กาฬสินธุ์ - จังหวัดกาฬสินธุ์ยังไม่พ้นวิกฤตแล้ง ชาวบ้านยังขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค และขาดน้ำทำนา เดือดร้อนกว่า 1 แสนครัวเรือน ขณะที่ทางจังหวัดยังคงประกาศให้ 18 อำเภอเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติแล้ง หลังแหล่งน้ำยังแห้งขอด โดยเฉพาะเขื่อนลำปาวมีน้ำอยู่เพียง 13%
จากการติดตามสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ณ ขณะนี้พบว่า หลายพื้นที่ยังคงประสบปัญหาภัยแล้งอย่างหนักเช่นเดิม ชาวบ้านและเกษตรกรยังคงขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค และขาดแคลนน้ำในการเพาะปลูกพืช โดยเฉพาะข้าวนาปี เนื่องจากฝนที่ตกลงมาไม่สม่ำเสมอและทิ้งช่วงนานหลายสัปดาห์ ส่งผลให้ปริมาณน้ำในแหล่งน้ำต่างๆ ยังไม่เพิ่มขึ้น
โดยเฉพาะเขื่อนลำปาว ซึ่งล่าสุดมีปริมาณน้ำอยู่เพียง 275 ล้าน ลบ.ม.เท่านั้น ไม่สามารถส่งน้ำให้แก่เกษตรกรในเขตพื้นที่ชลประทานเพื่อที่จะทำการหว่านกล้าและทำนาได้ ทำให้เกษตรกรบางส่วนต้องหันไปปลูกพื้นฤดูแล้งที่ใช้น้ำน้อยแทน โดยเฉพาะถั่วลิสง และมันสำปะหลัง
นายสุวิทย์ สุบงกฎ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ปัจจุบันสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ยังน่าเป็นห่วง หลายพื้นที่ยังไม่พ้นวิกฤต แม้จะเข้าสู่ช่วงฤดูฝนและมีฝนตกลงมาบ้างแล้ว แต่ฝนที่ตกมาก็ไม่สม่ำเสมอ ซึ่งหากตกลงมา 1 ครั้งก็ทิ้งช่วงไปนานอีกกว่า 1 สัปดาห์ ปริมาณน้ำจึงไม่ท่วมขัง แหล่งน้ำต่างๆ มีปริมาณเท่าเดิม โดยเฉพาะเขื่อนลำปาวปัจจุบันมีน้ำอยู่เพียง 275 ล้าน ลบ.ม. หรือประมาณ 13% ยังคงไม่สามารถส่งน้ำให้กับเกษตรกรในเขตพื้นที่ชลประทานได้
เกษตรกรจึงต้องชะลอการเพาะปลูกข้าวนาปีออกไปก่อนจนกว่าฝนจะตกลงมา มีเพียงเกษตรกรที่มีพื้นที่นาลุ่มเท่านั้นที่สามารถทำนาได้บางส่วน
นายสุวิทย์กล่าวอีกว่า จากข้อมูลของสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกาฬสินธุ์รายงานว่า มีประชาชนได้รับผลกระทบและได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยแล้งรวม 18 อำเภอ 132 ตำบล 1,497 หมู่บ้าน 111,000 ครัวเรือน 397,342 คน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 382,043 ไร่ มูลค่าความเสียหายทั้งหมด 2451,304,960 บาท
ปัจจุบันทางจังหวัดยังคงประกาศให้ทั้ง 18 อำเภอเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติแล้งอยู่ พร้อมทั้งประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนำรถบรรทุกน้ำออกแจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภคให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง แต่ก็เป็นการบรรเทาปัญหาเบื้องต้นเท่านั้น เนื่องจากทางจังหวัดยังขาดงบประมาณและรองบประมาณจากรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดสรรลงมาช่วยเหลืออยู่