ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ม่ายสาวเจ้าของ ตรอ.ชื่อดังเมืองชุมแพร้องผู้สื่อข่าว ถูกหนุ่มใหญ่ทำตีสนิทหลอกให้ร่วมทุนเงินกู้ก่อนอาศัยความเชื่อใจเชิดรถหรู 4 คัน พบถูกขายเข้าเต็นท์รถมือสอง แจ้งตำรวจดำเนินคดีแต่ยังไม่คืบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (15 ส.ค.) น.ส.วิรินทร์พร ใจคำ อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 423/234 หมู่ 2 ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น เจ้าของสถานตรวจสภาพรถเอกชน (ตรอ.) พีพีที ชุมแพ จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ถูกนายธีรพงศ์ เทิดประพันธพงศ์ อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 11/6 ซอยมิตรภาพ 19 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ยืมรถแล้วหายไป จากการติดตามพบว่านำไปขายเต็นท์ต่างจังหวัด 4 คัน ประกอบด้วย รถโฟล์ค รถเชฟโรเลต บีเอ็มดับเบิลยูซีรีส์ 5 และโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ มูลค่ารวมหลายล้านบาท ซึ่งบางคันหาเจอแต่ไม่สามารถนำคืนมาได้ แม้ว่าจะแจ้งตำรวจแล้วแต่คดียังไม่คืบหน้า จึงเกรงว่าจะไม่ได้รถคืน
น.ส.วิรินทร์พรเล่าว่า รู้จักกับนายธีรพงศ์จากการแนะนำของเพื่อนเกี่ยวกับธุรกิจเงินกู้เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2555 เนื่องจากบุคลิกเป็นคนน่าเชื่อถือ โดยบอกว่าเป็นคนวิ่งเงินกู้ ประกอบกับช่วงนั้นตนต้องการเงินมาปลดหนี้ เนื่องจากสามีเสียชีวิตไปเมื่อปี 2553 ต้องดูแลครอบครัวเพียงลำพัง จึงได้นำเงินให้นายธีรพงศ์ปล่อยเงินกู้ให้
โดยตอนแรกลงไป 500,000 บาท และเมื่อเห็นว่ามีเงินตอบแทนค่อนข้างดี กล่าวคือแสนละ 3,000 บาทต่อวัน จึงได้ชวนเพื่อนและญาติมาร่วมลงทุนด้วย จนเป็นเงินรวม 6 ล้านบาท ทุกคนมีเงินโอนเข้าบัญชีช่วงบ่ายทุกวันที่ 12 ของเดือน
และด้วยความที่เชื่อใจ ลูกชายก็สนิทสนมให้ความไว้วางใจกับนายธีรพงศ์มานั่งทำงานที่บ้านได้ จนกระทั่งลูกชายต้องการขายรถโฟล์คสีขาวครีม ทะเบียน กพ 2335 ขอนแก่น ตั้งราคาไว้ 200,000 บาท นายธีรพงศ์รับอาสาไปขายให้ แต่จะบอกตลอดว่ายังขายไม่ได้เพราะรถเก่ามากต้องรอเวลาก่อน จึงไม่เอะใจเพราะธุรกิจที่ทำด้วยกันยังไปได้ดี
จากนั้นเดือนกุมภาพันธ์ 2556 นายธีรพงศ์ได้แสดงความหวังดีด้วยการนำรถเชพโรเลต ซาฟีร่า ทะเบียน กจ 1778 ขอนแก่น ซึ่งเป็นของน้องสาวไปซ่อมเกียร์ให้ โดยบอกว่านำไปซ่อมที่อู่ของเพื่อนที่เป็นเจ้าของรถยุโรป ก็เชื่อใจให้ไปอีก แม้ว่าจะช้าก็ไม่เอะใจเพราะบอกว่าต้องรออะไหล่ จนกระทั่งปลายเดือนมีนาคมนายธีรพงศ์ขอยืมรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ทะเบียน กบ 5656 ขอนแก่น อ้างว่าจะไปเก็บหนี้ที่ต่างจังหวัด ตนก็ให้ไป เพราะบอกว่าไปแค่ 2 วัน และก็ไปทำงาน แต่รถก็หายไป บอกว่าให้ลูกน้องขับไปต่างจังหวัดเพื่อไปทวงหนี้อีกหลายแห่ง ก็ยังไม่เอะใจเพราะคิดว่าเกี่ยวกับงาน
