ศรีสะเกษ- ตร.กองพิสูจน์หลักฐานตรวจลายนิ้วมือแฝงรถซ่อมตู้เอทีเอ็มธนาคารกรุงไทย หาร่องรอยคนร้ายงัดตู้เอทีเอ็มฉกเงินไปร่วม 5 ล้านบาท คาดลงมือไม่น้อยกว่า 2 คน ด้านรอง ผบช.ภ.3 มั่นใจจะสามารถจับกุมคนร้ายได้ในเร็ววันนี้
วันนี้ (8 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีคนร้ายใช้ไฟก๊าซตัดกุญแจตู้เอทีเอ็ม ธนาคาร กรุงไทย จำกัด ตั้งอยู่ข้างที่ว่าการ อ.เบญจลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้เงินไป 4.9 ล้านบาท กลางดึกวันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมานั้น ล่าสุดวันนี้ที่บริเวณด้านหน้า สภ.เบญจลักษ์ อ.เบญจลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พ.ต.ท.สันติรักษ์ มงคลนำ สว.กองพิสูจน์หลักฐาน ได้นำเจ้าหน้าที่ ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานจากตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ เดินทางมาตรวจสอบหาลายนิ้วมือแฝงและหาร่องรอยเบาะแสของคนร้ายที่โจรกรรมเงินสดไปจากตู้เอทีเอ็มของธนาคาร กรุงไทย จำกัด
โดยได้ทำการตรวจพิสูจน์รถปิกอัพยี่ห้อโตโยต้า สีขาว หมายเลขทะเบียน ฒง 7409 กรุงเทพฯ ด้านข้างรถติดข้อความว่า D-119 และ งานขนส่งเอกสาร/แก้ไข ATM ซึ่งเป็นรถของธนาคารกรุงไทย จำกัด และได้มาทำการซ่อมแก้ไขตู้เอทีเอ็มก่อนถูกงัดเอาเงินไปจำนวน 4.9 ล้านบาท โดยมีพนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เบญจลักษ์ได้ร่วมตรวจสอบด้วย
พ.ต.ท.สันติรักษ์ มงคลนำ สว.กองพิสูจน์หลักฐาน กล่าวว่า คนร้ายกลุ่มนี้เป็นมืออาชีพในการงัดตู้เอทีเอ็ม เนื่องจากร่องรอยในการใช้ไฟก๊าซตัดกุญแจทำอย่างเชี่ยวชาญ และกล้าลงมือโจรกรรมแม้ว่าตู้เอทีเอ็มตั้งอยู่ติดกับที่ว่าการ อ.เบญจลักษ์ ซึ่งเป็นสถานที่ราชการและอยู่ห่างจาก สภ.เบญจลักษ์ประมาณ 300 เมตรเท่านั้น ซึ่งจากการตรวจพิสูจน์ที่เกิดเหตุคาดว่าจะมีคนร้ายไม่น้อยกว่า 2 คน และขณะนี้กำลังดำเนินการตรวจสอบหาลายนิ้วมือแฝงของคนร้ายรายนี้อย่างเร่งด่วน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะเดียวกันพนักงานสอบสวน สภ.เบญจลักษ์ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ของธนาคารกรุงไทย จำกัด ได้นำกล้องวงจรปิดส่งไปยังธนาคารกรุงไทย จำกัด สำนักงานใหญ่ เพื่อทำการตรวจสอบหาหลักฐานและตรวจสอบผู้ต้องสงสัยที่เข้ามาบริเวณตู้เอทีเอ็มแห่งนี้ก่อนที่กล้องวงจรปิดจะหยุดทำงานเมื่อเวลาประมาณ 02.00 น. ของวันที่ 4 พ.ค. เพื่อหาเบาะแสของคนร้ายกลุ่มนี้เพิ่มเติมต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.กรกต สาริยา รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ( รอง ผบช.ภ.3) เปิดเผย ว่า พล.ต.ท.เชิด ชูเวช ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (ผบช.ภ.3) ได้มอบหมายให้ตนติดตามความคืบหน้าของคดีนี้ และจากการประชุมร่วมกับตำรวจชุดคลี่คลายคดีทราบว่าผลการสืบสวนหาตัวคนร้ายมีความคืบหน้ามาก ขณะนี้ได้รู้เบาะแสของโจรกลุ่มนี้แล้ว และจากการตรวจสอบตู้เอทีเอ็มสถานที่เกิดเหตุได้พบหลักฐานต่างๆ และร่องรอยคนร้ายเพิ่มมากขึ้น ซึ่งตนได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดคลี่คลายคดีได้สืบสวนหาหลักฐานต่างๆ เพิ่มเติมให้มากที่สุดเพื่อจะได้ใช้เป็นหลักฐานในการมัดตัวคนร้ายกลุ่มนี้ให้ได้ และตนมั่นใจว่าจะสามารถจับกุมคนร้ายได้ในเร็วๆ นี้อย่างแน่นอน
