ร้อยเอ็ด - “เป็ดเหลิม” ลงพื้นที่ประกาศเอาชนะยาเสพติดที่เมืองเกินร้อย ชี้การปฏิบัติหน้าที่ทำถูกทางแล้ว ใช้แผนซึมลึกปูพรมทุกหมู่บ้าน ผนึกกำลังแก้ปัญหา ผสมผสานกับเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนและรัฐบาล โอ่หากรัฐบาลอยู่ครบเทอมยาเสพติดจะหมดจากประเทศไทยแน่นอน
เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ (10 มิ.ย.) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี และประธานศูนย์พลังแผ่นดินเพื่อเอาชนะยาเสพติด เดินทางไปเป็นประธานเปิดโครงการที่จังหวัดร้อยเอ็ด ที่ห้องประชุมใหญ่ โรงแรมเพชรรัชต์การ์เด้น อ.เมืองร้อยเอ็ด มี พล.ต.ท.กวี ศุภานันท์ ผบช.ภ.4 นายสมศักดิ์ ขำทวีพรหม ผวจ.ร้อยเอ็ด สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภาจังหวัดร้อยเอ็ด นำหัวหน้าส่วนราชการ ตำรวจ ผู้นำท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน กว่า 3,000 คนให้การต้อนรับ
โดยนายสมศักดิ์ได้รายงานผลการดำเนินงานการปราบปรามยาเสพติดของจังหวัดร้อยเอ็ดว่า จังหวัดร้อยเอ็ดได้สร้างพลังสังคมและพลังชุมชนเอาชนะยาเสพติด หมู่บ้าน/ชุมชน เป้าหมาย 2,270 แห่ง ดำเนินการไปแล้ว 1,294 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 60 และทำการป้องกัน ปราบปราม จับกุม บำบัดรักษาผู้เสพยาเสพติดอย่างได้ผลและต่อเนื่องมาตลอด จนสถานการณ์เกี่ยวกับปัญหายาเสพติดในจังหวัดลดลงเป็นที่น่าพอใจ
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พลังแผ่นดินเพื่อเอาชนะยาเสพติดว่า การแก้ปัญหายาเสพติดของประเทศไทยมีปัญหาใน 2 ภูมิภาคของประเทศไทยที่ภาคเหนือที่มีจังหวัดเชียงรายเป็นศูนย์กลางในการนำเข้ามาซึ่งยาเสพติดจากประเทศพม่า ซึ่งสามารถเข้าไปแก้ไขปัญหาได้ในระดับหนึ่ง มีผลเป็นที่น่าพอใจ
ในขณะที่ทางภาคอีสาน ร้อยเอ็ดถือเป็นจังหวัดศูนย์กลางที่ต้องเข้ามาเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติดที่กลับมาแพร่ระบาดอีกครั้ง โดยข้ามโขงมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งต้องผนึกกำลังกันทุกระดับชั้น ตั้งแต่รัฐบาลลงไปยัง ผวจ., ตำรวจ, อำเภอ, กำนัน, ผญบ. และกลุ่มพลังมวลชนจะต้องผนึกกำลังกันปราบปรามสอดส่องอย่างเข้มงวดมากขึ้น
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า หลังจากที่รัฐบาลก่อนปล่อยปละละเลยด้านการปราบปรามอย่างจริงจังทำให้ยาเสพติดกลับมาระบาดอีกครั้ง จนตนเองเข้ามารับผิดชอบและดำเนินการอย่างจริงจังจนทำให้มีสถิติการจับกุมสูง แสดงว่ากำลังเดินถูกทางแล้ว และก็จะต้องผนึกกำลังกันเดินหน้าต่อไปเพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่อย่างจริงจัง
พร้อมกับมีการเปลี่ยนนโยบายการบำบัดผู้ติดยาให้ถือเป็นผู้ป่วยเพื่อชิงมวลชนกลับมา ส่วนผู้ค้าก็จะออกกฎหมายเอาโทษเด็ดขาดด้วยการใช้มาตรการถึงขั้นประหารชีวิตเข้าไปปราบปราม ซึ่งเชื่อมั่นว่าการผนึกกำลังกันก็จะได้ผล เมื่อสามารถลดจำนวนของผู้เสพลงก็สามารถแก้ปัญหายาเสพติดลงได้ เพราะไม่มีผู้เสพก็จะไม่มีผู้ซื้อ แล้วการนำยาเสพติดเข้ามาก็ไม่มีประโยชน์อะไร
การให้นโยบายจึงต้องเน้นสร้างศูนย์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดให้ได้ในเขตภาคอีสาน 20 จังหวัด ซึ่งเน้นให้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 และส่วนที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ ให้ทำงานเชื่อมโยงกันกับผู้แทนราษฎรในแต่ละจังหวัดซึ่งรู้จักพื้นที่เป็นอย่างดี ประสานงานกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ในการดำเนินการผู้สูบผู้เสพให้เป็นคนป่วย และดำเนินการปราบปรามเด็ดขาดแก่ผู้ผลิต ผู้จำหน่าย ภายใต้หลักนิติรัฐ นิติธรรม
“รัฐบาลมั่นใจว่าในอายุรัฐบาล 4 ปี ถ้าอยู่ครบเทอมจะทำให้สถานการณ์ยาเสพติดในประเทศลดจำนวนลงและหายไปตามเป้าหมายของรัฐบาลที่มีผมเป็นผู้รับผิดชอบดูแลนโยบายตามแนวคิดของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการแก้ปัญหายาเสพติดอย่างจริงจัง”