เชียงราย - ตำรวจนำหมายศาลบุกคุมตัวเถ้าแก่โรงสีเชียงรายฉ้อโกงชาวนาถึงบ้านพัก แอบอ้างเข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าว อ้างถูกโรงสีใหญ่เบี้ยวไม่จ่ายใบประทวนก่อน แต่ยันหาเงินใช้คืนชาวนาภายใน 2 เดือน
วันนี้ (18 ก.ค.) คณะอนุกรรมการติดตามกำกับดูแลการรับจำนำข้าวจังหวัดเชียงราย ยังคงติดตามคดีผู้ประกอบการรับซื้อข้าว 2 รายใน อ.เทิง ไม่จ่ายใบประทวนตามโครงการรับจำนำข้าวนาปรังฤดูกาล 2555/2556 ช่วงเดือนพฤษภาคมถึงกรกฎาคม ทำให้ชาวนาใน อ.ขุนตาล และ อ.เทิง 111 รายที่นำข้าวไปส่งมอบให้รวม 1,015,042 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 8,997,462 บาท ได้รับความเสียหาย และเข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อนายพีร์นิทัศน์ เขื่อนเชียงสา ท่าข้าววิจิตรา นายณัชสัณห์ และนางธนัญรัตน์ รัศมิ์ธนหาญ โรงสีนิธิผลการเกษตร อ.เทิง
ต่อมาการค้าภายในจังหวัดเชียงรายได้แจ้งความดำเนินคดีเพิ่มที่ สภ.เทิง ตาม พ.ร.บ.ค้าข้าว 2489 กรณีฝ่าฝืนมาตรา 9 หรือมาตรา 12 วรรค 1 ซึ่งมีระวางโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ เนื่องจากพบว่ามีการแอบอ้างว่าเกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลโดยไม่มีใบอนุญาต
ล่าสุดมีรายงานว่า นายพีร์นิทัศน์ เขื่อนเชียงสา ผู้ประกอบการท่าข้าววิจิตรา ได้เข้าพบพนักงานสอบสวนแล้ว
ขณะที่ผู้ถูกกล่าวหาอีก 2 ราย คือ นายณัชสัณห์ และนางธนัญรัตน์ รัศมิ์ธนหาญ เจ้าของโรงสีนิธิผลการเกษตร อ.เทิง หลังได้รับรายงานจาก พ.ต.อ.เถกิง ทองอินทร์ ผกก.สภ.เทิง ว่าบุคคลทั้ง 2 มีบ้านพักอยู่ในท้องที่ อ.เมือง พล.ต.ต.วันชัย สุวรรณศิริเขต ผบก.ภ.จว.เชียงราย ได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.ธวัชชัย ระวังศรี สวป.สภ.เมือง ประสานตำรวจ สภ.เทิง นำหมายศาลจังหวัดเทิง ลงวันที่ 17 กรกฎาคม 2556 ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน เอาไปซึ่งเอกสารของผู้อื่นในประการที่จะทำให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนและผู้อื่น เข้าควบคุมตัวนายณัชสัณห์และนางธนัญรัตน์จากบ้านพักในเขตชุมชนสันสลี ต.รอบเวียง อ.เมือง นำส่ง สภ.เทิง สอบสวนดำเนินคดี
ซึ่งนายณัชสัณห์ให้การว่า เดิมมีอาชีพค้าขายข้าวอยู่ที่โรงสีนิธิพลสหพืชผล อ.แม่ลาว ต่อมานายพีร์นิทัศน์ได้ชักชวนให้ไปทำธุรกิจซื้อขายข้าวที่ อ.เทิง โดยจดทะเบียนการค้าเป็นชื่อของนางธนัญรัตน์ ภายใต้ชื่อโรงสีข้าวนิธิผลสหการเกษตร ช่วงแรกก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าว แต่รับซื้อข้าวทั่วไปตามปกติ
ต่อมาได้มีท่าข้าวแห่งหนึ่งใน ต.แม่ข้าวต้ม อ.เมือง ติดต่อให้เปิดจุดรับจำนำข้าว จากนั้นให้ส่งข้าวไปยัง ต.แม่ข้าวต้มแลกส่วนแบ่งจากค่าข้าวกิโลกรัมละ 15 สตางค์ หรือตันละประมาณ 150 บาท ตนจึงเปิดรับข้าวจากชาวนา และนำข้าวไปส่งโรงสีที่ ต.แม่ข้าวต้ม โดยเก็บเอกสารยืนยันเอาไว้
แต่เมื่อเวลาผ่านไปยังไม่ได้รับใบประทวนเพื่อจะส่งมอบให้ชาวนา จึงได้ทวงถามไปยังโรงสีที่ ต.แม่ข้าวต้ม กลับไม่ยอมส่งมอบให้ ทำให้เรื่องยืดเยื้อถึงปัจจุบัน อย่างไรก็ตามจะพยายามหาเงินมาชำระหนี้ให้ชาวนาภายในเวลา 2 เดือนนี้ให้ได้
ด้าน พล.ต.ต.วันชัยกล่าวว่า เรื่องนี้ต้องแยกออกเป็น 2 กรณี คือ การดำเนินคดีข้อหาฉ้อโกง และเรื่องการเปิดจุดรับจำนำข้าวโดยไม่ได้รับอนุญาตจากการค้าภายในจังหวัด ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เร่งสอบปากคำผู้ถูกกล่าวหาให้แล้วเสร็จทั้ง 3 คนโดยเร็วแล้ว แต่หลังจากนั้นก็ได้ให้ประกันตัวออกไป โดยให้วางหลักทรัพย์เอาไว้ในวงเงิน 5 ล้านบาท เพื่อเป็นหลักประกันแก่ชาวนาว่าจะได้รับเงินจากการจำนำข้าวที่ผ่านมาอย่างแน่นอน ส่วนคดีต่อเนื่องก็จะมีการสืบสวนสอบสวนต่อไป