กาญจนบุรี - ตร.กาญจน์ รวบเมียสาวชาวญี่ปุ่น พร้อมกิ๊กเดนคุก ร่วม 3 ทรชน รวมหัวย่องเบาฉกทรัพย์ร้านจิวเวลรีมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท สุดตาถั่วคิดว่าของประดับราคาถูก แบ่งกันเก็บไว้บ้านโดนรวบยกชุด สารภาพหาเงินใช้หนี้และเที่ยวเตร่
เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (31 พ.ค.) พล.ต.ต.กมลสันติ กลั่นบุศย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี พ.ต.อ.มานิตย์ จำลองรักษ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี พ.ต.อ.ชินภัทร ตันศรีสกุล รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี พ.ต.อ.มนต์ชัย เพ็ญสูตร รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี พ.ต.อ.จรินทร์ วัฒนวัฒนไพสาณฑ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี พ.ต.อ.บุญญฤทธิ์ รอดมา รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี และ พ.ต.อ.พงษกร อุปพงษ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรี พ.ต.อ.ณัชชัชพงศ์ ศศลักษณานนท์ พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ (พงส.ผทค) สภ.เมืองกาญจนบุรี พ.ต.ท.วันชัย อ่อนละออ รองผู้กำกับการสืบสวนตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรี
นำตัว นางวรเนตร หรือนิด โคบายาชิ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 24 หมู่ 8 ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี นายสุรศักดิ์ หรือเหน่ง คงธาร อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 24 หมู่ 8 ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี นายรุ่งอรุณ หรือโอจั๊ว นุ่มวัฒนา อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 18/2 หมู่ 4 ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี นายกาญจน์ หรือเก่ง ธงทอง อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 133/26 ต.บ้านเหนือ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี และ นายราเมศ หรือนุ้ย ตันประทุมวงษ์ อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 16 หมู่ 2 ต.หนองบ่อ อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี พร้อมของกลางเป็นเครื่องประดับข้อมือทองคำ และอัญมณีต่างๆ จำนวน 454 ชิ้น มูลค่า 2,398,550 บาท มาแถลงข่าวที่หน้าสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองกาญจนบุรี โดยมีนางจิรภา และนายอานนท์ จุลขันธ์ สองแม่ลูกเจ้าของร้าน จิรภา จิวเวลรี ผู้เสียหายเดินทางมาตรวจสอบทรัพย์ และชี้ตัวผู้ต้องหา
พล.ต.ต.กมลสันติ กลั่นบุศย์ กล่าวว่า วันที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนได้เข้าไปลักทรัพย์ภายในร้าน จิรภา จิวเวลรี เลขที่ 15/1 หมู่ 8 ต.ปากแพรก ได้ทรัพย์สินประเภทอัญมณีไปหลายรายการ มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท โดยมีนายอานนท์ ผู้เสียหายเดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์พร้อมทั้งชี้เบาะแสกลุ่มบุคคลต้องสงสัยให้ทราบ ซึ่งต่อมา เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ลงพื้นที่หาข่าว จนเป็นที่แน่ชัดว่า ผู้ต้องหาทั้ง 5 คนเป็นกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุ ดังนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจนำโดย พ.