สุรินทร์ - ชาวบ้านอ.สังขะ สุรินทร์ 7 ราย โร่แจ้งความตำรวจ ตามจับ“นางนภารัตน์” เจ้าแม่เงินกู้นอกระบบ หลอกกู้เงินไปรายละ 5 แสนถึงกว่า 10 ล้าน รวมสูญกว่า 24 ล้าน ให้ดอกเบี้ยสูงร้อยละ 1-4.50 ต่อวัน อ้างนำปล่อยกู้ให้กับลูกหนี้ ธ.ก.ส. เผยช่วงแรกได้ดอกเบี้ยงามตามกำหนดและขอกู้เพิ่มอีก แต่ช่วงหลังเงียบหาย คาดมีเหยื่อถูกตุ๋นอื้อนับร้อยล้าน
วันนี้ (1 ส.ค.) ที่ สภ.สังขะ อ.สังขะ จ.สุรินทร์ ประชาชนผู้เสียหายจำนวน 7 คน ในฐานะผู้ให้กู้ได้นำเอกสารหนังสือสัญญากู้เงิน ที่ทำขึ้นกับ นางนภารัตน์ อนงชัย อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 54/1 ต.สังขะ อ.สังขะ จ.สุรินทร์ ผู้กู้ เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.ท.อาคม สุขแล้ว พงส. สภ.สังขะ เพื่อให้ดำเนินคดีกับ นางนภารัตน์ ผู้กู้ ดังกล่าว
ผู้เสียหายทั้งหมดระบุ ว่า นางนภารัตน์ ฉ้อโกงในลักษณะหลอกกู้ยืมเงินและสัญญาว่าจะให้ดอกเบี้ยร้อยละ 1-4.50 ต่อวันหรือต่อสัปดาห์แล้วแต่ข้ออ้างของผู้กู้ในแต่ละครั้ง ซึ่งช่วงแรกได้จ่ายดอกเบี้ยให้ตามปกติ พร้อมกับขอกู้เงินเพิ่มจากเดิม โดยอ้างว่าเพื่อไปปล่อยเงินกู้นอกระบบให้กับประชาชนที่เป็นลูกหนี้เงินกู้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ( ธ.ก.ส.) ซึ่งนางนภารัตน์จะได้ดอกเบี้ยจากประชาชนดังกล่าว และนำเงินดอกเบี้ยมาจ่ายให้กับกลุ่มผู้เสียหาย จนผู้เสียหายหลงเชื่อไปหายืมเงินและชักชวนญาติพี่น้องเพื่อฝูงเข้าร่วมลงทุน หาเงินมาให้นางนภารัตน์ กู้ยืม เพื่อหวังค่าตอบแทนจากอัตราดอกเบี้ยสูง
แต่หลังจากนั้นในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ผู้กู้กลับไม่มีเงินดอกเบี้ยมาจ่ายให้ โดยกลุ่มผู้เสียหายแต่ละคนมียอดเงินสะสมที่นางนภารัตน์ กู้ไปรายละตั้งแต่ 5 แสนบาท จนถึง กว่า 10 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาทางอำเภอสังขะ ได้นัดไกล่เกลี่ยมาครั้งหนึ่งแล้วและทางกลุ่มผู้เสียหายเคยเข้าไปทวงถามหลายครั้ง แต่ นางนภารัตน์ ผู้กู้ได้บ่ายเบี่ยงผลัดวันมาโดยตลอด ทำให้กลุ่มผู้เสียหายตัดสินใจรวมตัวกันเข้าแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายในวันนี้
สำหรับผู้เสียหายที่แจ้งความในวันนี้ ประกอบด้วย 1.น.ส.กนกพร แสนคม อยู่บ้านเลขที่ 52 ม.3 ต.ดม อ.สังขะ จ.สุรินทร์ ยอดเงิน 5,946,000 บาท 2. นางจารุวรรณ ดูเรืองรัมย์ อยู่บ้านเลขที่ 1 ม.4 ต.ศรีสุข อ.สังขะ ยอดเงิน 2,086,000 บาท , 3.นางขวัญฤดี จันทร์แดง อยู่บ้านเลขที่ 236 ม.1 ต.บ้านชบ อ.สังขะ ยอดเงิน 11,367,981 บาท , 4.นายทูน พอกพูน อยู่บ้านเลขที่ 5 ต.สังขะ อ.สังขะ ยอดเงิน 1,300,000 บาท , 5.นางวิไลย์ ภาระหอม อยู่บ้านเลขที่ 104 ม.1 ต.ดม อ.สังขะ ยอดเงิน 1,300,000 บาท , 6. นางจรวย พรมวัฒน์ อยู่บ้านเลขที่ 19 บ.โพธิ์ ต.บ้านจารย์ อ.สังขะ ยอดเงิน 1,910,000 บาท , 7.นายสราวุธ พัชรพงษ์ อยู่บ้านเลขที่ 51/1 ม.7 ต.วังหามแห อ.ขาณุวรลักษณ์บุรี จ.กำแพงเพชร ยอดเงิน 530,000 บาท รวม 7 คน เป็นเงินมากถึง 24,439,981 บาท
นางจารุวรรณ ดูเรืองรัมย์ เจ้าหน้าที่บัญชีสหกรณ์ออมทรัพย์ พนักงานสหกรณ์สุรินทร์ จำกัด หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า ครั้งแรกเมื่อประมาณเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา นางนภารัตน์ เข้ามาที่ทำงานของตน และตนให้ยืมเงินไป 1 แสนบาท ได้ดอกเบี้ยร้อยละ 1 บาทต่อวัน รวมเป็น 3,000 บาทต่อวัน โดยนัดจ่ายทุกสัปดาห์ หลังจากนั้นได้ขอกู้เพิ่ม ตนหลงเชื่อโอนจึงเงินให้อีก จนมียอดเงินรวม 2.08 ล้านบาท ขณะนี้ยังไม่ได้ทั้งเงินดอกเบี้ยและเงินต้นคืน ซึ่งเมื่อเดือน พ.ค. ได้นัดตนและผู้เสียหายอีกหลายคนว่าจะคืนเงินทั้งต้นและดอกเบี้ยให้ในช่วงเดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา แต่เลื่อนเวลาออกไปอีก
