xs
xsm
sm
md
lg

“ชาวไทรโยค” ค้านยุบโรงเรียนขนาดเล็ก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กาญจนบุรี - ชาวไทรโยค กาญจนบุรี ค้านยุบโรงเรียนขนาดเล็ก หวั่นสร้างภาระให้ครอบครัวที่ยากจน เผยเด็กทุกคนมีคุณภาพดีอยู่แล้ว ด้าน ผอ.สพป.เขต 3 แนะให้ทุกคนมองไปข้างหน้าเพื่ออนาคตที่ดีของบุตรหลาน

เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (15 พ.ค.) จากกรณีที่ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ มีนโยบายให้ยุบ หรือยุบรวมโรงเรียนขนาดเล็กที่มีเด็กนักเรียนต่ำกว่า 60 คน โดยเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาญจนบุรี เขต 3 อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี มีโรงเรียนขนาดเล็กอยู่ในสังกัด 80 โรงเรียน มีโรงเรียนขนาดเล็กที่เข้าข่าย 3 โรงเรียน ประกอบด้วย โรงเรียนบ้านหนองปรือ หมู่ 4 ต.สิงห์ อ.ไทรโยค มีเด็กนักเรียนจำนวน 43 คน โรงเรียนบ้านพุปลู หมู่ 5 ต.สิงห์ อ.ไทรโยค มีเด็กนักเรียน 59 คน และโรงเรียนบ้านยางโทน หมู่ 3 ต.ศรีมงคล อ.ไทรโยค มีเด็กนักเรียน 49 คน

จากกรณีดังกล่าว นางทำนอง ศรีราจันทร์ สมาชิก อบต.สิงห์ หมู่ 4 อ.ไทรโยค ผู้ทรงคุณวุฒิโรงเรียนบ้านหนองปรือ กล่าวว่า ตนไม่เห็นด้วยที่จะมีการยุบโรงเรียนขนาดเล็ก โดยเฉพาะโรงเรียนบ้านหนองปรือแห่งนี้ ถึงแม้โรงเรียนบ้านหนองปรือ จะเป็นโรงเรียนขนาดเล็ก มีเด็กนักเรียนไม่ถึง 60 คน แต่เด็กนักเรียนทุกคนก็เป็นเด็กที่มีคุณภาพที่เพียงพอ ที่ผ่านมา มีเด็กนักเรียนหลายคนที่เรียนจบจากที่นี่ และได้ไปศึกษาต่อที่สถาบันการศึกษาอื่นๆ เมื่อเรียนจบก็มาประกอบอาชีพข้าราชการก็มีมาก

ที่สำคัญคือ หากมีการยุบโรงเรียนแล้วนำเด็กนักเรียนไปเรียนรวมกับโรงเรียนอื่นที่มีระยะทางการเดินที่ไกลออกไป จะเป็นการสร้างภาระให้แก่ครอบครัวมากยิ่งขึ้น เนื่องจากชาวบ้านส่วนใหญ่มีอาชีพทำไร่ และรับจ้างทั่วไป ฐานะทางบ้านค่อนข้างจะยากจน หากต้องนำบุตรหลานไปเรียนยังที่ห่างไกล ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นชาวบ้านจะเอามาจากที่ไหน
 
เชื่อว่าหากไม่มีนโยบายดังกล่าวขึ้นมา ชาวบ้านก็สามารถส่งเสียบุตรหลานให้ได้ศึกษาตามระบบของมันอยู่แล้ว และหากมีการยุบโรงเรียนบ้านหนองปรือจริง ตนเชื่อว่าชาวบ้านทั้งหมู่บ้านจะออกมาคัดค้านกันอย่างแน่นอน ดังนั้น จึงฝากไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ช่วยกันคิดวิเคราะห์ และแยกแยะให้ดีว่าสมควรหรือไม่ที่จะยุบ หรือยุบรวมโรงเรียนขนาดเล็ก ส่วนตน และชาวบ้านไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน

ด้านนายอธิวัฒน์ พันธ์ประชา ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากาญจนบุรี เขต 3 กล่าวว่า ปัจจุบัน เส้นทางการเดินทางไม่ได้ลำบากเหมือนก่อน ซึ่งหากมีการยุบรวมโรงเรียนขนาดเล็กจริง เราก็สามารถบริหารจัดการร่วมกันได้ ส่วนตนมองว่าจะเป็นการสร้างโอกาสด้านการศึกษาให้แก่บุตรหลานมากขึ้น เด็กจะได้มีคุณภาพทางด้านการศึกษาที่ดี และเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ อีกทั้งหากมีการยุบรวมกันจริงการเดินทางก็ไม่ไกลมากนักโดยเดินทางไม่เกิน 3 กิโลเมตร ซึ่งจะมีรถรับส่งฟรีอยู่แล้ว

“นี่เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัว ขอแสดงความคิดเห็น 2 ประการคือ อยากให้ทุกคนมองข้ามเรื่องการเมือง ไม่อยากให้การเรียนรู้ของเด็กๆ มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง อีกประการคือ ความผูกพันระหว่างชาวบ้านกับโรงเรียน ตนเข้าใจว่าโรงเรียนขนาดเล็กบางแห่งนั้นสร้างขึ้นมานานหลายสิบปี จึงทำให้มีความผูกพันกันซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา แต่อยากให้ทุกคนมองไปข้างหน้าเพื่ออนาคตที่ดีของบุตรหลานของท่านเอง แต่อย่างไรก็ตาม นโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีความแน่ชัดว่านโยบายดังกล่าวจะสามารถทำได้หรือไม่ เพราะหากประชาชนในพื้นที่นั้นๆ ส่วนมากไม่เห็นด้วยก็คงไม่สามารถทำได้”

รายงานข่าวว่า บุคคลสำคัญของหมู่บ้านที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ ประกอบด้วย นางดรุณี ฤทธิ์ศรสันต์ ประธานกรรมการสถานศึกษา นางทำนอง ศรีราจันทร์ ผู้ทรงคุณวุฒิ นายไพรัช สิงหรา กรรมการสถานศึกษา น.ส.นรินธร สมบูรณ์ผล กรรมการสถานศึกษา และนางทองชุบ ไม้แก้ว อดีตกรรมการสถานศึกษา ทั้งหมดพร้อมที่จะเรียกชาวบ้านในหมู่บ้านมาร่วมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวนโยบายดังกล่าว และจากการได้พูดคุยกับชาวบ้านต่างแสดงความคิดเห็นว่า ไม่เห็นด้วยกับการยุบรวมโรงเรียนขนาดเล็ก อีกทั้งได้จับกลุ่มรวมตัวกันตามร้านค้าที่มีอยู่ในหมู่บ้าน ต่างวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา



กำลังโหลดความคิดเห็น