หนุ่ม อปพร.ฉุนน้องเมีย ใช้ปืนลูกซองยิงดับ

ศูนย์ข่าวขอนแก่น - หนุ่ม อปพร.ฉุนน้องเมีย ใช้ปืนลูกซองประจำกายยิงเสียชีวิตต่อหน้าญาติที่เข้ามาห้าม หลังถืออีโต้จะเข้ามาทำร้ายเมียถึงหน้าบ้าน

วันนี้ (8 ส.ค.) ร.ต.อ.สรวิทย์ สินนา ร้อยเวรสภ.กระนวน จ.ขอนแก่น รับแจ้งเหตุคนถูกยิงเสียชีวิต ที่ปากทางเข้าน้ำตกป๋าหลวง บ้านโคกล่าม ต.ห้วยยาง จึงรายงาน พ.ต.อ.โผนชัย ครองยุทธ ผกก.สภ.กระนวน พ.ต.ท.ทองสุข นารีจันทร์ รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.วิชิต ชุมแวงวาปี สว.สส. พ.ต.ท.วิชาญ สุธรรมแปง พนักงานสอบสวนชำนาญการ พร้อมด้วย นพ.ยุทธนา เปล่งวาจา แพทย์เวรโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชกระนวน และพิสูจน์หลักฐาน 1 ตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น และไปยังที่เกิดเหตุ

พบผู้เสียชีวิตทราบชื่อนายอาคม เชยชัยภูมิ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 117 หมู่ 5 บ้านโคกล่าม ต.ห้วยยาง เสียชีวิอยู่กลางถนนในหมู่บ้าน มีบาดแผลถูกยิงด้วยปืนลูกซองเบอร์ 9 ที่ราวนมซ้าย เสียชีวิตคาที่ มือซ้ายยังกำธนบัตรฉบับละ 20 บาท ตรวจสอบในกระเป๋ากางเกง พบถุงใส่ยาแผนปัจจุบันของโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชกระนวน

สอบสวนทราบว่าผู้ก่อเหตุคือนายเถาวัลย์ วรรณศรี เจ้าหน้าอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน(อป.พร.) อายุ 55 ปี อยู่เลขที่118 หมู่ที่ 5 บ้านโคกล่าม ต.ห้วยยาง หลบหนีไปทางท้ายหมู่บ้าน และทิ้งอาวุธปืนลูกซอง 5 นัดของทางราชการไว้ข้างทาง จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

เบื้องต้นทราบว่าผู้ตายมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับภรรยานายเถาวัลย์ เกี่ยวกับเรื่องที่ดินของมารดา ซึ่งผู้ตายนำที่ดินไปจำนองไว้ที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ สาขาขอนแก่น แต่ไม่ส่งเงินชำระหนี้ จนถูกยึดขายทอดตลาด ต่อมานายเถาวัลย์ผู้ก่อเหตุได้ติดต่อซื้อไว้ สร้างความไม่พอใจให้กับครอบครัวของนายอาคมผู้ตาย เคยมีเรื่องขึ้นโรงขึ้นศาลหลายครั้ง จนเป็นที่บาดหมางกันมาโดยตลอด

ขณะเดียวกัน นายอาคมเข้าบำบัดการเสพยาเสพติดมาหลายครั้ง ทำให้เกิดอาการทางประสาท ต้องอาศัยยาจากโรงพยาบาลรักษาอาการ โดยก่อนเกิดเหตุนายอาคมได้ถือมีดอีโต้ จะเข้าทำร้ายภรรยานายเถาวัลย์ โดยใช้มีดฟันที่ต้นไม้หน้าบ้าน ซึ่งนายเถาวัลย์มาเห็นพอดี ทำให้เกิดความไม่พอใจ

ระหว่างนั้นนายพร รังมาตย์ และนายอำพร ตรีสาตร์ ผู้เห็นเหตุการณ์ ได้เข้ามาล็อคตัวนายอาคมออกจากหน้าบ้านห่างออกมาประมาณ 50 เมตร ขณะที่นายเถาวัลย์ได้ถือปืนลูกซองตามมาอย่างกระชั้นชิด และใช้ปลายกระบอกปืนจ่อเข้าที่ราวนมซ้ายนายอาคม พร้อมลั่นกระสุน 1 นัด และหลบหนีไปทางท้ายหมู่บ้าน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป