กาญจนบุรี - เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนเมืองกาญจนบุรี พกหมายจับล่าข้ามจังหวัด รวบ “โอ ปากแพรก” เขยโหด ฆาตกรเลือดเย็นใช้มีดสับร่างแฟนสาว พร้อมแม่ยายวัย 70 ดับสยองคาบ้าน หลังหนีคดีนานกว่า 6 เดือน แต่ผู้ต้องหายังปากแข็งให้การปฏิเสธ
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (3 มิ.ย.) ที่หน้า สภ.เมืองกาญจนบุรี พ.ต.อ.พงษกร อุปพงษ์ ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี พ.ต.ท.วันชัย อ่อนละออ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองกาญจนบุรี พ.ต.ท.เจษฎา ปิ่นชูทอง สว.สส.สภ.เมืองกาญจนบุรี พ.ต.ต.พิเชษฐ์พงศ์ แจ้งค้ายคม สวป.สภ.เมืองกาญจนบุรี พ.ต.ท.บำรุง วสุนธรานิติกุล พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สภ.เมืองกาญจนบุรี และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง นำตัว นายวีรยุทธ หรือโอ มีเย็น อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 20 หมู่ 3 ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ฆาตกรเลือดเย็นก่อเหตุใช้อาวุธมีดฟัน น.ส.เอกหทัย หนุ่มสำเนา อายุ 34 ภรรยา และนางไล้ บิดา แม่ยาย อายุ 71 ปี อยู่บ้านเลขที่ 247/2 หมู่ 7 ต.เกาะสำโรง อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เสียชีวิตอย่างสยดสยอง หลังก่อเหตุได้หลบหนีการจับกุม เหตุเกิดเมื่อวันที่ 12 พ.ย.55 เวลา 16.00 น. และถูกจับกุมตัวเมื่อเวลา 13.00 น. ของวันที่ 1 พ.ค.56 ที่ผ่านมา ขณะแถลงข่าวผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธ และขอต่อสู่คดีในชั้นศาล
พ.ต.อ.พงษกร อุปพงษ์ ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากนายวีรยุทธ ผู้ต้องหา ได้ก่อเหตุใช้อาวุธมีดฟัน น.ส.เอกหทัย หนุ่มสำเนา แฟนสาว และนางไล้ บิดา แม่ยายเสียชีวิตอย่างสยดสยองมีบาดแผลฉกรรจ์ทั่วร่างกายทั้ง 2 ศพ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 12 พ.ย.55 เวลา 16.00 น. นับว่าผู้ต้องหาลงมือก่อเหตุดังกล่าวอย่างเหี้ยมโหดและเลือดเย็น และหลังก่อเหตุ ผู้ต้องหาได้หลบหนีไปกบดานในหลายพื้นที่ และหลายจังหวัดซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เร่งติดตามจับกุมตัวมาอย่างต่อเนื่องแต่คลาดกันมาโดยตลอด
ล่าสุด เจ้าหน้าที่สืบทราบว่า ผู้ต้องหาได้หลบไปอยู่ในพื้นที่จังหวัดอุทัยธานี โดยแฝงตัวไปเป็นคนงานก่อสร้างที่โชว์รูมรถยนต์แห่งหนึ่ง หลังทราบเป็นที่แน่ชัดจึงได้สั่งการให้ พ.ต.ท.วันชัย อ่อนละออ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองกาญจนบุรี พ.ต.ท.เจษฎา ปิ่นชูทอง สว.สส.สภ.เมืองกาญจนบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี รวม 9 นาย ออกเดินทางไปยังสถานที่ก่อสร้างดังกล่าว พร้อมหมายจับศาลจังหวัดกาญจนบุรี ที่ มจ.702/2555 ลงวันที่ 13 พ.ย.55 เมื่อไปถึงเจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลัง และทำการซุ่มโป่งโดยรอบบริเวณ
