xs
xsm
sm
md
lg

ทร.ภ.1 จับเรือเวียดนามรุกล้ำน่านน้ำไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวศรีราชา-ทัพเรือภาคที่ 1 จับเรือเวียดนาม พร้อมลูกเรือ 11 ชีวิต รุกล้ำทำประมงน่านน้ำไทย

เมื่อเวลา 05.45 น. วันนี้ (8 ก.ค.) พล.ร.ท.รุ่งศักดิ์ เสรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล เขตทัพเรือภาคที่ 1 ได้สังการให้ พล.ร.ต.ทิวา ดาราเมือง เสนาธิการทัพเรือภาคที่ 1 สนธิกำลังร่วมกับ กองกำกับการ 5 กองกำกับการตำรวจน้ำ ศูนย์บริหารจัดการประมงทะเลอ่าวไทยตอนบนฝั่งตะวันออก และศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1 นำเรือตรวจการณ์ หมายเลข 19 ออกจากชายฝั่ง ท่าเทียบเรือแหลมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ทำการออกลาดตระเวนตรวจจับเรือประมงสัญชาติเวียดนาม หลังรับแจ้งมีการลักลอบเข้ามาทำประมงในฝั่งอ่าวไทย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

ต่อมา เรือได้ออกทำการลาดตระเวนจบพบเรือประมง สัญชาติเวียดนาม ตัวเรือสีฟ้า-ขาว หมายเลข CM 95004 TS ทิ้งสมอลอยลำทำประมงอยู่ห่างชายฝั่ง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ออกไปประมาณ 30 ไมล์ทะเล พิกัดละติจูด 11 องศา 33 ลิปดาเหนือ ลองจิจูด 100 องศา 23 ลิปดาตะวันออก ซึ่งเป็นเขตเศรษฐกิจจำเพาะของประเทศไทย จึงเข้าทำการจับกุม นายกอง อายุ 45 ปี ไต้ก๋ง พร้อมลูกเรือ 10 คน พร้อมตรวจยึดเรือ อุปกรณ์จับสัตว์น้ำ และอาหารทะเลไว้เป็นหลักฐาน ก่อนนำเข้าเทียบยังท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ ส่งพนักงานสอบสวน สภ.สัตหีบ ดำเนินคดีในข้อหาทำการประมงรุกล้ำน่านน้ำไทยในเขตเศรษฐกิจจำเพาะ หนีเข้าราชอาณาจักไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต และ พ.ร.บ.สิทธิทำการประมง

พล.ร.ต.ทิวา ดาราเมือง เสนาธิการทัพเรือภาคที่ 1 กล่าวว่า ปัจจุบันพบว่ามีเรือประมงเวียดนามจำนวนมากรุกล้ำเข้ามาทำประมงในอ่าวไทย พื้นที่เศรษฐกิจจำเพาะ สร้างผลกระทบให้แก่ประมงไทยอย่างมาก รวมถึงสถานะด้านความมั่นคงของชาติ ทัพเรือภาคที่ 1 ในฐานะหน่วยงานรับผิดชอบในการปราบปรามจับกุมเรือประมงต่างชาติที่รุกล้ำเข้ามาในน่านน้ำไทย ได้ออกทำการลาดตระเวนพื้นที่กันอย่างเข้มงวด ซึ่งในปีที่ผ่านมา สามารถจับกุมเรือประมงเวียดนามได้มากเกือบ 30 ลำ อันจะส่งผลให้เห็นว่าอ่าวไทยเป็นพื้นที่ที่มีทรัพยากรใต้ท้องทะเลอย่างอุดมสมบูรณ์ จึงจำเป็นต้องรักษาไว้เพื่อเป็นผลประโยชน์ของชาติสืบไป
เปลือยทะเลไทย / บรรจง นะแส
เปลือยทะเลไทย / บรรจง นะแส
“ทะเลเป็นทรัพยากรอันมีค่าของทุกคน ไม่ใช่คนใดคนหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่อุทยานเป็นพื้นที่ที่ควรได้รับการคุ้มครอง และเป็นทรัพย์สินของชาติ ซึ่งภาครัฐควรดูแลบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง และมีประสิทธิภาพ และควรมีการปรับปรุงกฎหมายตั้งแต่ภาคนโยบายไปจนถึงการดำเนินการบังคับใช้ เพียงแค่พื้นที่เล็กๆ ของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง รัฐก็ยังไม่สามารถดูแลได้ แล้วภาครัฐจะสามารถดูแลพื้นที่ทั้งหมดของทะเลไทยได้อย่างไร หากมีกฎหมาย แต่ขาดการบังคับใช้อย่างแท้จริง ก็คงไม่ต่างอะไรกับตัวหนังสือบนกระดาษเท่านั้น” นี่คือสถานการณ์วิกฤตของทะเลไทยที่เราต้องตระหนักร่วมกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น