เจ้าคณะภาค 10 ร้อยเอ็ด โต้ฝีปากคณะสงฆ์ศรีสะเกษ ยังแถเณรคำถูกกล่าวหา

ร้อยเอ็ด - รองเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ พาคณะและสำนักพุทธเข้าพบพระธรรมฐิติญาณ เจ้าคณะภาค 10 ที่ร้อยเอ็ด ขอความเห็นชอบตั้งกรรมการสงฆ์ร่วม 2 จังหวัดสอบเอาผิดวินัย “เณรคำ” วันนี้ที่ศรีสะเกษ เกิดเหตุโต้คารมดุเดือด เพราะเจ้าคณะภาค 10 เข้าข้าง “เณรคำ” ซ้ำยังเชื่อถูกกล่าวหา เผยเคยถวายรถหรูให้ใช้

เมื่อเวลา 19.00 น.วานนี้ (8 ก.ค.) ที่วัดบึงพระลานชัย อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด พระครูวัชร สิทธิคุณ เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ พระครูสิริวินัยวัฒน์ เจ้าคณะอำเภอเมือง จ.ศรีสะเกษ พระครูธรรมธรคำไข โสดาจาโร ผู้ช่วยเลขานุการเจ้าคณะจังหวัด พร้อมนายวิรอด ไชยพรรณา ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด (พศจ.) ศรีสะเกษ ได้เข้ากราบนมัสการพระธรรมฐิติญาณ เจ้าคณะภาค 10 เพื่อขออนุมัติจัดประชุมคณะสงฆ์จังหวัดศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ในวันนี้ (9 ก.ค.) ที่วัดประชารังสิต อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ เพื่อพิจารณาดำเนินการทางวินัยสงฆ์ต่อพระวิรพล ฉัตติโก หรือหลวงปู่เณรคำ ที่ตกเป็นข่าวเกี่ยวกับข่าวการเสพเมถุน

ขณะที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กำลังสอบสวนพฤติกรรม และมีผู้เสียหายร้องเรียนเพิ่มเติม จนส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของจังหวัดศรีสะเกษ คณะสงฆ์กำลังถูกสังคมเพ่งเล็งเกี่ยวกับการดำเนินการทางวินัยล่าช้า จนมีข่าวชาวศรีสะเกษเตรียมเคลื่อนไหวกดดันให้ดำเนินการให้เรื่องจบโดยเร็วที่สุด

อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่พระครูวัชรพร้อมนายวิรอดกล่าวต่อเจ้าคณะภาคว่า ที่มาขออนุญาตเนื่องจากเณรคำสร้างความเสื่อมเสียให้แก่วงการสงฆ์ และชื่อเสียงของจังหวัดศรีสะเกษ จึงมาขอรับความเห็นชอบและอนุญาตในการตั้งกรรมการสงฆ์ 2 จังหวัดเพื่อสอบสวนเอาผิดทางวินัย เนื่องจากมีหลักฐานชัดเจนว่าน่าจะมีการทำผิดวินัยสงฆ์ รวมทั้งดีเอสไอก็นำหลักฐานการแจ้งความมาขอทำการตรวจดีเอ็นเอคนที่อ้างเป็นลูกของเณรคำ กับแม่ของเณรคำ เพื่อเตรียมเอาผิดทางคดีอาญาด้วย ปรากฏว่าคำพูดดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้แก่เจ้าคณะภาค 10 ซึ่งมีท่าทีเข้าข้างเณรคำอย่างชัดเจน และไม่เห็นด้วยต่อการกระทำทั้งหมด โดยให้ความเห็นว่าเป็นการกล่าวหาแต่เพียงฝ่ายเดียวให้เป็นมลทินโดยที่ยังไม่มีความผิดจริง และเป็นเพียงการกล่าวหาเท่านั้น

ขณะที่ทางพระครูวัชร สิทธิคุณ และพระสงฆ์ที่มาด้วยพยายามชี้แจงว่า ทุกอย่างทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ เพระเท่าที่ผ่านมาคนมองว่าแม้แต่เจ้าคณะภาค 10 เองก็ถูกกล่าวหาว่าเข้าข้างพระที่ทำความผิด ปกป้องพระที่เคยนำรถยนต์โตโยต้า คัมรี่ มามอบให้ โดยไม่มองถึงความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่ไม่ดี และเจ้าคณะภาค 10 จะพลอยมัวหมองไปด้วย ดังนั้นหากมั่นใจว่าไม่มีความผิดก็อย่าปกป้อง ต้องยอมให้มีการตรวจสอบ และทำความจริงให้กระจ่าง หากสอบสวนแล้วไม่มีความผิด ทุกอย่างก็จะจบและผ่านไปด้วยดี หากผิดก็ต้องยอมให้เอาผิด และให้สึกตามวินัยสงฆ์ เพื่อภาพลักษณ์ที่ดีของพระพุทธศาสนาต้องไม่เข้าข้างพระที่กระทำผิดผิด

ในที่สุดพระธรรมฐิติญาณ เจ้าคณะภาค 10 ก็ยอมรับ หลังจากอ่านบันทึกแจ้งความและหลักฐานที่นำมาแสดง เพื่อขอให้อนุญาตตั้งกรรมการสงฆ์ 2 จังหวัดสอบสวนความจริง และกล่าวยอมรับว่าตนทราบรายละเอียดแล้วเพียงบางส่วนเท่านั้น แต่ยังเชื่อว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นการกล่าวหา ต้องมีการตรวจสอบให้แน่ชัด โดยขอให้ตั้งกรรมการสอบสวนได้ หลังจากนั้นให้คณะกรรมการรายงานผลและพฤติกรรมที่สรุปโดยละเอียด โดยขอให้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ให้ตนรับทราบและตรวจสอบด้วยทุกด้านก่อนจะตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีเสพเมถุนจนมีบุตรนั้น ไม่มีใครสามารถเอาเณรคำมาตรวจดีเอ็นเอพิสูจน์ข้อเท็จจริงได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะขอตรวจผู้เป็นแม่เณรคำแทนนั้น หากผู้เป็นแม่ยินยอมก็ถือเป็นเรื่องดี ที่จะนำความกระจ่างสู่สังคม หากสรุปว่ามีความผิดตามวินัยสงฆ์ถึงขั้นให้สึกก็ต้องสึกภายใน 1 วัน และเป็นเรื่องที่คณะสงฆ์จะตัดสินใจต่อไป ส่วนในกรณีอื่นทางโลกก็คงปล่อยเป็นหน้าที่ของกฎหมายดำเนินการหากพบว่ามีความผิด