รอจนกระทั่งเวลา 13.00 น. เจ้าหน้าที่พบบุคคลต้องสงสัยลักษณะผมยาวมีหนวดเครา รูปร่างขาวท้วม สูงประมาณ 170 เซนติเมตร ซึ่งลักษณะแตกต่างไปจากเมื่อประมาณ 6 เดือนที่แล้ว ขณะนั้นมีลักษณะผมสั้น และไม่มีหนวดเครา แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้แสดงตัว และจับกุมได้ในที่สุด พร้อมทั้งแสดงหมายจับให้ผู้ต้องหาดูถึงกับหน้าซีด และเข่าอ่อน จากนั้นจึงคุมตัวผู้ต้องหาไปยัง สภ.อุทัยธานี เพื่อลงบันทึกประจำวัน จากนั้นคุมตัวกลับมาดำเนินคดีที่ สภ.เมืองกาญจนบุรี ในทันที
ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี เปิดเผยต่อว่า จากการสอบสวนพยานบุคคล ทราบว่า นายวีรยุทธ ผู้ต้องหา กับ น.ส.เอกหทัย และนายโจ๊ก (นามสมมติ) สามีของผู้ตายเป็นเพื่อนสนิทกัน ต่อมา ประมาณกลางปี พ.ศ.2555 นายโจ๊ก สามีของผู้ตายถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมในข้อหายาเสพติดศาลตัดสินจำคุกหลายปี ก่อนถูกดำเนินคดี นายโจ๊ก ได้ฝากให้ผู้ต้องหาช่วยดูแลภรรยาให้ด้วยจนกว่าจะออกจากคุก โดยผู้ตายเองก็ทราบดี และต่อมาขณะที่สามีของผู้ตายถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ ปรากฏว่า ผู้ต้องหากับผู้ตายเกิดชอบกันขึ้นมา และในที่สุดก็ได้เสียอยู่กินกันฉันสามีภรรยาที่บ้านของผู้ตาย
จนกระทั่งก่อนเกิดเหตุ น.ส.เอกหทัย ผู้ตาย ทราบว่านายโจ๊ก สามี กำลังได้รับอิสระจากเรือนจำ ผู้ตายจึงเอ่ยปากขอเลิกกับผู้ต้องหา แต่ผู้ต้องหาไม่ยอม จึงเกิดการทะเลาะกันอย่างรุนแรง ด้วยความหึงหวง และโมโหจึงคว้ามีดฟันไปตามร่างกายของผู้ตายแบบไม่ยั้งมือ ขณะนั้นนางไล้ เห็นเหตุการณ์เข้าพอดี จึงได้เข้ามาห้ามปรามให้หยุด ด้วยความโมโหจึงใช้มีดเล่มเดียวกันฟันไปที่ร่างของนางไล้ แบบไม่ยั้งเช่นกัน
จนกระทั่งทั้งสองแน่นิ่ง และเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ จากนั้นจึงได้เก็บเสื้อผ้าแล้วหลบหนีไปอยู่ตามสถานที่ต่างๆ หลายแห่ง และหลายจังหวัด เนื่องจากทราบดีว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังไล่ล่าติดตามจับกุมตัวอยู่ จนกระทั่งเรื่องเงียบไป ทำให้ผู้ต้องหาชะล่าใจจึงไปสมัครงานเป็นคนงานก่อสร้างที่กำลังก่อสร้างศูนย์โชว์รูมขายรถยนต์ชื่อดังในพื้นที่จังหวัดอุทัยธานี เมื่อได้โอกาสเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าจับกุมตัวได้ในที่สุด และจากการสอบสวนเบื้องต้น นายวีรยุทธ ผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธ และขอสู้คดีในชั้นศาล ทั้งนี้ ถึงแม้ผู้ต้องหาจะให้การปฏิเสธ แต่เจ้าหน้าที่ก็มีพยานหลักฐานที่แน่นหนาพอที่จะเอาผิดผู้ต้องหาได้ทั้งพยานบุคคล และพยานวัตถุ หรือแม้กระทั่งลายนิ้วมือจากมีดที่ใช้ก่อเหตุ
ด้านนายวีรยุทธ ผู้ต้องหา กล่าวขณะแถลงข่าวด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยว่า ตนขอปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา เนื่องจากวันเกิดเหตุตนไปงานศพแม่ ข้อมูลทั้งหมดได้ให้การต่อเจ้าหน้าที่ไปแล้ว และจะขอต่อสู้คดีในชั้นศาลเท่านั้น