ครูหนุ่มโร่แจ้งจับ ตร.จราจรโคราช หลังถูกตบหน้า เหตุแค่ถามทาง

ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ครูหนุ่มโร่แจ้งจับตำรวจจราจร สภ.เมืองโคราช หลังถูกตบหน้าอย่างแรง เหตุแค่จอดรถถามทาง หวังให้เป็นกรณีตัวอย่างเพื่อไม่ให้ทำร้ายประชาชนอีก วอนผู้บังคับบัญชากำชับการปฏิบัติงานของตำรวจจราจรเพราะต้องทำงานใกล้ชิดประชาชน

วันนี้ (20 ก.ค.) ที่ สภ.เมืองนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายศิริวัฒน์ สุพรหม อายุ 29 ปี พนักงานราชการ ศูนย์การศึกษาพิเศษเขต 11 นครราชสีมา พร้อมภรรยา และลูกชายวัย 1 ขวบ ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนเพื่อให้ดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สภ.เมืองนครราชสีมา หลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรไม่ทราบยศ ชื่อ-สกุล ประจำอยู่จุดหน้าโรงเรียนสุรนารีวิทยา เขตเทศบาลนครนครราชสีมา ตบหน้าเมื่อช่วงเย็นของวานนี้

นายศิริวัฒน์ สุพรหม อายุ 29 ปี กล่าวว่า ตนเป็นครูสอนเด็กพิเศษ อยู่ศูนย์การศึกษาพิเศษ เขต 11 ซึ่งวันเกิดเหตุได้ขับรถยนต์มาเพียงลำพังเพื่อไปทำธุระให้แก่ทางโรงเรียนบริเวณ ถ.ช้างเผือก ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา เมื่อขับมาถึงบริเวณหน้าโรงเรียนสุรนารีวิทยา ตนเห็นว่ามีรถจักรยานยนต์หลายคันกลับรถ และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรยืนปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณเกาะกลางถนน จึงจอดรถถามว่า รถยนต์สามารถกลับรถได้หรือไม่ แต่กลับถูกตำรวจจราจรคนดังกล่าว ตอบกลับมาด้วยวาจาไม่สุภาพ และด้วยความไม่พอใจต่อกิริยาดังกล่าวตนจึงพูดออกไปว่า บอกกันดีๆ ก็ได้ ก่อนจะขับรถไปกลับตรงจุดที่กำหนดด้านหน้า

แต่เมื่อขับรถกลับมาถึงจุดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรคนเดิมยืนอยู่ ได้มีเพื่อนตำรวจอีกคนเรียกตรวจ ซึ่งตนก็ยอมให้ตรวจแต่โดยดี และเป็นจังหวะเดียวกันที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรที่พูดจาไม่สุภาพเดินเข้ามาหาพร้อมกับพูดว่า “มึงว่าอะไรกู” ก่อนที่จะยื่นมือเข้ามาตบที่หน้าของตนในรถอย่างแรง 1 ครั้ง

นายศิริวัฒน์ กล่าวว่า ตอนแรกตนที่ไม่กล้าเข้าแจ้งความเนื่องจากยังอยู่ในอาการตกใจ และกลัว จนกระทั่งได้ปรึกษาภรรยา และญาติพี่น้องจึงตัดสินใจเข้าแจ้งความเพราะไม่ต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจคนดังกล่าวไปปฏิบัติกับประชาชนคนอื่น และต้องการให้ผู้บังคับบัญชาตักเตือนเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร ซึ่งต้องทำงานใกล้ชิดกับประชาชนเพื่อไม่ให้ไปทำร้ายประชาชนอีก

ด้านพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี เปิดเผยว่า หลังจากผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความ ตนได้ส่งตัวไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา เพื่อให้แพทย์ทำบันทึกตรวจร่างกายตามขั้นตอน จากนั้นจะได้สอบปากคำก่อนดำเนินการสืบสวนหาตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรคนดังกล่าวมาสอบปากคำตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย และไม่มีการให้ความช่วยเหลือเพื่อนตำรวจด้วยกันอย่างเด็ดขาด หากทำผิดต้องได้รับโทษเหมือนประชาชนทั่วไป