ลำปาง - อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ลงพื้นที่สอบผู้ต้องหา คนในสังกัดซุกปืนเข้าเรือนจำลำปาง ย้ำปัญหาที่เกิดขึ้นมีทั้งตัวบุคคล และระบบ ต้องรีบแก้ไขด่วน ระบุราชทัณฑ์ ไม่ได้บรรจุ ขรก.มากว่า 20 ปี ต้องใช้พนักงานราชการแทนจนเกิดช่องโหว่ แถมคุกมีไม่พอ เล็งให้เอกชนสร้างเพิ่มรวดเดียว 50 แห่ง แล้วให้รัฐผ่อนส่ง
วันนี้ (6 มิ.ย.56) พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย อธิบดีกรมราชทัณฑ์ พร้อมคณะ ได้เดินทางลงพื้นที่จังหวัดลำปาง เพื่อตรวจสอบเหตุการณ์และซักถามนายเอกลักษณ์ ผดุงเทศ เจ้าหน้าที่ควบคุมตรวจพิสูจน์ เรือนจำกลางลำปาง ที่ถูกจับกุมหลังแอบซุกซ่อนอาวุธปืน .32 ในลังเสื้อผ้า เพื่อนำเข้าไปให้กับนักโทษในเรือนจำใช้แหกคุก เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. ที่ผ่านมา
พ.ต.สุชาติ ได้เข้าตรวจจุดที่มีการตรวจสอบการเข้าออกของเรือนจำกลางลำปาง ก่อนที่จะเดินทางไปที่ สภ.เมืองลำปาง เพื่อสอบถามนายเอกลักษณ์ ที่ถูกคุมขังอยู่ โดยมี พล.ต.ต.พระชัย พักตร์ผ่องศรี ผู้บังคับการภูธรจังหวัดลำปาง - พ.ต.อ.ฐนกร คุ้มวงศ์ ผกก.สภ.เมืองลำปาง ให้การต้อนรับ และผู้บัญชาการเรือนจำในพื้นที่ภาคเหนือเข้าร่วมรับฟังด้วย
อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้ขอเวลาพูดคุยกับนายเอกลักษณ์ เป็นการส่วนตัว ณ ห้องผู้กำกับการ สภ.เมืองลำปาง เกือบ 40 นาที ก่อนจะนำตัวมายังห้องประชุม ชั้นสอง สภ.เมืองลำปาง
อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า หลังจากที่ได้พูดคุยกับนายเอกลักษณ์ ทำให้ได้ข้อมูลหลายอย่าง ซึ่งนายเอกลักษณ์ ยังให้การปฎิเสธเรื่องอาวุธปืนที่ถูกพบในลังผ้า โดยระบุว่า หลงลืมไว้เท่านั้น แต่ก็จะขอไปพิสูจน์ในชั้นศาล ส่วนเรื่องยาเสพติดที่พบที่บ้าน เงินสด และอุปกรณ์ต่างๆยอมรับว่าเป็นของตนเอง ทั้งยังยอมรับว่าเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ซึ่งตนเองก็เสพเช่นกัน เนื่องจากทำงานที่ไปเกี่ยวข้องกับการตรวจพิสูจน์สารเสพติด จึงได้รู้จักกับผู้ที่เสพยาเสพติด ประกอบจิตใจไม่เข้มแข็งพอจึงทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ซึ่งกรมราชทัณฑ์จะต้องเอาบทเรียนเหล่านี้กลับไปทบทวน
ปัญหาอีกจุดหนึ่งคือ กำลังเจ้าหน้าที่มีน้อย จนถึงปัจจุบันข้าราชการราชทัณฑ์มีเพียง 11,000 คน มา 20 กว่าปี โดยไม่มีการบรรจุข้าราชการเพิ่ม แต่รับเป็นพนักงานราชการเหมือนนายเอกลักษณ์ เท่านั้น ซึ่งทำให้การอบรมบ่มนิสัย การฝึกหัดไม่เข้มข้นเหมือนข้าราชการ จนเกิดปัญหา ขณะที่แต่ละเดือนมีผู้ต้องขังเพิ่มขึ้น 3,000 กว่าคน หากไม่สามารถดำเนินการแก้ปัญหาตรงจุดนี้ได้ในปี 57 จะมีผู้ต้องขังทั่วประเทศถึง 300,000 คน
ปัจจุบันเจ้าหน้าที่ 1 คนดูแลนักโทษเกือบ 30 คน ทั้งที่มาตรฐาน เจ้าหน้าที่ 1 คนต่อนักโทษ 5 คน และจะเห็นว่า ผู้ต้องขังกว่า70% เป็นผู้ต้องขังในคดียาเสพติด เพราะหากเจ้าหน้าที่ของรัฐไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดเสียเอง จะเป็นเรื่องที่น่ากลัวและอันตรายที่สุด
ดังนั้น ตรงจุดนี้ต้องรีบแก้ปัยหาหากปล่อยไว้จะยิ่งเป็นชนวนร้าย ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ถือว่าโชคดีที่ทางเรือนจำกลางลำปางตรวจพบปัญหาก่อน แต่ก็ยอมรับว่า เรือนจำยังบกพร่องในเรื่องตัวบุคคล ซึ่งต้องมีความ เคร่งครัดมากกว่านี้รวมถึงระบบด้วย
สำหรับบุคคลต้องสงสัยทั้งเจ้าหน้าที่และผู้ต้องหาในเรือนจำ จะได้มีการพูดคุยกับผู้บัญชาการเรือนจำอีกครั้ง และจะต้องรีบแก้ปัญหา โดยเบื้องต้นต้องมีมาตราการทางปกครองก่อน ส่วนในการสอบสวนเชิงลึกต้องว่ากันอีกครั้ง ขณะที่ตัวผู้ต้องขังที่มีข้อมูลว่าน่าจะเป็นผู้ที่มีอิทธิพล หรือมีข้อมูลว่าอาจจะเป็นภัยต่อทางเรือนจำ ก็จะต้องดำเนินการแก้ไขปัญหาทันทีภายใน 1-2 วันนี้
ด้านการแก้ไขปัญหาความแออัดของนักโทษ ซึ่งเรือนจำ มีจำนวนน้อยและสามารถสร้างได้เพียงปีละแห่งเท่านั้น ขณะนี้ตนมีแนวคิดที่อยากจะให้เอกชนหรือกลุ่มทุนเข้ามาดำเนินงานก่อสร้าง ครั้งเดียว 50 แห่ง หลังจากนั้นให้รัฐผ่อนส่งพร้อมดอกเบี้ย เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาความแออัดใน
วันเดียวกันมีรายงานว่า นายสมนึก สุขแสงธรรม ผู้บัญชาการเรือนจำกลางลำปาง ได้มีคำสั่งให้นายเอกลักษณ์ ที่ตกเป็นผู้ต้องหา ออกจากราชการไว้ก่อนแล้ว