ต่อมาเมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา นางนภารัตน์ โทรศัพท์มาบอกว่าฝากบอกพี่ๆ น้องๆ ที่ให้กู้เงินทุกคน ว่าตอนนี้เขาไม่มีเงินคืนให้แล้ว โดยบอกว่า เงินที่ได้จากพวกเราไปไม่ได้ไปปล่อยกู้ให้กับลูกค้า ธ.ก.ส. แต่อย่างใด แต่เอาไปให้นายทุนคนอื่นที่ทำธุรกิจเหมือนกับเขา จำนวน 4-5 คนๆ ละ 4-5 ล้านบาท และพวกนั้นก็ไม่ให้เงินคืนให้เขาตั้งแต่ ม.ค.ที่ผ่านมาแล้ว
หลังจากนั้น นางนภารัตน์ ได้นัดพวกตนรวมกว่า 10 คน ไปที่ร้านจำหน่ายโทรศัพท์ของเขาในเขตเทศบาลตำบลสังขะ เพื่อขอไกล่เกลี่ยว่าจะทยอยจ่ายเงินต้นคืนให้ในเดือน ก.ย. คนละ 5,000 บาท พวกตนจึงไม่แน่ใจว่าจะไม่ได้เงินคืน และเมื่อวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมาได้เข้าร้องเรียนกับนายอำเภอสังขะ แต่ไม่อยู่จึงมอบให้ปลัดอำเภอรับเรื่องแทน และทางอำเภอสังขะได้เรียก นางนภารัตน์มาเจราจากับพวกตนในลักษณะไกล่เกลี่ยอีกครั้ง พวกตนไม่ยอมจึงตัดสินใจเข้าแจ้งความในวันนี้เพื่อให้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ซึ่งคาดว่าจะมีผู้เสียหายอีกเป็นจำนวนมาก รวมเป็นเงินนับร้อยล้านบาทแน่นอน
นางขวัญฤดี จันทร์แดง อยู่บ้านเลขที่ 236 ม.1 ต.บ้านชบ อ.สังขะ ผู้เสียหายอีกคน กล่าวว่า ตนถูกหลอกในลักษณะเดียวกัน จนมียอดเงินรวมกว่า 11 ล้านบาท ช่วงแรกได้ดอกเบี้ยตรงเวลา แต่พักหลังเริ่มขาดหายไป และมาขอกู้เพิ่มซึ่งแต่ละครั้งเสนอดอกเบี้ยไม่เท่ากัน โดยอ้างว่ามีลูกค้า ธ.กส. ที่ต้องการกู้เงินอีกหลายพื้นที่อำเภอ ทั้งนี้ตนให้ นางนภารัตน์ กู้ยืมเงินไปตั้งแต่เดือน มี.ค. 2555 โดยไปรวบรวมเงินจากญาติพี่น้องมาให้กู้ยืม และประมาณ 1 ปี ก็เริ่มมีปัญหาการจ่ายดอกเบี้ย จากนั้นทราบว่าเขาได้ไปหลอกเอาเงินจากคนในพื้นที่หลายอำเภอของ จ.สุรินทร์ ทั้ง ใน อ.สังขะ, อ. ลำดวน , อ.บัวเชด และ อ.ศรีขรภูมิ เป็นต้น
“ ที่ผ่านมาได้เรียกให้ นางนภารัตน์ นำเงินมาเคลียร์ ในที่สุดได้เงินคืนมาแค่ 3 แสนบาท ส่วนเงินที่เหลือเขาบอกว่า ขอเวลาหาเงินก่อน จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดีให้ถึงที่สุดและต้องการได้เงินคืนมาทั้งหมดด้วย” นางขวัญฤดี กล่าว
ด้าน น.ส.กนกพร แสนคม เจ้าหน้าที่บัญชี สหกรณ์การเกษตรสังขะ จำกัด กล่าวว่า ตนถูกหลอกในลักษณะเดียวกัน รวมเป็นเงินกว่า 5 ล้านบาท โดยรวบรวมเงินจากญาติพี่น้องมาให้นางนภารัตน์ กู้ แรกๆ ก็ได้ดอกเบี้ยคืนแต่ระยะหลังหายไป และขณะนี้ตนก็ถูกญาติพี่น้องฟ้องดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกงด้วย ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงต้องพากันมาแจ้งความในวันนี้ นอกจากนี้ยังมีเพื่อนๆในที่ทำงานถูกหลอกกู้เงินในลักษณะดังกล่าวอีกประมาณ 5-6 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ยังมีผู้เสียหายซึ่งเป็นพ่อค้าแม่ค้าในตลาดสดเทศบาลตำบลสังขะ ถูกหลอกกู้เงินในลักษณะดังกล่าวอีกหลายราย ตั้งแต่ระดับ 1 แสนบาท ไปจนถึงกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งบางคนได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีไปแล้วก่อนหน้านี้ คาดว่ามีเงินที่ถูกฉ้อโกงไปในครั้งนี้ในพื้นที่ อ.สังขะ รวมนับร้อยล้านบาท
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะได้สอบปากคำและรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป