xs
xsm
sm
md
lg

แฉเส้นทาง “ไอ้คำ” ค้า “ขนมนรก” อีกหนึ่งความร่ำรวยก่อนเป็นพระดัง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พระแก้วมรกตจำลองใหญ่ที่สุดในโลกภายในวัดป่าขันติธรรม บ้านยาง ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ที่เป็นอีกหนึ่งของการสร้างภาพขึ้นมาเพื่อฟอกเงิน
ทีมข่าวพิเศษของ “ASTVผู้จัดการ” ลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ และพื้นที่ใกล้เคียงเพื่อตอบปัญหาของสังคมในประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับบุคคลที่อ้างตัวว่าเป็น “หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก” และได้พบแง่มุมใหม่ๆ ที่คาดไม่ถึง โดยจะนำเสนอเรื่องราวทั้งหมดอย่างต่อเนื่อง

เจาะเส้นทางค้า “ขนมนรก” กับ “พ.ท.ยี่เซ” อีกเส้นทางหนึ่งที่สร้างความร่ำรวยให้แก่ “ไอ้คำ” ก่อนที่จะผันตัวเองไปเป็นพระดัง พระอริยะอุปโลกน์ปั้นเรื่องราวหลอกลวงสูบเงิน สูบทองจากญาติโยม แล้วนำเงินจากขบวนการค้าขนมนรกมาฟอกเข้าในระบบบัญชี ก่อนปล่อยให้ลูกสมุนที่เป็นศิษย์รับช่วงทำต่อ เชื่อ “ไอ้คำ” มีระดับบิ๊กหนุนหลัง

“8 ฐานความผิด” ที่นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) นายภิญโญ จอมผา นักสืบสวนสอบสวนสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) นพ.วรวีร์ ไวยวุฒิ ผอ.สำนักตรวจพิสูจน์ทางชีววิทยา สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ พร้อมด้วยตัวแทนสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และกองปราบปราม ให้ดำเนินคดี 8 ข้อหาแก่พระวิรพล ฉัตติโก หรือหลวงปู่เณรคำ

ประกอบด้วย 1.การใช้สื่อสารสนเทศลงโฆษณาอันเป็นเท็จ น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อสาธารณชน ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 เกี่ยวกับการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ เนื่องจากมีการอ้างว่าได้เข้าเฝ้าพระอินทร์ ซึ่งพระอินทร์ สั่งให้สร้างพระแก้วมรกตองค์ใหญ่ ดีเอสไอวิเคราะห์เห็นว่าความผิดสำเร็จแล้ว

2.กรณีการกระทำชำเราเด็กหญิง และพรากผู้เยาว์ ซึ่งเป็นความผิดอาญามาตรา 277 และมาตรา 317 วรรคสาม

3.กรณีที่หลวงปู่เณรคำกับพวกมีพฤติกรรมหลบเลี่ยงภาษีรถหรู เบื้องต้นพบรถต้องสงสัย 9 คัน มีทั้งยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู, มินิคูเปอร์, นิสสันรุ่นซิโซโร่ เชื่อว่าน่าจะมีการนำออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน และรถเบนซ์อีกจำนวนหนึ่งที่ซื้อใน จ.อุบลราชธานี

4.กรณีเสพยาเสพติดให้โทษ

5.การแสดง และใช้วุฒิการศึกษาเท็จว่าจบด็อกเตอร์จากมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก โดยเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.สถาบันอุดมศึกษา

6.คดีฆ่าคนตายโดยประมาทจากการขับรถชนคนตาย

7.ความผิดฐานฟอกเงินกรณีการเบียดบังเงินบริจาคไปซื้อทรัพย์สินและนำเงินไปฝากในต่างประเทศ และ 8.การอวดอุตริ อภินิหาร โดยหลังจากดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษแล้วจะประสานกองปราบฯ ให้ส่งสำนวนที่สืบสวนมาอยู่ในความรับผิดชอบของดีเอสไอ นั้น

ในความผิดที่ 4 คือ “กรณีเสพยาเสพติดให้โทษ” นั้นถือได้ว่า มีความสำคัญอย่างยิ่งที่เจ้าหน้าที่ดังกล่าวข้างต้นจะมองข้ามไม่ได้เด็ดขาด เพราะแท้ที่จริงนายวิรพล สุขผล หรือ “ไอ้คำ” คนนี้มันร่ำรวยมาได้เพราะมันขาย “ขนมนรก” ซึ่งมันไม่ได่ร่ำรวยมาจากแรงศรัทธากันที่ไหนเลย

แฉ “บักคำ” ค้าขนมนรกจนร่ำรวย

แหล่งข่าวระดับสูงเจ้าหน้าที่ท่านหนึ่ง เปิดเผยถึงเส้นทางความร่ำรวยของ นายวิรพล ชุมพล หรือ “ไอ้คำ” ว่า ความจริงนั้นไอ้คำ ไม่ได้ร่ำรวยมาจากแรงศรัทธามหาศาลที่ไอ้คำ และทีมงานอุปโลกน์สร้างขึ้นมาตบตาหลอกลวงญาติโยม และประชาชน การสร้างภาพเรียกแรงศรัทธานั้นเป็นเพียงส่วนประกอบในการ “ฟอกเงิน” จากการค้า “ขนมนรก” ก็คือยาเสพติดเกือบจะทั้งสิ้น โดยอุปโลกน์ตัวเลขขึ้นมาว่า มีญาติโยมถวายเงินให้ครั้งละจำนวนมาก 20 ล้านบาทบ้าง 30 ล้านบาทบ้าง หรือ 50 ล้านบาทบ้าง รวมทั้งการแต่งตัวเลขยอดทอดกฐิน ผ้าป่าสามัคคีจาก 1 ล้านบาท เป็น 10 ล้านบาท จาก 10 ล้านบาท เป็น 100 ล้านบาท มาเป็นภาพลวงตาบังหน้าในการฟอกเงินจากการค้า “ขนมนรก” เท่านั้น

สำหรับเส้นทางการค้า “ขนมนรก” ของ ไอ้คำ แหล่งข่าวคนเดียวกันคนนี้บอกว่า ไอ้คำ มันทำมานานแล้ว ก่อนที่มันจะกลายมาเป็นพระดัง พระอริยะเสียอีก ซึ่งหลังจากที่มันสร้างภาพตัวมันจนดังแล้ว ค้าขนมนรกจนรวยแล้ว มันก็เริ่มวางมือแล้วให้ลูกสมุนที่เป็นลูกษ์ของมันรับช่วงทำต่อโดยมันเป็นนายทุนให้ แต่ก็ต้องแบ่งปันผลประโยชน์ให้แก่มัน

โดยไอ้คำ มันค้าขนมอยู่ 2 ประเภทคือ ขนม “ตราสิงห์เหยียบโลก” กับ “น้ำแข็ง” หรือ “ไอซ์” ส่วน “ขนมเม็ด” นั้นมันไม่ทำ มันจะให้ลูกศิษย์ทำ ซึ่งที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สำนักงานปราบปรามยาเสพติดสหรัฐอเมริกา (ดีอีเอ) ก็เคยจับตามันอยู่ แต่ไม่สามารถทำอะไรกลุ่มขบวนการนี้ได้ เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ของไทย ซึ่งก็ทำอะไรมันไม่ได้เช่นกัน

สำหรับขนมนรก ที่ ไอ้คำ มันค้านั้น จะถูกลำเลียงมาจากทางภาคเหนือของไทยผ่านมาทางประเทศเพื่อนบ้าน โดยขนมนรกทั้งหมด ทั้ง “ตราสิงห์เหยียบโลก” กับ “น้ำแข็ง” ฝ่าย พ.ท.ยี่เซ อดีตสมุนคนสำคัญของขุนส่า เป็นฝ่ายจัดหามาให้ โดยลักลอบลำเลียงมาจากทางภาคเหนือของไทย ลงไปยังประเทศเพื่อนบ้านทาง จ.อุบลราชธานี และ จ.มุกดาหาร

ส่วนสาเหตุที่มันไม่ยอมลำเลียงผ่านมาทางภาคเหนือ เพราะเส้นทางนั้น “เจ้าที่มันแรง” มันก็เลยต้องเอามาเข้าเส้นทางนี้ เพราะเส้นทางภาคเหนือเขามีเจ้าที่เดิมเขาอยู่

แฉ “พ.ท.ยี่เซ” จัดหาขนมนรกให้ไอ้คำ

สำหรับการลำเลียงจะทำกันในหลายรูปแบบเป็นขบวนการใหญ่ โดยจะทำการเป็นลักษณะล็อตใหญ่ด้วยการซุกมาในท่อนซุง โดยอาจจะใช้วิธีการผ่าไม้ซุงแล้วยัดขนมลงไปแล้วนำมาพักไว้ที่ทางตอนใต้ของประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเมื่อก่อนนั้นจะมีการชักลากไม้ซุงเข้ามาเป็นจำนวนมาก ทั้งจากประเทศกัมพูชา และลาว แล้วมาผ่านขบวนการด่านศุลกากรเข้ามาทางด้าน จ.อุบลราชธานี และ จ.มุกดาหาร แต่ส่วนใหญ่ไม้ซุงจะเข้าทางด้าน จ.อุบลราชธานี มากกว่า

โดยไม้ซุงทั้งหมดจะมาเป็นท่อนๆ มีทั้งแบบชักลากผ่านรถชักลากขนาดใหญ่ ส่วนหนึ่งก็เป็นท่อนซุงเหมือนกันแต่จะตัดสั้นแล้วขนใส่ตู้คอนเทนเนอร์มา โดยมีการใส่ปะปนกันมา โดยนำเข้ามาทีละมากๆ ทำให้เจ้าหน้าที่ตรวจจับกันได้ยาก เพราะเจ้าหน้าที่ไม่รู้ว่าท่อนไหนแอบซุกยานรกเข้ามา เพราะการนำเข้ามามีจำนวนมาก เป็นตู้ๆ อีกทั้งไม้ซุงนี้ก็เป้นไม้ระหว่างชาติ หน่วยงาน ดีอีเอ ของอเมริกา และเจ้าหน้าที่ของไทยมีการเฝ้าจับตามานานแล้ว แต่มันไม่ได้หลักฐานชัดเจน เพราะการจะตรวจยึดนั้นมันต้องผ่าออกมาดู สำหรับไม้ซุงพวกนี้จะมีการนำลงเรือปลายทางอยู่ที่กลุ่มประเทศละตินอเมริกา

“ไอ้คำ มันค้าขนมนรก กับ พ.ท.ยี่เซ มานานกว่า 10 ปีแล้ว โดยจะไปซื้อขนมนรกมาจากกลุ่มสมุนของ พ.ท.ยี่เซ ที่เป็นพวกจีนฮ่อ ซึ่งกลุ่มพวกจีนฮ่อนี้จะเข้ามาบริเวณชายแดนประเทศเพื่อนบ้านของเราในลักษณะพ่อค้าไม้จากภาคเหนือ มาทำไม้อยู่ทางตอนใต้ประเทศเพื่อนของเรา แล้วนำไม้เข้ามาในประเทศไทย ผ่านด่านศุลกากรอย่างถูกต้องแล้วก็นำลงเรือส่งออกพื้นที่เป้าหมาย โดยผ่านออกทางอ่าวไทย” แหล่งข่าวผู้นี้ระบุ

แหล่งข่าวคนเดียวกันนี้เปิดเผยต่อว่า กลุ่มขบวนการจีนฮ่อ ลูกสมุน พ.ท.ยี่เซ ที่ค้าขนมนรกมาในคราบของพ่อค้าไม้นี้จะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดมาครั้งละจำนวนมาก ซึ่ง ไอ้คำ มันจะไปซื้อมาจากพ่อค้าพวกนี้ โดยจะมีการค้าขายกันเป็นล็อตๆ ครั้งละ 100 กิโลกรัม 200 กิโลกรัม 300 กิโลกรัม หรือ 500 กิโลกรัม โดยไอ้คำ มันจะข้ามไปซื้อในฝั่งประเทศเพื่อนบ้านเอง จากนั้นจะใช้วิธีการลำเลียงเข้ามายังฝั่งไทยปลายทางประเทศกลุ่มละตินอเมริกา

ส่วน ไอ้คำ จะซื้อขนมนรกจากพวกพ่อค้าจอมปลอมค้าไม้นี้ราคาเท่าไรพวกมันไม่สน แต่ต้องซื้อของมันครั้งละมากๆ จากนั้น ไอ้คำ มันจะนำไปขายต่อในราคาเท่าไรก็แล้วแต่ ซึ่งเมื่อไอ้คำ มันซื้อมาแล้วก็จะนำเข้าไทยในรูปแบบต่างๆ ที่ไม่สามารถจับมันได้ โดยเข้ามาทาง อ.เขมราช และทางช่องเม็ก โดยผ่านด่านศุลกากรที่เขมราช และช่องเม็ก แต่ช่วงนี้ไม่มีแล้ว แต่ถ้าเราย้อนหลังกลับไปเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว มันจะเข้ามาทางนี้คือทาง อ.เขมราช และทางช่องเม็ก

“สำหรับขนมนรก ตราสิงห์เหยียบโลก กับ น้ำแข็ง นี้ ในพื้นที่นี้ไม่นิยมเล่นกันคือไม่มีการค้าร่วม ไม่เหมือนขนมเม็ด แต่ขนมเม็ดผมจะไม่พูด เพราะไอ้คำ มันไม่เล่นขนมเม็ดมันเล่นของใหญ่ ครั้งเดียวรวย เมื่อไม่พอก็ค้าอีก โดยนำส่งไปยังกลุ่มประเทศละตินอเมริกา ส่วนหนึ่งก็เข้ายุโรป แต่ไปในรูปของไม้ซุงคือ การค้าไม้ โดยจะมีคนระดับเจ้าพ่อใหญ่ทางโน้นคอยรับช่วงต่อ” แหล่งข่าวเผย

หลังร่ำรวยแล้วก็นำเงินมาฟอกเข้าระบบ

พร้อมกับเปิดเผยอีกว่า หลังจากที่ไอ้คำ มันทำจนร่ำรวยแล้ว มาช่วงหลังมันไม่ทำแล้ว เพราะมันอิ่มตัว รวยแล้ว และเมื่อรวยแล้วมันก็เอาเงินจากการค้าขนมนรกนี้เข้าสู่ขบวนการฟอกเงิน เอาเงินของมันเข้าสู่ระบบ ส่วนการค้าขนมนรกจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของลูกศิษย์ หรือลูกสมุนมันทำ โดยมันเป็นนายทุนให้ แต่กลุ่มลูกศิษย์มันทำแต่ขนมเม็ด แต่ต้องส่งเงินส่งปันผลให้แก่มัน จนกระทั่งมาช่วงหลังเรื่องเริ่มฉาว ข่าวเริ่มดัง เจ้าหน้าที่เริ่มเข้ามาจับตา ไอ้คำ เริ่มมีปัญหา คนพวกนี้ก็เริ่มแตก กลุ่มลูกศิษย์ที่ไหวตัวทันก็ดีดตัวออกห่าง เอาตัวรอดไว้ก่อน

สำหรับขบวนการฟอกเงินนั้นมีหลายรูปแบบ รูปแบบที่เห็นกันอยู่ในขณะนี้ก็คือ รูปแบบการบริจาคเงิน ที่มีการอุปโลกน์ตัวเลขการบริจาคเงินเป็นจำนวนมากๆ แล้วนำเงินเข้าสู่ระบบบัญชีธนาคาร และการนำเงินเข้าสู่กระบวนการของธนาคารในรูปแบบโยมถวายเงินจำนวนมากๆ ถวายทองคำ และแหวนเพชรจำนวนมากๆ รวมทั้งการสร้างวัด สร้างบ้านให้พ่อแม่ สร้างมูลนิธิขนาดใหญ่ การซื้อรถยนต์หรูจำนวนหลายคัน โดยเฉพาะรถยนต์เบนช์กว่า 20 คัน เป็นเงินร่วม 100 ล้านบาท และเช่าเหมาลำเครื่องบิน เป็นต้น ซึ่งเป็นในรูปแบบของการฟอกเงินทั้งสิ้น

“ทุกอย่างพูดง่ายๆ เงินมาใต้ดิน เหมือนกับทักษิณ ที่มันเอาไปฟอก แต่ว่ามันไม่ได้เล่นหุ้น ไม่ได้เล่นอะไรทั้งสิ้น มันก็ผ่านขบวนการ โดยมีขบวนการจัดการ มีทีมงานมีหลายทีม แล้วแต่มันจะให้ใครไปทำอะไร ซึ่งทีมของมันมีครบหมด”

แหล่งข่าวคนเดียวกันยังเปิดเผยต่อด้วยว่า จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม เจ้าหน้าที่ ปปง. รวมทั้งเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ในช่วงนี้จะพบว่า ไอ้คำ มันมีเงินหมุนเวียนอยู่ในบัญชีกว่า 40 บัญชี มีเงินประมาณ 200 ล้านบาท แต่จำนวนนี้มันน้อยไป ความจริงมันมีเงินอยู่มากกว่านี้ โดยมีบัญชีอยู่ในต่างประเทศอีกถึง 2 บัญชีใหญ่ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบอยู่

แต่อย่างไรก็ตาม แม้มันจะมีบัญชีเงินอยู่ในต่างประเทศถึง 2 บัญชีใหญ่ แต่มันก็จะโดนกฎหมายฟอกเงินอย่างเดียวจะไม่โดนเรื่องการค้าขนมนรก เพราะตราบใดถ้าเจ้าหน้าที่หาหลักฐานไม่ได้ก็จะทำอะไรไอ้คำมันไม่ได้ ทำได้แค่ยึดเงิน ดำเนินคดีฟอกเงิน แต่นำสืบไปถึงเรื่องของขนมนรกไม่ได้ ส่วนเงินใน 2 บัญชีนั้น เชื่อว่าตอนนี้ไอ้คำ มันคงโยกไปมากแล้ว

เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.และ ปปง.รู้นานแล้ว

"...สำหรับข้อมูลทั้งหมดตอนนี้อยู่ในมือของเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.หมดแล้ว และถือเป็นข้อมูลหลักที่เจ้าหน้าที่ทั้งกองปราบปราม และ ปปง.เข้าไปในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี และ จ.ศรีสะเกษ เพื่อหาข้อมูลเล่นงานไอ้คำ ความจริงเรื่องนี้มันฉาวมานานแล้ว และเจ้าหน้าที่ก็รู้มานานแล้วด้วย แต่ทำอะไรมันไม่ได้ ซึ่ง ปปง.ที่ลงมาตรวจสอบข้อมูลการเงินในพื้นที่ก็ได้ข้อมูลมาจาก ป.ป.ส. โดยอาศัยเงื่อนไขในการเข้ามาตรวจสอบเส้นทางการเงินบริจาค แต่แท้จริงแล้วมาตรวจสอบเรื่องของขนมนรก หรือยาเสพติด โดยอ้างว่ามาตรวจสอบเส้นทางบริจาคเงิน ไอ้คำ แต่ไม่ได้พูดว่ามาตรวจสอบเส้นทางยาเสพติด โดยเอาเงื่อนไขมาโยงว่าเงินบริจาคที่ไอ้คำได้มานั้น ได้มาอย่างไรบ้าง มาเส้นไหน ไปเส้นไหน..."

ถามว่าก่อนหน้านี้ ปปง.รู้ไหม รู้แต่ทำอะไรไม่ได้ มันไม่รู้จะเอาเงื่อนไขไหนมาเล่นไอ้คำ มัน เพราะไอ้คำ มันก็ฉลาดพอตัว มันเที่ยวกระโดดเกาะคนโน้นที คนนี้ที หมายถึงผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง นักนักการเมือง รัฐมนตรี เจ้าหน้าที่ระดับสูง จึงทำให้ ปปง.เข้าไม่ถึงตัว พอได้จังหวะนี้จึงกระโดดเข้าใส่โดยอ้างมาตรวจสอบเส้นทางเงินบริจาค แต่จริงๆ แล้ว พูดกันตรงๆ ก็คือ “กูจะมาตรวจสอบเส้นทางเงินมึงเรื่องยาเสพติดนี้แหละไอ้คำ”

“อย่างที่บอกตั้งแต่แรกแล้วว่า ไอ้คำ มันรวยได้เพราะมันขายขนมนรก มันมาจากแรงศรัทธากันที่ไหน มันมาจากการขายขนมนรก ความที่มันมาแตก เป็นเรื่องราวขึ้นมาทำให้มันซวย ก็เพราะความที่มันอยากมีอยากโชว์ของมันนั่นแหละ ประกอบกับความเป็นเด็กบ้านนอกคอกนาของมันที่ไม่เคยมีเงินมากๆ พอมันมีเงินมากๆ ก็อยากแอ็กชัน อวดโน่นอวดนี่ เรื่องมันจึงแตกออกมา” แหล่งข่าวผู้นี้กล่าว

