สยอง! เก๋งเสียหลักพุ่งข้ามเกาะกลางถนน ผู้โดยสารกระเด็นออกรถถูกของมีคมตัดหัวขาด

นครราชสีมา - อุบัติเหตุสยอง! เก๋งซิ่งเสียหลักพุ่งข้ามเกาะกลางถนนที่โคราช ส่งผลให้ผู้โดยมากับรถกระเด็นออกมาจากตัวรถถูกของมีคมตัดหัวขาดเสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บสาหัสอีก 2 ราย

ช่วงเย็นวันที่ 11 ส.ค.ที่ผ่านมา ร.ต.อ.สมยศ นาชิน ร้อยเวรสอบสวน สถานีตำรวจภูธรโพธิ์กลาง ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถยนต์เสียหลักพุ่งข้ามเกาะกลางถนน และเฉี่ยวชนกับรถกระบะอีกคันที่กำลังวิ่งสวนทางมา มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตหลายราย เหตุเกิดบริเวณช่วงหลักกิโลเมตรที่ 1-2 ถนนบายพาส จอหอ-สามแยกปักธงชัย ต.ในเมือง อ.เมืองนครราชสีมา จึงรีบรุดไปตรวจสอบพร้อมประสานเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย ฮุก 31 และรถพยาบาลโรงพยาบาลโคราชเมโมเรียล รุดไปให้ความช่วยเหลือ

ในที่เกิดเหตุอยู่ฝั่งขาออกนครราชสีมา พบรถยนต์เก๋งฮอนด้า ซีวิค สีขาว หมายเลขทะเบียน กค 2867 นครราชสีมา สภาพพุ่งชนกับต้นไม้บนเกาะกลางถนน ก่อนจะพุ่งข้ามเลนมาพลิกคว่ำ พบผู้คนขับและผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บสาหัสรวม 2 รายติดอยู่ภายในรถ เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยจึงใช้อุปกรณ์ตัดถ่างงัดช่วยเหลืออกมาได้ ทราบชื่อต่อมาคือ นายสำเริง ชาติวงศ์ อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 221 ม.2 ต.ด่านจาก อ.โนนไทย จ.นครราชสีมา อีกรายเป็นชายไทยไม่ทราบชื่อ อายุประมาณ 45 ปี เจ้าหน้าที่จึงรีบช่วยเหลือนำตัวส่งรักษาโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้เคียง

นอกจากนี้ บริเวณใกล้กันพบศพชายไทยไม่ทราบชื่อและนามสกุล อายุประมาณ 45-50 ปี สภาพศีรษะขาดออกจากร่าง กระเด็นไปตกอยู่ใต้ท้องรถกระบะโตโยต้า วีโก้ สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน ตน 9820 กรุงเทพ ที่มีนายสมชาย สาระรัตน์ อายุ 34 ปี ขับรถพาครอบครัวและญาติพี่น้อง จำนวน 7 คน เดินทางมาจาก จ.หนองคาย จะไปท่องเที่ยวช่วงวันหยุดที่ จ.ชลบุรี โชคดีที่เห็นเหตุการณ์และหยุดรถไว้ได้ทันก่อนที่รถทั้ง 2 คันจะชนประสานงากัน

จากการสอบถามนายสำเริง ชาติวงศ์ อายุ 41 ปี คนขับรถยนต์คันดังกล่าวทราบว่า ได้ขับรถยนต์พาเพื่อนที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตมาจากถนนคลองส่งน้ำ ต.ปรุใหญ่ อ.เมืองนครราชสีมา เพื่อจะเดินทางไปส่งเพื่อนในเขต อ.โนนไทย จ.นครราชสีมา ซึ่งขณะขับรถลงมาจากสะพานต่างระดับด้วยความเร็ว รถยนต์เกิดเสียหลักพุ่งชนกับเกาะกลางถนนอย่างแรง จนรถกระเด็นพลิกคว่ำ เป็นเหตุให้เพื่อนที่นั่งมาด้วยกระเด็นออกมานอกรถ ก่อนจะถูกของแข็งมีคมตัดเข้าที่ศีรษะอย่างแรงจนเป็นเหตุให้เสียชีวิตดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สอบสวนผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดอย่างละเอียด ก่อนสรุปสำนวนและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป