อุบลราชธานี - ดีเอสไอตามรอยเส้นทางซื้อขายรถเบนซ์พระเณรคำ เพื่อหาหลักฐานการฟอกเงิน ขณะเดียวกันได้รายชื่อรถหลายยี่ห้อจำนวน 35 คัน ราคาแพงสุดคันละ 11 ล้านบาท ซึ่งพระเณรคำมาว่าจ้างให้อู่ประดับยนต์ตกแต่งก่อนนำไปมอบให้บุคคลต่างๆ เพื่อตรวจสอบเข้าข่ายในขบวนการฟอกเงินด้วยหรือไม่
วันนี้ (11 ก.ค.) ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผู้บัญชาการสำนักปฏิบัติการคดีพิเศษภาค (ดีเอสไอ) กล่าวถึงพระวิรพล ฉัตติโก หรือพระเณรคำ ที่ใช้เงินกว่า 95 ล้านบาทซื้อรถเบนซ์หลากหลายรุ่นจำนวน 22 คัน จากบริษัทขายรถเบนซ์วีทีซีมอเตอร์ อ.เมืองอุบลราชธานี ตั้งแต่ปี 2551-2553 โดยมีราคาเฉลี่ยถูกที่สุดกว่า 1.5 ล้านบาท ไปจนถึงแพงที่สุดคันละกว่า 11 ล้านบาท และพบว่ามีการนำไปใช้เป็นรถป้ายแดงระยะหนึ่งโดยไม่จดทะเบียน จากนั้นจะนำรถกลับมาขายคืนให้ทางบริษัท และได้เงินกลับคืนไปประมาณ 62 ล้านบาท ซึ่งดีเอสไอได้ประสานขอหลักฐานการซื้อขายกับทางบริษัทเป็นการจ่ายเงินทั้งเช็คและเงินสด เพื่อนำไปตรวจสอบเข้าข่ายการฟอกเงินของพระเณรคำหรือไม่
ขณะเดียวกันดีเอสไอยังได้รับแจ้งเบาะแสจากอู่ซ่อมและตกแต่งประดับยนต์แห่งหนึ่งในตัวจังหวัด พระเณรคำได้มาว่าจ้างให้จัดหารถในตระกูลรถญี่ปุ่นหลากหลายยี่ห้อ หลายรุ่นจำนวน 35 คัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 28 ล้านบาท แล้วให้ทำการตกแต่งรถตามที่พระเณรคำต้องการ ต่อจากนั้นก็ให้ลูกศิษย์มารับรถไปมอบแก่บุคคลต่างๆ ซึ่งดีเอสไอจะตามหารถทั้งหมดและสอบปากคำผู้ครอบครองรถ เพื่อตรวจสอบจุดประสงค์ที่พระเณรคำให้รถแก่บุคคลต่างๆ หากเป็นรถที่ไม่เกี่ยวข้องการขบวนการฟอกเงินก็จะไม่ตรวจยึดรถไว้
ขณะเดียวกันดีเอสไอได้เข้าขอหมายศาลจังหวัดอุบลราชธานีเพื่อไปขอเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอจากจากบิดามารดาของพระเณรคำที่บ้านทรายมูล ต.ทรายมูล อ.พิบูลมังสาหาร นำมาเปรียบเทียบกับหญิงสาวและเด็กที่ระบุว่าเป็นภรรยากับบุตรที่เกิดจากพระเณรคำ หลังจากเมื่อวานบรรดาญาติพระเณรคำไม่ยินยอมให้มีการเก็บตัวอย่างดังกล่าว
คลิกเพื่อชมคลิป