ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ผู้ว่าฯ ควงนายก อบจ. นายกเทศมนตรีสำรวจลำน้ำปิงย่านป่าแดด ตรวจประตูระบายน้ำ จัดเก็บผักตบชวา เผยมั่นใจปีนี้น้ำไม่ท่วมตัวเมือง-พื้นที่เศรษฐกิจแน่
วันนี้ (3 ก.ค.) นายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงใหม่ นายทัศนัย บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ นายรุ่งปรีชา ปั๋นแก้ว นายกเทศมนตรีตำบลป่าแดด ร่วมติดตามการเตรียมความพร้อมรับมืออุทกภัยเขตตัวเมืองเชียงใหม่ โดยลงพื้นที่สังเกตการณ์สภาพแม่น้ำปิงที่บริเวณสะพานป่าแดด ต.ป่าแดด อ.เมือง
จากนั้นมายังประตูระบายน้ำในลำน้ำปิงของกรมชลประทานเพื่อตรวจดูการทำงานของประตูระบายน้ำซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในแผนแก้ปัญหาอุทกภัย ขณะเดียวกันยังติดตามการจัดเก็บผักตบชวาที่ อบจ.เทศบาลนครเชียงใหม่ และเทศบาลตำบลป่าแดด ร่วมกันดำเนินการ
นายธานินทร์กล่าวว่า นอกเหนือจากตรวจดูประสิทธิภาพของประตูระบายน้ำแล้ว ยังถือโอกาสสำรวจผักตบชวาในแม่น้ำปิง และติดตามการจัดเก็บเพื่อไม่ให้กีดขวางทางน้ำ หลังจากนี้จะขอความร่วมมือจากชุมชนใกล้เคียง ทหาร ตำรวจ อุปกรณ์จาก อบจ. กรมชลประทาน และกองบัญชาการทหารพัฒนา เพื่อจัดเก็บผักตบชวาที่กีดขวางทางน้ำออกให้หมด
จากกระบวนการเตรียมแก้ปัญหาอุทกภัย ทั้งการขุดลอกตลอดลำน้ำ ทำประตูระบายน้ำ ทำพนังกั้นน้ำ ทำให้มั่นใจว่าสามารถรองรับน้ำได้มากขึ้นกว่าเดิม รวมทั้งป้องกันไม่ให้น้ำท่วมในเขตตัวเมืองและเขตเศรษฐกิจได้ รวมทั้งจะลดปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ต่ำ หรือจุดที่น้ำท่วมซ้ำซากได้ นอกจากนี้ ในอนาคตโครงการผันน้ำจากลำน้ำแม่แตง และอ่างเก็บน้ำเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชลไปยังอ่างเก็บน้ำเขื่อนแม่กวงอุดมธาราที่กรมชลประทานอยู่ระหว่างเสนอของบประมาณ จะช่วยลดปริมาณน้ำในแม่น้ำปิงในฤดูฝน และช่วยเพิ่มปริมาณน้ำสำหรับการเกษตรได้อีกทางหนึ่ง
ด้านนายบุญเลิศกล่าวว่า แม้ว่าในปีนี้มีการคาดการณ์ว่าปริมาณฝนจะไม่มากแต่ก็ต้องเตรียมความพร้อมไว้เพื่อความไม่ประมาท และหลังจากนี้จะมีการจัดบิ๊กคลีนนิ่ง เดย์ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อกำจัดผักตบชวาให้หมดโดยเร็ว ทั้งนี้ อบจ.ซึ่งดูแลเรื่องการขุดลอกจะเร่งดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยจะพิจารณาในจุดที่มีความสำคัญ และมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวเป็นหลัก
ขณะที่นายทัศนัยกล่าวว่าผักตบชวาส่วนหนึ่งจะนำไปเป็นวัตถุดิบในการผลิตปุ๋ยของเทศบาล อย่างไรก็ตาม จากปริมาณผักตบชวาและเศษกิ่งไม้ใบไม้ที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก เกินกว่าที่กระบวนการผลิตปุ๋ย และพื้นที่รองรับของเทศบาลฯ จะจัดเก็บไว้ได้ ทำให้บางส่วนต้องนำไปทิ้ง จึงมีแนวคิดจัดหาเครื่องผลิตไฟฟ้าที่ใช้เศษกิ่งไม้ ใบไม้ และเศษวัสดุเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าใช้ในพื้นที่เทศบาลฯ โดยระบบการเผาเศษวัสดุจะไม่ปล่อยของเสียที่เป็นอันตรายออกมา คาดว่าจะริเริ่มโครงการให้ได้ในปีต่อไป
