ศูนย์ข่าวขอนแก่น-ตำรวจกองปราบปราม ร่วมประชุมติดตามคดียิงปลัด อบจ.ขอนแก่น เบื้องต้นตั้งประเด็นสังหารเป็นเรื่องส่วนตัว ขณะที่ตำรวจเตรียมสรุปสำนวนส่งฟ้องศาลในต้นเดือนหน้า
วันนี้ (26 มิ.ย.) พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รองผู้บังคับการตำรวจกองปราบราม เข้าร่วมประชุมร่วมกับ พล.ต.ต.ศักดา เตชะเกรียงไกร รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 พร้อมตำรวจชุดพนักงานสอบสวนคดีสังหาร นายสุชาติ โคตรรุม ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น (อบจ.ขอนแก่น) เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี หลังตำรวจสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหา 4 คน
ประกอบด้วย พ.ต.ท.สมจิต แก้วพรม รอง ผกก.(ป.) สภ.หนองเรือ หัวหน้าชุด และมือสังหาร, ด.ต.วีระศักดิ์ ชำนาญพล ผบ.หมู่ (ป.) สภ.หนองเรือ, นายประพันธุ์ ศรีพิลัย และนายบุญช่วย จูงกลาง ขณะที่ผู้ต้องหาคนที่ 5 คือ นายปิยะพงษ์ มีกำปัง ขณะนี้อยู่ในระหว่างการหลบหนีจับกุม
ล่าสุด กำลังเร่งติดตามตัวนายปิยะพงษ์ ซึ่งเป็นบุคคลที่เดินทางมาพร้อมกับทีมสังหาร และมีส่วนรู้เห็นในขณะเกิดเหตุ ซึ่งขณะนี้กำลังเร่งติดตามตัว พบว่ากำลังหลบหนีในพื้นที่ภาคกลาง ขณะที่การสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ในเรือนจำกลางขอนแก่น ผู้ต้องหาทั้ง 4 คนได้ให้การปฏิเสธในชั้นพนักงานสอบสวน
ส่วนการสอบปากคำพยานได้เรียกสอบปากคำไปแล้วกว่า 20 ปาก ขณะที่ปมสังหารตำรวจมุ่งประเด็นไปที่ปัญหาส่วนตัว และเรื่องชู้สาว ซึ่งน้ำหนักจะไปทางชู้สาว และมีการสั่งฆ่าจากชายที่มาติดพันกับหญิงสาวคนเดียวกัน รายละเอียดไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้
พล.ต.ต.ศักดา เตชะเกรียงไกร รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 กล่าวว่า ขณะนี้สำนวนของคดีใกล้เสร็จสมบูรณ์ แต่ยังเป็นห่วงในเองของอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุทั้ง 2 กระบอก ที่ยังหาไม่เจอ เพราะถือว่าเป็นหลักฐานสำคัญ ขณะที่คำให้การในชั้นศาลคาดว่าผู้ต้องหาทั้งหมดจะให้การปฏิเสธในชั้นศาล
ดังนั้น การส่งฟ้องในคดีดังกล่าวนั้น พนักงานสอบสวนมีการสรุปผลการดำเนินงาน และรวบรวมพยานอย่างครอบคลุม และรอบด้านแม้จะทำงานกันเร็วแต่เราก็จะต้องรอบคอบให้มากที่สุด เพราะถือเป็นคดีที่ทุกฝ่ายให้ความสนใจ และให้ความสำคัญ ทั้งนี้ การที่ตำรวจกองปราบปรามมาร่วมในการคลี่คลายคดีถือเป็นการลดช่องว่าง และข้อครหาที่หลายฝ่ายมองว่าตำรวจภูธรภาค 4 จะให้ความช่วยเหลือผู้ต้องหาซึ่งเป็นข้าราชการตำรวจระดับสูงในพื้นที่
ทั้งนี้ กองปราบปรามจะส่งชุดสืบสวน และพนักงานสอบสวนมาร่วมทำคดี และร่วมสรุปสำนวนก่อนส่งฟ้องต่อศาลจังหวัดขอนแก่น ซึ่งขณะนี้เหลือเพียงขั้นตอนสุดท้ายก็จะสามารถที่จะส่งสรุปสำนวนได้ในช่วงต้นเดือน ก.ค. แต่ทั้งนี้ การทำงานร่วมกันระหว่าง 2 หน่วยจะทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และสาวถึงผู้บงการได้
พ.ต.อ.ประสบโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. กล่าวว่า ชุดเฉพาะกิจที่ถูกจัดส่งมาร่วมทำงานกับตำรวจพื้นที่ทั้งการสืบสวน และการสอบสวน ซึ่งการติดตามจับกุมผู้ต้องหาคนสุดท้ายเป็นเรื่องที่สำคัญที่จะต้องเร่งรัดจับกุมเพราะการส่งฟ้องสำนวนขณะนี้พนักงานสอบสวนจะฟ้องหมดทั้ง 5 คน ในข้อกล่าวหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ไม่มีใบอนุญาตพกพาอาวุธและพกพาอาวุธไปในที่สาธารณะ
อย่างไรก็ตาม แม้ผู้ต้องหาทั้ง 4 คนได้ให้การปฏิเสธ และไม่ให้ความร่วมมือกับพนักงานสอบสวน และเชื่อว่าจะให้การปฏิเสธในชั้นศาล แต่ด้วยพยานหลักฐานที่มีอยู่ทั้งหมดจะสามารถเอาผิดได้ ในขณะที่ประเด็นของการลอบสังหารนั้น ยังตั้งไว้ในเรื่องส่วนตัว และเรื่องชู้สาว