นครปฐม - สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดนครปฐม เผยแต่ละปีมีผู้ติดยาเสพติดกว่า 4,000 คน เข้ารับการฟื้นฟูแบบบังคับ เป้าหมายลดจำนวนผู้ติดยาให้น้อยลง
วันนี้ (20 ก.ค.) นางสุธาทิพย์ ศรีโหร ผู้อำนวยการสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดนครปฐม เปิดเผยว่า ภารกิจหลักของสำนักงานคุมประพฤติ คือ การแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำความผิด หนึ่งในนั้นคือ คดีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดซึ่งเป็นคดีที่มีโทษฐานเสพ และมีไว้ในครอบครองไม่เกินที่กฎหมายกำหนด ตาม พ.ร.บ.ฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด 2545 ที่กำหนดให้ผู้ติดยาเป็นผู้ป่วย ต้องมีการบังคับไปบำบัด ซึ่งแต่ละปีมีมากถึง 4,000 คน
โดยเมื่อตำรวจจับกุมมาได้ จะเสนอต่อศาลให้ศาลมีคำสั่งตรวจพิสูจน์ ตรวจสอบประวัติโดยละเอียด และตรวจสารเสพติดในปัสสาวะ จากนั้นจะมีคณะอนุกรรมการซึ่งประจำอยู่ที่สำนักงานคุมประพฤติเป็นผู้พิจารณารายงานของการตรวจพิสูจน์ ว่า ผู้ติดยาเสพติดสมควรบำบัดแบบเข้มงวด หรือแบบไม่เข้มงวด
สำหรับการควบคุมตัวแบบเข้มงวด จะส่งตัวผู้ติดยาไปยังสถานฟื้นฟู คือ โรงเรียนการบินกำแพงแสน ซึ่งเป็นภาคีของกรมคุมประพฤติโดยตรง หากโรงเรียนการบินกำแพงแสน มีปริมาณผู้ฟื้นฟูมากเกินจำนวนก็จะนำผู้ฟื้นฟูไปยังกองทัพเรือ และตามโรงพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุข ในลักษณะผู้ป่วยนอก โดยใช้เวลาในการบำบัด 4 เดือน จากนั้นคณะอนุกรรมการจะพิจารณาให้กลับมาอยู่ในการดูแลของสำนักงานคุมประพฤติ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนกลับคืนสู่สังคม
สำหรับผลการบำบัดผู้ติดยาเสพติดให้ประสบความสำเร็จ 100% มีความเป็นไปได้น้อย และต้องใช้เวลายาวนานมาก ต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้ที่มีความรู้ในการบำบัด โดยเฉพาะหน่วยงานภาคีเครือข่ายของกรมคุมประพฤติ ซึ่งที่ผ่านมา บุคลากรด้านยาเสพติดก็ทุ่มเทกันอย่างเต็มที่ และดูแลได้ดีในระดับหนึ่งเพื่อให้ผู้ติดยาเสพติดในจังหวัดนครปฐมมีจำนวนน้อยลงกว่านี้
วันนี้ (20 ก.ค.) นางสุธาทิพย์ ศรีโหร ผู้อำนวยการสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดนครปฐม เปิดเผยว่า ภารกิจหลักของสำนักงานคุมประพฤติ คือ การแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำความผิด หนึ่งในนั้นคือ คดีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดซึ่งเป็นคดีที่มีโทษฐานเสพ และมีไว้ในครอบครองไม่เกินที่กฎหมายกำหนด ตาม พ.ร.บ.ฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด 2545 ที่กำหนดให้ผู้ติดยาเป็นผู้ป่วย ต้องมีการบังคับไปบำบัด ซึ่งแต่ละปีมีมากถึง 4,000 คน
โดยเมื่อตำรวจจับกุมมาได้ จะเสนอต่อศาลให้ศาลมีคำสั่งตรวจพิสูจน์ ตรวจสอบประวัติโดยละเอียด และตรวจสารเสพติดในปัสสาวะ จากนั้นจะมีคณะอนุกรรมการซึ่งประจำอยู่ที่สำนักงานคุมประพฤติเป็นผู้พิจารณารายงานของการตรวจพิสูจน์ ว่า ผู้ติดยาเสพติดสมควรบำบัดแบบเข้มงวด หรือแบบไม่เข้มงวด
สำหรับการควบคุมตัวแบบเข้มงวด จะส่งตัวผู้ติดยาไปยังสถานฟื้นฟู คือ โรงเรียนการบินกำแพงแสน ซึ่งเป็นภาคีของกรมคุมประพฤติโดยตรง หากโรงเรียนการบินกำแพงแสน มีปริมาณผู้ฟื้นฟูมากเกินจำนวนก็จะนำผู้ฟื้นฟูไปยังกองทัพเรือ และตามโรงพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุข ในลักษณะผู้ป่วยนอก โดยใช้เวลาในการบำบัด 4 เดือน จากนั้นคณะอนุกรรมการจะพิจารณาให้กลับมาอยู่ในการดูแลของสำนักงานคุมประพฤติ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนกลับคืนสู่สังคม
สำหรับผลการบำบัดผู้ติดยาเสพติดให้ประสบความสำเร็จ 100% มีความเป็นไปได้น้อย และต้องใช้เวลายาวนานมาก ต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้ที่มีความรู้ในการบำบัด โดยเฉพาะหน่วยงานภาคีเครือข่ายของกรมคุมประพฤติ ซึ่งที่ผ่านมา บุคลากรด้านยาเสพติดก็ทุ่มเทกันอย่างเต็มที่ และดูแลได้ดีในระดับหนึ่งเพื่อให้ผู้ติดยาเสพติดในจังหวัดนครปฐมมีจำนวนน้อยลงกว่านี้
