บุรีรัมย์ - ตร.ทางหลวงบุรีรัมย์ สกัดจับแก๊งค้ายาใช้รถยนต์ติดตรา “สตช.” และใช้วิทยุติดต่อสื่อสารหลบเลี่ยงการตรวจจับของ จนท. ขนยาบ้ากว่าแสนเม็ดกระจายส่งให้เครือข่ายตามจังหวัดต่างๆ ในภาคอีสาน-เหนือ ได้ผู้ต้องหา 3 ราย ของกลางเหลือ 42,000 เม็ด พร้อมประสาน ตร.ภาค 3 ขยายผลรวบเอเยนต์ใหญ่
เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (16 พ.ค.) พ.ต.อ.เอกมนต์ พรชูเกียรติ ผู้กำกับการ 6 กองบังคับการตำรวจทางหลวง (ผกก.6 บก.ทล.) พร้อม พ.ต.ท.สุชาติ ผิวอ่อน สว.สถานีตำรวจทางหลวง 2 กองบังคับตำรวจทางหลวง (บุรีรัมย์) ได้ร่วมกันแถลงผลการจับกุมแก๊งค้ายาเสพติดรายสำคัญ ที่สถานีตำรวจทางหลวงบุรีรัมย์
หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงบุรีรัมย์ ได้ทำการสกัดจับแก๊งค้ายาเสพติดได้ที่บริเวณจุดตรวจใกล้สี่แยกกระสัง ต.กระสัง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ หลังได้รับแจ้งจากสายว่า มีรถต้องสงสัยวิ่งมาจากทางแยกภัทร มุ่งหน้าเข้าตัวเมืองบุรีรัมย์ จากนั้นพบรถยนต์อีซูซุ รุ่นแกรนด์ แอดเวนเจอร์ สีน้ำตาลแดง หมายเลขทะเบียน ภน 5411 กรุงเทพมหานคร ท่าทางมีพิรุธจึงได้เรียกขอตรวจค้น
จากการตรวจค้นภายในรถยนต์คันดังกล่าว พบห่อกระดาษพันด้วยเทปกาวอย่างมิดชิดซุกซ่อนในกระเป๋าถือของผู้หญิง 2 ใบ และเมื่อแกะตรวจสอบด้านในต้องตะลึงเมื่อพบว่าเป็นยาบ้าชนิดสีส้ม จำนวน 21 ห่อๆ ละ 2,000 เม็ด รวมทั้งสิ้น 42,000 เม็ด นอกจากนี้ ภายในรถยังพบเงินสดจำนวนหนึ่งพร้อมรายชื่อเครือข่าย หรือเป้าหมายที่จะนำยาบ้าไปส่ง วิทยุสื่อสาร 1 เครื่อง ที่ใช้สำหรับติดต่อสื่อสารกับรถยนต์คันที่วิ่งนำหน้าเพื่อดูต้นทาง ซึ่งได้ไหวตัวทันขับหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ไปได้
นอกจากนั้น ยังพบว่ารถคันดังกล่าวที่ใช้ในการลำเลียงยาบ้ามีการติดตราสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ทั้งด้านหน้า และด้านหลังเพื่อเป็นการตบตา และหลบเลี่ยงการตรวจจับของเจ้าหน้าที่ด้วย
จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ประกอบด้วย นายสนอง สุดตา อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 746 ม.5 ต.น้ำอ้อม อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ คนขับ นายสราวุธ กันธินาม อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 141 ม.7 ต.นาผือ อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานกับเอเยนต์ และเครือข่ายที่จะนำยาบ้าไปส่ง และนายคมสันต์ สุดาเดช อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 102 ม.10 ต.แสนสุข อ.พนมไพร จ.ร้อยเอ็ด ทำหน้าที่นำยาบ้าไปวางตามจุดนัดหมาย ส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์ เพื่อควบคุมตัวไว้ดำเนินคดีตามกฎหมาย ในข้อหาร่วมกันยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย
จากการสอบถามผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพว่า เป็นเพียงผู้รับจ้างลำเลียงยาบ้ามากระจายส่งให้แก่เครือข่ายตามจังหวัดต่างๆ ทางภาคเหนือ และภาคอีสาน กว่า 1 แสนเม็ด โดยใช้วิธีวางยาบ้าไว้ตามหลักกิโลเมตร หรือตามจุดนัดหมายในแต่ละจังหวัดๆ ละ 2,000-3,000 เม็ด เพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกต หรือจุดสนใจของเจ้าหน้าที่ ก่อนจะถูกจับกุมได้ตระเวนกระจายส่งให้เครือข่ายตามจังหวัดต่างๆ ไปแล้วกว่า 20 จุด ส่วนที่เหลืออีก 42,000 เม็ด กำลังนำมาส่งที่ จ.บุรีรัมย์ และอีกหลายจังหวัดในพื้นที่ภาคอีสาน แต่มาถูกจับกุมได้เสียก่อน
โดยอ้างว่าได้ค่าจ้างคนละ 30,000 บาท และเพิ่งทำเป็นครั้งแรก แต่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อพร้อมทั้งจะได้ประสานไปยังทางกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 เพื่อสอบสวนขยายผลจับเอเยนต์รายใหญ่มาดำเนินคดีต่อไป
ทางด้าน พ.ต.อ.เอกมนต์ พรชูเกียรติ ผู้กำกับการ 6 กองบังคับการตำรวจทางหลวง (ผกก.6 บก.ทล.) กล่าวว่า การจับกุมยาบ้าในครั้งนี้ถือว่าเป็นล็อตใหญ่ในรอบปี ในพื้นที่รับผิดชอบ 9 จังหวัดภาคอีสาน อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะได้กำชับให้ตำรวจทางหลวงทั้ง 9 จังหวัด ได้ประสานกับตำรวจท้องที่เพิ่มความเข้มในการตรวจจับมากขึ้น โดยเฉพาะรถต้องสงสัยที่นำสติกเกอร์ตราสัญลักษณ์ของทางราชการมาติด เพื่อตบตาไม่ให้ถูกเรียกตรวจ จะต้องมีการตรวจสอบเป็นพิเศษด้วย