ระหว่างนั้นนายธีรพงศ์ได้ยืมรถบีเอ็มดับเบิลยู ทะเบียน กธ 8999 ขอนแก่น ไปใช้งาน ขับไประยะหนึ่งก็กลับมาบอกว่าแอร์รถเสียจะเอาไปซ่อมให้ ด้วยความที่ไม่เอะใจและเชื่อใจก็ยังให้ไป จากนั้นก็นายธีรพงศ์ก็หายไปช่วงเดือนเมษายน ผลตอบแทนที่นำไปปล่อยกู้ไม่มีเข้าบัญชี ทวงถามก็มักจะบอกว่าเริ่มเก็บเงินกู้ไม่ได้ ส่วนรถก็กำลังรออะไหล่ ซึ่งช่วงนี้เริ่มที่จะเอะใจว่าน่าจะถูกโกงและถูกเชิดรถ เพราะบังเอิญไปพบรถโฟล์คของลูกชายจอดขายที่เต็นท์รถมือสองที่ อ.ศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู สอบถามจึงทราบว่าถูกขายไปในราคา 160,000 บาท
จึงพยายามติดต่อทวงเงินและรถจากนายธีรพงศ์ครั้งสุดท้ายวันที่ 9 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยนายธีรพงศ์บอกว่ารถทุกคันถูกขายให้เต็นท์ไปแล้ว แต่ไม่ยอมบอกว่าที่ไหนบ้าง จากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย แต่ก็พยายามไปตามหาตามเต็นท์ก็ไม่พบ จึงได้แจ้งความให้ตำรวจ สภ.เมือง จ.ขอนแก่น (สภ.ย่อยสำราญ) ลงบันทึกประจำวันเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคมที่ผ่านมา
น.ส.วิรินทร์พรกล่าวว่า ต้องการรถคืนทั้งหมดเพราะยังติดภาระผ่อนกับธนาคาร ก่อนหน้านี้ยังคิดว่าถ้าได้รถคืนจะถอนแจ้งความ แต่ตอนนี้รู้ข้อมูลว่านายธีรพงศ์ไปหลอกให้คนมาลงทุนร่วมด้วยจำนวนมาก โดยอาศัยบุคลิกน่าเชื่อถือ และอาศัยจังหวะที่คนต้องการเงินต้องการรายได้ที่ดีมาหลอกล่อ แต่ไม่ได้นำไปปล่อยกู้จริง เพียงแต่นำเงินจากคนใหม่ไปส่งให้คนลงก่อนเท่านั้น
ขณะเดียวกัน นางทองมา อำทะวงศ์ อายุ 66 ปี ทำงานเป็นแม่บ้านให้ น.ส.วิรินทร์พร กล่าวว่า ได้นำเงินมาลงทุนกับนายธีรพงศ์ 110,000 บาท โดยให้เงินไปเมื่อวันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมาเพราะไม่นึกว่าจะถูกหลอก แต่ได้เงินผลตอบแทนคืนมาแล้ว 20,000 บาท ตอนนี้เสียใจมาก เมื่อรู้ว่านอกจากนายธีรพงศ์ได้เชิดรถของบ้าน น.ส.วิรินทร์พรไปถึง 4 คันแล้ว เงินที่นำไปลงทั้งหมดคงจะไม่ได้คืน
แต่ก็ยังมีความหวังว่านายธีรพงศ์จะเห็นใจคนแก่ ที่เอาเงินที่เก็บหอมรอมริบมาตลอดทั้งชีวิตมาลงทุนด้วย เพราะเห็นว่าน่าจะดี มีความมั่นคง และพอกพูน แต่ตอนนี้ทุกข์ใจมาก จนน้ำหนักลดไปกว่า 5 กิโลกรัมแล้ว
