ตาก - สสจ.ตากฟันธง นโยบายผลักดันต่างด้าวเข้าระบบประกันสังคมไร้ผล ชี้ส่วนใหญ่ไม่อยู่ในภาคอุตสาหกรรม ทำให้ต้องแบกค่ารักษาสงเคราะห์เกินกว่า 100 ล้านบาท แถมยังขายบัตรประกันสุขภาพครอบครัวไม่ออก
วันนี้ (15 ก.ค.) นพ.พลวรรธน์ วิทูรกลชิต ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชกรรมป้องกัน สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ตาก กล่าวว่า จากการที่รัฐบาลผลักดันให้ขึ้นทะเบียนต่างด้าวเข้าสู่ระบบประกันสังคมมากกว่าระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ส่งผลให้การขึ้นทะเบียนต่างด้าวใน จ.ตาก ลดลงเรื่อยๆ ผู้ที่ขึ้นทะเบียนประกันสุขภาพก็ลดลง ประกอบกับประชากรต่างด้าวในพื้นที่ชายแดน จ.ตาก กว่า 80% ไม่ได้อยู่ในระบบอุตสาหกรรม ทำให้สถานพยาบาลต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยในระยะ 5 ปีที่ผ่านมา ค่าใช้จ่ายในการให้บริการรักษาพยาบาลแก่แรงงานต่างด้าวที่มี และไม่มีบัตรประกันสุขภาพมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น คือ กรณีไม่มีบัตรประกันสุขภาพ พบว่า ปี 2551 ประมาณ 89 ล้านบาท ปี 2552 เพิ่มเป็น 90 ล้านบาท ปี 2553 จำนวน 96 ล้านบาท ปี 2554 ประมาณ 102 ล้านบาท ปี 2555 ราว 112 ล้านบาท
ส่วนกรณีมีบัตร ปี 2551 ราว 12.9 ล้านบาท ปี 2552 ลดลงเหลือ 12.5 ล้านบาท ปี 2553 เพิ่มเป็น 19.8 ปี 2554 ลดเหลือ 15.4 ล้านบาท และปี 2555 เพิ่มเป็น 16.9 ล้านบาท
จะเห็นว่าค่าใช้จ่ายจากกรณีคนไข้ไม่มีบัตรประกันสุขภาพแรงงานต่างด้าว สูงกว่ากรณีมีบัตรจำนวนมาก ซึ่งเป็นภาระที่โรงพยาบาล และสถานพยาบาลต้องแบกรับจำนวนมากอยู่ในขณะนี้
ด้าน นพ.วรวิทย์ ตันติวัฒนทรัพย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอุ้มผาง จ.ตาก กล่าวว่า นโยบายขายบัตรประกันสุขภาพให้แก่แรงงานต่างด้าวที่ไม่อยู่ในระบบประกันสังคม เพื่อให้ครอบคลุมการประกันสุขภาพครอบครัวแรงงานต่างด้าวในราคา 365 บาทต่อปี และ 1,200 บาทต่อปี ปรากฏว่าบางพื้นที่ขายบัตรประกันสุขภาพไม่ได้เลย เช่น โรงพยาบาลอุ้มผาง เนื่องจากคนไข้ที่ไร้หลักประกันสุขภาพที่มาใช้บริการที่โรงพยาบาล ไม่ใช่คนต่างด้าวที่เข้ามาทำงาน แต่เป็นคนกะเหรี่ยงอยู่บนภูเขาในประเทศไทย ส่วนใหญ่ไม่มีบัตรประชาชน จึงไม่มีหลักประกันสุขภาพ และมีฐานะยากจน ไม่มีกำลังพอที่จะซื้อบัตรประกันสุขภาพ แต่โรงพยาบาลต้องให้บริการตามหลักมนุษยธรรมโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ล่าสุด ขณะนี้โรงพยาบาลมีหนี้ค่ายาประมาณ 10 ล้านบาท
ซึ่งการแก้ปัญหาดังกล่าว ควรดำเนินการใน 3 เรื่อง ได้แก่ 1.สนับสนุนการสร้างงานสาธารณสุขระดับปฐมภูมิในเขตประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อลดปัญหาโรคติดต่อต่าง 2.ผลักดันให้รัฐบาลในประเทศสมาคมอาเซียนทุกประเทศสร้างหลักประกันสุขภาพ และมีคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพระดับอาเซียน และ 3.จัดตั้งกองทุนเพื่อมนุษยธรรม ดูแลสถานบริการสาธารณสุขตามแนวชายแดนอย่างทั่วถึง และตามหลักสิทธิมนุษยชน