิดเห็นจากชาวเชียงใหม่ก่อน ทั้งนี้ ในขณะนี้มีการนำเสนอข้อเสียของการควบรวมองค์กรทั้งสองแห่งออกมาหลายประเด็นแล้ว แต่กลับไม่มีการนำเสนอข้อดีหรือความจำเป็นที่จะต้องรวมทั้งสององค์กรเข้าด้วยกันออกมาเลย ซึ่งไม่เข้าใจว่าประเด็นเหล่านี้ทำไมผู้บริหารที่ริเริ่มแผนงานนี้ขึ้นมาจึงไม่สามารถอธิบายได้ นอกจากนี้ การตัดสินใจในโครงการที่จะมีผลต่อท้องถิ่นเช่นนี้ควรที่ประชาชนจะต้องมีส่วนร่วมด้วย ไม่ใช่ว่าอาศัยการสั่งการจากภาครัฐเพียงฝ่ายเดียว

นายนทีกล่าวต่อว่า หลังจากยื่นหนังสือผ่านทางผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรมในวันนี้แล้ว คงจะรออีกประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนที่จะเคลื่อนไหวเพื่อสอบถามความคืบหน้ากรณีการยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีผ่านทางสวนสัตว์เชียงใหม่ที่ได้ดำเนินการไปก่อนหน้านี้แล้ว แม้จะเห็นใจนายกรัฐมนตรีที่มีภารกิจมาก แต่ก็ต้องทวงถามความคืบหน้าว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ทั้งนี้ ตนอยากฟังการนำเสนอข้อมูลความจำเป็นของการควบรวมองค์กรทั้งสองแห่งเข้าด้วยกัน แต่หากยังไม่มีการตอบรับหรือดำเนินการใดๆ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก็อาจจะต้องใช้วิธีการฟ้องศาลปกครองเพื่อให้กระบวนการยุติธรรมช่วยแก้ไขปัญหาแม้ว่าตนจะยังไม่อยากทำก็ตาม

ทั้งนี้ นายนทีระบุว่า ที่ผ่านมาตนได้เข้าร่วมประชุมกับทางจังหวัดเมื่อวันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งในการประชุมสำนักงานจังหวัดเชียงใหม่ได้แจ้งกับตนว่าไม่มีการดำเนินการเรื่องการควบรวมสวนสัตว์เชียงใหม่เข้าไปสังกัดสำนักงานพัฒนาพิงคนครแต่อย่างใด แต่ในขณะนี้กลับปรากฏว่าเรื่องดังกล่าวอยู่ในระหว่างการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรแล้ว พร้อมทั้งกล่าวด้วยว่าตนและกลุ่มเชียงใหม่อารยะเป็นเพียงคนกลุ่มเล็กๆ สามารถเคลื่อนไหวได้เพียงเท่านี้

อย่างไรก็ตาม การควบรวมสวนสัตว์เชียงใหม่ไปสังกัดสำนักงานพัฒนาพิงคนครเป็นเรื่องสำคัญที่ชาวเชียงใหม่ควรจะต้องให้ความสนใจและกระตือรือร้นที่จะมีส่วนร่วมมากกว่านี้ ไม่ใช่ปล่อยให้เรื่องผ่านไป แล้วในอนาคตเมื่อเกิดปัญหาขึ้นก็มาวิพากษ์วิจารณ์กัน ทุกวันนี้ยังมีประชาชนจำนวนมากที่ไม่ทราบว่าจะมีการควบรวมองค์กรทั้งสองแห่งเข้าด้วยกัน หรืออย่างการที่ทางจังหวัดบอกว่าไม่มีการดำเนินการเรื่องนี้แต่กลับมีเรื่องเข้าไปพิจารณาในสภานั้นก็เป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วง เพราะข้าราชการหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเองยังไม่รู้ว่าเชียงใหม่จะมีอะไรเกิดขึ้น แล้วจะให้ประชาชนรู้เรื่องด้วยได้อย่างไร การทำโครงการขนาดใหญ่เช่นนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องชี้แจงข้อมูลให้ประชาชนได้เข้าใจก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไร