เชียงราย - ตำรวจตั้งข้อหา 2 เถ้าแก่โรงสี-ท่าข้าว “ฉ้อโกง” หลังไม่จ่ายใบประทวน เตรียมขอศาลออกหมายจับหากไม่ยอมเข้ารับทราบข้อหา ขณะที่ชาวนาแห่เข้าแจ้งความเพิ่มเป็น 111 รายแล้ว
วันนี้ (16 ก.ค.) กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรังจาก อ.เทิง และ อ.ขุนตาล จ.เชียงราย ประมาณ 200 คน เดินทางไปยังที่ว่าการอำเภอเทิงเพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อผู้ประกอบการท่าข้าววิจิตรา และโรงสีนิธิผลสหพืชผล อ.เทิง เพิ่มเติม รวมเป็น 111 ราย หลังมีชาวบ้าน 105 รายเข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.เทิง วานนี้ (15 ก.ค.) เนื่องจากนำข้าวเข้าจำนำตันละ 15,000 บาทผ่านผู้ประกอบการทั้ง 2 รายตั้งแต่เดือนเมษายนถึงพฤษภาคม แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับใบประทวน
ผลการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่า ก่อนหน้านี้มีชาวนา 36 รายนำข้าวเข้าจำนำตามโครงการรับจำนำของรัฐบาลผ่านท่าข้าวและโรงสีดังกล่าว และได้รับใบประทวนไปแล้ว ทำให้ชาวนาทั้ง 111 รายนี้ตัดสินใจนำข้าวไปส่ง เพราะเห็นเพื่อนชาวนาได้ใบประทวน และขึ้นเงินได้ โดยได้พากันขนข้าวไปส่งประมาณ 1,015,042 กิโลกรัม มูลค่า 8,997,462 บาท แต่กลับไม่ได้รับใบประทวน จึงยังไม่ได้รับเงินตามโครงการ
นายสนั่น มาลัย อายุ 64 ปี ตัวแทนชาวบ้านจากหมู่ 15 ต.บ้านต้า อ.ขุนตาล กล่าวว่า นำข้าวไปจำนำ 5.5 ตัน หวังจะนำเงินมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เพราะคำนวณแล้วจะได้เงินรวม 64,000 บาท แต่ผ่านมาร่วม 1 เดือนกลับไม่ได้รับใบประทวน ได้เพียงใบรายการว่านำข้าวไปให้เท่าไหร่ โดยทางโรงสีแจ้งว่าจะนำรายละเอียดไปแจ้งให้โรงสีที่ อ.แม่จัน และ อ.เทิง ที่อยู่ในโครงการรับจำนำข้าว แต่ก็ไม่ได้รับใบประทวนจนถึงทุกวันนี้
พ.ต.อ.เถกิง ทองอินทร์ ผกก.สภ.เทิง กล่าวว่า ได้ให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำ และรวบรวมข้อมูลจากชาวบ้านเอาไว้หมดแล้ว พร้อมแจ้งไปยังนายพีร์นิทัศน์ เขื่อนเชียงสา จุดรับฝากข้าวท่าข้าววิจิตรา และนายณัชสัณห์ รัศมิ์ธนหิรัญ โรงสีนิธิผลสหการเกษตร ให้ทราบแล้ว โดยตั้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกง แต่ต้องให้ทั้ง 2 คนมารับทราบข้อกล่าวหาก่อน
ถ้าผู้ที่ถูกกล่าวหาไม่มาพบพนักงานสอบสวนก็จะสรุปสำนวนส่งศาลขออนุมัติหมายจับต่อไป ซึ่งในช่วงนี้ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 2 คนยังสามารถมาพบที่ตำรวจ และหารือกับชาวบ้านเพื่อตกลงกันว่าจะแก้ปัญหานี้ร่วมกันได้ ส่วนตำรวจก็จะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
ล่าสุดมีรายงานว่านายพีร์นิทัศน์ได้เดินทางไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว แต่ระบุว่าเป็นเพียงคนดูแลท่าข้าว ทำให้กลุ่มชาวนายังคงรอกันอยู่ ณ ที่ว่าการอำเภอเทิง ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับ สภ.เทิง เพื่อรอให้ผู้ถูกกล่าวหาที่เหลือไปรับทราบข้อกล่าวหา และเจรจาตกลงแก้ปัญหา