ศูนย์ข่าวขอนแก่น- ออกหมายจับเพิ่มอีก 1 คนร้ายทีมฆ่าปลัด อบจ.ขอนแก่น หลังพยานระบุร่วมวางแผนและอยู่ในทีมสังหาร ขณะที่การสอบปากคำ 4 ผู้ต้องหาที่ฝากขังในเรือนจำไม่ได้รับความร่วมมือยันจะให้การในชั้นศาลอย่างเดียว อย่างไรก็ตาม คาดว่าสรุปสำนวนสั่งฟ้องอดีตรอง ผกก.สภ.หนองเรือและทีมสังหารได้ทันภายในเดือนมิถุนายนนี้ มั่นใจสาวถึงผู้บงการได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (13 มิ.ย.) พ.ต.อ.ไพโรจน์ กุจิรพันธุ์ พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สภ.เมืองขอนแก่น ได้เรียกประชุมด่วนทีมพนักงานสอบสวนชุดคลี่คลายคดีกรณีเมื่อเช้าวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมาคนร้ายบุกยิงนายสุชาติ โคตรทุม ปลัด อบจ.ขอนแก่น ขณะเตรียมที่จะออกไปทำงานที่ อบจ.ขอนแก่น เหตุเกิดหน้าบ้านพักในคุ้มจอมพล ถ.กสิกรทุ่งสร้าง เขตเทศบาลนครขอนแก่น ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากจวนผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นและบ้านพักของ พล.ต.ท.กวี สุภานันท์ ผบช.ภ.4 เพียง 800 เมตร
การประชุมครั้งนี้เพื่อเป็นการเร่งรัดแนวทางการสืบสวนสอบสวนในภาพรวมร่วมระหว่างชุดสืบสวนสอบสวนของ บก.สส.ภ.4, บก.ภ.จว.ขอนแก่น และ สภ.เมืองขอนแก่น เพื่อเร่งสรุปสำนวนส่งฟ้องต่ออัยการจังหวัดขอนแก่น
พ.ต.อ.ไพโรจน์ กุจิรพันธุ์ พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สภ.เมืองขอนแก่น เปิดเผยว่า การทำงานของทีมสอบสวนคดีมีความคืบหน้าทางคดีไปมาก ซึ่งชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่เพื่อรวบรวมพยานแวดล้อมในด้านต่างๆ โดยเฉพาะการพยายามเรียกภรรยาของ พ.ต.ท.สมจิต แก้วพรม อดีตรอง ผกก.(ป.) สภ.หนองเรือมาสอบปากคำ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถสอบปากคำได้ ขณะเดียวกัน จากการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 4 คนที่ถูกจับกุมได้ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้รับความร่วมมือจากผู้ต้องหาแต่อย่างใด
พนักงานสอบสวนได้ประสานขอสอบปากคำภายในเรือนจำกลางขอนแก่น แต่ผู้ต้องหาปฏิเสธที่จะพบพนักงานสอบสวนและยืนยันจะให้การในชั้นศาลเท่านั้น กระนั้นก็ตาม ทีมสอบสวนยังมั่นใจในพยานหลักฐานที่ได้สอบปากคำในชั้นพนักงานสอบสวน รวมไปถึงการชี้จุดที่เกิดเหตุและการทำแผนประกอบคำรับสารภาพทั้ง 2 จุด ทำให้มีความชัดเจนในหลักฐานทั้งหมดที่เจ้าหน้าที่มีอยู่จะเอาผิดได้
พ.ต.อ.ไพโรจน์กล่าวว่า ล่าสุดศาลจังหวัดขอนแก่นได้ออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีนี้เพิ่มอีก 1 ราย คือนายปิยะพงษ์ มีกำปัง อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 178 ม.14 ต.หนองหอย อ.พระทองคำ จ.นครราชสีมา เลขที่ จ.220/2556 ลงวันที่ 12 มิ.ย. 2556 ในฐานะผู้ต้องหาคนที่ 5 ที่ร่วมกับ พ.ต.ท.สมจิต และพวกในการก่อเหตุยิงนายสุชาติ ในข้อกล่าวหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต หลังพยานระบุชัดเจนว่านายปิยะพงษ์เป็นผู้ที่ร่วมอยู่ในขบวนการฆ่านายสุชาติ และรับรู้ถึงขั้นตอนของการลงมือสังหารด้วย
“ขณะนี้หมายจับดังกล่าวได้ส่งไปยังสถานีตำรวจต่างๆ ทั่วทั้งประเทศและด่านตรวจคนเข้าเมืองแล้วเพื่อติดตามตัวคนร้าย แต่ก็มั่นใจว่าผู้ต้องหายังคงหลบหนีการจับกุมอยู่ในเขต จ.ชัยภูมิ และนครราชสีมา” พ.ต.อ.ไพโรจน์กล่าว และว่า
สำหรับปมสังหารยังตั้งไว้ที่ประเด็นส่วนตัวและเรื่องงานในหน้าที่ แต่น้ำหนักจากวัตถุพยานต่างๆ ประเด็นความขัดแย่งส่วนตัวมีมากกว่า และจากการทำงานร่วมของชุดพนักงานสอบสวน รวมไปถึงการประสานการทำงานร่วมกับกองปราบปรามนั้นเชื่อว่าจะสามารถสาวถึงผู้บงการได้ โดยคาดว่าภายในเดือนมิถุนายนนี้จะสามารถส่งสำนวนฟ้องเพื่อเอาผิดผู้ต้องหาทั้งหมดได้ทัน