พร้อมกับฟันธงว่า ไอ้คำ จะไม่กลับมาประเทศไทยอย่างแน่นอน และมันจะต้องหลบหนีเข้าไปอยู่ในประเทศที่มีความปลอดภัยที่สุดสำหรับมัน และจะต้องมีผู้ให้ที่พักพิงแก่มัน เพราะถ้าดูตามอายุแล้วไอ้คำ อายุแค่ 34-35 ปี มันโตมาได้ถึงขนาดนี้ก็ถือว่าไม่ธรรมดา

และไม่ธรรมดาเข้าไปใหญ่กับเรื่องที่มันสามารถเข้าไปทำธุรกิจค้าขนมนรกกับ พ.ท.ยี่เซ อดีตสมุนคนสำคัญของขุนส่า จนร่ำรวยเช่นนี้เพราะการที่ใครก็ตามจะเข้าไปหา และทำธุรกิจกับ พ.ท.ยี่เซ ได้มันไม่ใช่ของง่าย ดังนั้น จึงเชื่อว่าจะต้องมีคนที่ใหญ่ และสำคัญมากที่ พ.ท.ยี่เช ให้ความนับถือ และไว้ใจ ถ้าไม่เช่นนั้นไอ้คำ มันจะไม่สามารถเข้าไปทำการค้ากับ พ.ท.ยี่เซ ได้เลย ยิ่งไปกว่านั้น จะต้องมีคนที่อยู่เบื้องหลังมันที่ถือว่ายิ่งใหญ่อีกคนหนึ่งในกลุ่มประเทศละตินอเมริกา เพราะถ้าไม่เช่นนั้นมันก็จะไม่สามารถทำการค้าส่งขนมนรกมาขายในแถบนี้ได้แน่

“ผมขอฟันธงว่า มันไม่กลับมาแน่นอน ไอ้คำ”

อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูว่า วันนี้ (12 ก.ค.) ซึ่งเป็นวันที่ทุกฝ่ายขีดเส้นตายของ “เณรคำ” บทสรุปจะเป็นอย่างไร ทั้งคณะสงฆ์จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเรียกให้พระวิรพล มารายงานตัว รวมทั้งเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ นอกจากนี้ ดีเอสไอก็จะบุกค้นรังเณรคำในจังหวัดอุบลราชธานีอีกหลายจุดด้วย

สถานที่ก่อสร้างสุดใหญ่โตอย่างกับวัง สร้างไว้อย่างลึกลับกลางทุ่งนาบนพื้นที่ 27 ไร่ อ้างว่าสร้างเป็นสำนักสงฆ์วัดป่าขันติบารมี สาขาที่ 1 บ้านทรายมูล หมู่ 10 ต.ทรายมูล อ.พิบูลมังสาหาร โดยมีรั้วกั้นสูง ภายในมีสถานที่ก่อสร้างและที่พัก ซึ่งเป๊นที่สงสัยว่าแอบซุกซ่อนสิ่งผิดกฎหมายหรือไม่ ปัจจุบันปิดตายและคุมเข้มห้ามใครเข้าออก
ภายในบริเวณบ้านลึกลับ

มีรั้วกั้นสูงไม่ต่างอะไรกับเรือนจำ
: ศูนย์แสดงสินค้า พร้อมที่พักสุดหรูมูลค่าในการก่อสร้าง 500 ล้านบาท ตั้งอยู่ติดด้านหลังบ้านพ่อแม่ของไอ้คำ ที่อ้างว่าสร้างเป็นตึกมูลนิธิฯ เป็นอีก 1 ข้อสงสัยฟอกเงินหรือไม่

 บริเวณหน้าบ้านพ่อแม่ ไอ้คำ เลขที่ 999/10 บ้านทรายมูล หมู่ 2 ต.ทรายมูล อาคารขนาด 2 ชั้น
 ภาพหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ที่ชวนให้คิดติดตั้งอยู่ภายในวัดทำให้ญาติโยมเข้าใจว่า ตนเองนั้นเป็นพระอริยะ

นั่งเจ็ท สร้างภาพฟอกเงิน
ดูแล้วน่าศรัทธา
ถวายรถพระผู้ใหญ่อีก 1 ของการสร้างภาพ
หนังสือเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งที่สร้างภาพให้ ไอ้คำ เป็นพระอริยะ
ความเป็นอริยะจบลงที่ตรงนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น