xs
xsm
sm
md
lg

พม่านัดชาติพันธุ์ลงนามหยุดยิงโชว์โลกเดือนนี้ “ยอดศึก” ชี้ “กองทัพ” ปัญหาใหญ่สันติภาพ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - “เจ้ายอดศึก” แถลงผลหารือ “เต็งเส่ง-อองซาน ซูจี-ตัวแทนพรรคการเมืองพม่า” ราบรื่น นัดตั้งโต๊ะลงนามหยุดยิงทุกกลุ่มโชว์นานาชาติเดือนนี้ที่เนย์ปิดอว์เพื่อเดินหน้าสู่สันติภาพที่แท้จริง รับวันนี้ “กองทัพพม่า” ยังเป็นปัญหาใหญ่ของการปรองดอง

วันนี้ (1 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ท.เจ้ายอดศึก ประธานสภาฟื้นฟูรัฐฉาน หรืออาร์ซีเอสเอส (Rehabilitation Council of Shan State : RCSS) และผู้บัญชาการกองทัพรัฐฉาน (Shan State Army : SSA) เปิดเผยถึงผลการเดินทางเข้าพบ พล.อ.เต็งเส่ง ประธานาธิบดีพม่า ผู้แทนพรรคการเมือง นางอองซาน ซูจี ตัวแทนองค์การสหประชาชาติ คณะทูตจากประเทศต่างๆ ในพม่า และประชาชนรัฐฉานทั้งภาคเหนือ ใต้ และตะวันออก ในนามของคณะเสริมสร้างสันติภาพ สภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน ระหว่างวันที่ 9-23 มิถุนายนที่ผ่านมาว่า ได้หารือร่วมกับหลายฝ่าย ทั้งการสร้างสันติภาพ การปฏิรูปบ้านเมืองให้เป็นสหภาพ (Federal) และการพัฒนาประเทศให้ก้าวสู่การเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

พล.ท.เจ้ายอดศึกกล่าวว่า นอกจากนี้ยังหารือถึงการตั้งคณะกรรมการร่วมดูแลเรื่องสันติภาพ การแก้ปัญหายาเสพติด การแก้ปัญหาการสู้รบระหว่างทั้งสองฝ่าย ซึ่งการหารือเป็นไปแบบมิตร ท่าทีของ พล.อ.เต็งเส่งก็แสดงออกถึงความพยายามที่จะแสวงหาสันติภาพร่วมกัน แต่ก็ยังมีอุปสรรคใหญ่จากฝ่ายทหารอยู่

โดยเรื่องที่ต้องดำเนินการให้เป็นรูปธรรมหลังจากนี้คือ 1. ตั้งคณะกรรมการดูแลการสร้างสันติภาพและความปรองดอง โดยเฉพาะการแก้ปัญหาการปะทะกันระหว่างกองกำลังทั้งสองฝ่าย เพราะหลังหยุดยิงมากว่า 2 ปี เกิดการปะทะกันแล้วกว่า 90 ครั้ง ทำให้ทั้งสองฝ่ายขาดความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ทำให้การเจรจาสันติภาพไม่คืบหน้า 2. การสร้างความร่วมมือในการแก้ปัญหายาเสพติด ผ่านความร่วมมือ 3 ฝ่าย ระหว่างสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็นโอดีซี (United Nations Office on Drugs and Crime : UNODC) รัฐบาลพม่า และอาร์ซีเอสเอส

พล.ท.เจ้ายอดศึกกล่าวว่า มาถึงตอนนี้เห็นด้วยกับแนวทางการสร้างสันติภาพในประเทศ และการแก้ปัญหาต่างๆ โดยสันติ เพราะพม่ามีสงครามภายในมากว่า 60 ปี ไม่มีอะไรดีขึ้น ประเทศชาติมีแต่เสียหาย ประชาชนเดือดร้อน ยากจน ดังนั้นเมื่อหยิบยกเรื่องการหยุดยิงหรือการสร้างสันติภาพมาพูดคุยกัน จึงถือเป็นแนวทางที่ถูกต้อง และต้องให้การสนับสนุน

“แต่อาร์ซีเอสเอสจะไม่ยอมรับการหยุดยิงที่ให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเป็นฝ่ายวางอาวุธเพียงฝ่ายเดียวได้ เพราะมีตัวอย่างให้เห็นแล้วว่าเมื่อชาติพันธุ์วางอาวุธกลับถูกทหารพม่าโจมตี ฆ่าทิ้ง ซึ่งหากจะให้การเจรจาสันติภาพเกิดขึ้นได้จริง ทั้งสองฝ่ายจะต้องปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นระหว่างกัน และเมื่อหยุดยิงได้จริง การเจรจาสันติภาพก็จะคืบหน้า”

พล.ท.เจ้ายอดศึกกล่าวยอมรับว่า การสร้างความเชื่อมั่นระหว่างทั้งสองฝ่ายนั้นคงต้องใช้เวลาพอสมควร โดยอาจนาน 6-7 ปีขึ้นไป ซึ่งแม้จะมีสัญญาณบวกจากประธานาธิบดี แต่ก็ต้องดูท่าทีของฝ่ายอื่นด้วย หากผู้ใหญ่เห็นพ้องกันว่า ถึงเวลาที่การเมืองในประเทศต้องเปลี่ยนแปลงจะทำให้การแก้ปัญหาก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่ทุกฝ่ายจะต้องยึดถือคือ สร้างความเท่าเทียมกันในทุกชาติพันธุ์ แนวทางที่สภาฟื้นฟูรัฐฉานเห็นว่าเหมาะสมคือ การพัฒนาประเทศให้เป็นประชาธิปไตย ภายใต้การปกครองในรูปแบบของสหภาพ ที่มีรัฐบาลกลางที่มีประธานาธิบดีเป็นประมุข ขณะที่แต่ละพื้นที่มีรัฐบาลท้องถิ่น และรัฐธรรมนูญปกครองตนเอง โดยมอบอำนาจบางอย่าง เช่น การทหารให้แก่สหภาพ เป็นต้น

“อย่างไรก็ตาม ในเดือนกรกฎาคมนี้จะมีการลงนามข้อตกลงร่วมระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ที่หยุดยิงทุกกลุ่มกับรัฐบาลที่เมืองเนย์ปิดอว์ โดยจะเชิญตัวแทนนานาชาติร่วมเป็นสักขีพยานด้วย ซึ่งนับเป็นสัญญาณที่ดีต่อกระบวนการสันติภาพในประเทศ ทั้งยังจะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้แก่นานาประเทศ ที่ในปัจจุบันยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองในพม่าจนไม่กล้าตัดสินใจเข้ามาลงทุนด้วย”

พล.ท.เจ้ายอดศึกกล่าวถึงการพบปะหารือกับนางอองซาน ซูจี ผู้นำฝ่ายค้านพม่าด้วยว่า ได้หารือถึงการร่วมกันพัฒนาประเทศในอนาคต ซึ่งนางอองซาน ซูจี กล่าวว่า การพัฒนาประเทศให้เป็นประชาธิปไตยเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการ โดยจะต้องเริ่มจากการให้ความรู้แก่เด็กและเยาวชน อีกทั้งต้องให้โอกาสคนจากทุกชาติพันธุ์ โดยชนชาติพม่าไม่ควรมีอภิสิทธิ์มากกว่าชนชาติอื่น

“นางอองซาน ซูจี มองว่าการเปลี่ยนแปลงภายในประเทศนั้นสำคัญที่สุดอยู่ที่ผู้ที่มีอำนาจว่าเห็นด้วยหรือไม่ ถ้าผู้มีอำนาจเห็นด้วย และต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง กระบวนการต่างๆ ก็จะเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว”


กำลังโหลดความคิดเห็น