ต.อ.พงษกร อุปพงษ์ จึงได้ทำรายงานไปที่ศาลจังหวัดกาญจนบุรีเพื่อขออนุมัติหมายค้น จากนั้นนำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านของนางวรเนตร หรือนิด โคบายาชิ ภรรยาสาวชาวญี่ปุ่น พบของกลาง จำนวน 10 ชิ้น ซุกซ่อนอยู่ภายในบ้าน เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวมาสอบสวนในเชิงลับเพื่อขยายผลจับกุมตัวผู้ร่วมขบวนการ และสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ทั้งหมดรวม 5 ราย พร้อมยึดทรัพย์ทรัพย์สินทั้งหมดคืนเจ้าของได้ โดยที่ยังไม่ถูกนำไปจำหน่ายแต่อย่างใด
ด้าน พ.ต.อ.พงษ์การ อุปพงษ์ ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี กล่าวว่า สำหรับนางวรเนตร ผู้ต้องหาที่ 1 มีสามีเป็นชาวญี่ปุ่น แต่ต่อมาได้มาคบหาอยู่กับ นายสุรศักดิ์ ผู้ต้องหาที่ 2 ที่เพิ่งพ้นโทษออกมาจากเรือนจำจังหวัดกาญจนบุรี ในข้อหายาเสพติด อีกทั้งบ้านอยู่ติดกับบ้านของผู้เสียหาย และรู้ความเคลื่อนไหวของเจ้าของบ้านเป็นอย่างดี จากนั้นผู้ต้องหาทั้ง 5 คน จึงได้วางแผนร่วมกันเพื่อที่จะก่อเหตุลักทรัพย์ภายในร้านจิวเวลรีดังกล่าว และรอจังหวะจนกระทั่งเจ้าของบ้านไม่อยู่ จึงได้ปีนขึ้นไปบนหลังคาบ้านแล้วเปิดฝ้าเพดานออกจากนั้นจึงโรยตัวลงมา และลงมือขโมยเอาทรัพย์สินทั้งหมดไป
ทั้งนี้ ผู้ต้องหารับสารภาพว่า ต้องการเงินไปใช้หนี้ และซื้อยามาเสพ พร้อมทั้งนำเงินไปเที่ยวเตร่ จึงได้ร่วมกันวางแผนที่จะเข้าไปขโมยทรัพย์สินภายในร้านจิวเวลรีดังกล่าว เพราะทราบดีว่าเจ้าของร้านจะนำอัญมณีที่เป็นเครื่องประดับต่างๆ ไปโชว์ และขายตามพื้นที่ต่างๆ ที่มีการจัดงานแสดงสินค้าโอทอป รอจนกระทั่งวันที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมา จึงได้โอกาสเพราะเจ้าของร้านไม่อยู่ จากนั้นจึงได้ลงมือเข้าไปขโมยเอาทรัพย์สินทั้งหมดมาแบ่งกัน แต่ยังไม่รู้ว่าจะนำไปขายให้แก่ใคร จึงเก็บเอาไว้ภายในบ้าน แต่ก็มาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้ในที่สุด
ด้านนางจิรภา และ นายอานนท์ 2 แม่ลูก เจ้าของร้านจิวเวลรีผู้เสียหาย เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุตน และครอบครัวไม่อยู่บ้านเนื่องจากต้องนำอัญมณีไปโชว์ขายที่เมืองทองธานี เพราะมีการจัดงานการแสดงสินค้าโอทอป ระดับ 5 ดาว หลังจากเสร็จงานตนได้เดินทางกลับมาที่ร้านซึ่งก็พบว่าอัญมณีที่เก็ไว้ในตู้โชว์รวมทั้งที่เก็บเอาไว้ในกระเป๋าทั้งหมดหายไป จึงได้เดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.เมืองกาญจนบุรี เพื่อให้ติดตามจับกุมตัวคนร้าย พร้อมทั้งแจ้งเบาะแสกลุ่มบุคคลต้องสงสัยให้เจ้าหน้าที่ทราบ และสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ทั้งหมด
สำหรับอัญมณีที่ถูกขโมยไป ชิ้นที่มีราคาถูกที่ถูกที่สุดอยู่ที่ประมาณ 1 หมื่นกว่าบาท แพงสุดประมาณ 1 แสนกว่าบาท รวมมูลค่าทรัพย์ที่ถูกขโมยไปทั้งหมด 2,398,550 บาท นับว่าโชคดีเป็นอย่างมากที่ผู้ต้องหายังไม่นำทรัพย์สินไปขายให้ใคร และต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้อย่างรวดเร็ว